หลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษมาใหม่ๆ ปากีสถานมีแผ่นดินห่างกัน โดยมีอินเดียคั่น คือปากีสถานตะวันตก (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน) และปากีสถานตะวันออก (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ)

ค.ศ.1970 พรรคสันนิบาตอะวามี ที่มีเชค มูจีบูร์ เราะห์มาน หรือมูจีบ เป็นหัวหน้าพรรคชนะเลือกตั้งในปากีสถาน มูจีบยื่นข้อเสนอให้มีการปกครองแบบสหพันธ์ที่มีปากีสถานภาคตะวันตกและภาคตะวันออก ให้แต่ละภาคมีรัฐบาลของตนเอง และมีเงินตราใช้เอง มีธนาคารสหพันธ์ควบคุมไม่ให้ย้ายทรัพย์สินและเงินทุนจากภาคหนึ่งไปอีกภาคหนึ่ง

ซุลฟิการ์ อาลี บุตโต หัวหน้าพรรคประชาชนปากีสถานที่ได้คะแนนเสียงเป็นที่ 2 ไม่ยอมให้พรรคสันนิบาตอะวามีจัดตั้งรัฐบาลมูจีบจึงนำประชาชนประท้วง พวกปากีสถานตะวันตกจึงส่งกองทัพไปโจมตีเมืองธากาของปากีสถานตะวันออกเมื่อ 25 มีนาคม 1971 และจับมูจีบไปขัง สมาชิกพรรคที่เหลือจึงหนีเข้าอินเดียและจัดตั้งรัฐบาลบังกลาเทศพลัดถิ่น

2 วันต่อมา พันตรีเซียอูร์ เราะห์มาน ตั้งประเทศบังกลาเทศในนามของมูจีบ นางอินทิรา คานธี นายกฯอินเดีย ประกาศหนุนการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของปากีสถานตะวันออก พวกปากีสถานตะวันตกซึ่งทะเลาะกับอินเดียอยู่แล้วเรื่องแคชเมียร์จึงปราบพวกตะวันออกอย่างรุนแรง ไม่ถึงปี คนปากีสถานตะวันออกลี้ภัยสงครามการเมืองไปอยู่อินเดียมากถึง 10 ล้านคน

ตอนนั้น รัฐบาลอินเดียคิดทำสงครามกับปากีสถาน เพื่อแก้ปัญหาผู้ลี้ภัยที่เป็นภาระหนักให้กับอินเดียอยู่เหมือนกัน

ปากีสถานเป็นพันธมิตรกับจีน จีนไม่ถูกกับอินเดีย หากอินเดียรบกับปากีสถาน ทหารจีนจะต้องช่วยปากีสถานแน่ อินเดียอยากจะซัดปากีสถานเต็มแก่ แต่ต้องรอหน้าหนาว เพราะหน้าหนาวหิมะจะปิดช่องเขาหิมาลัยทำให้ทหารจีนเข้ามาช่วยปากีสถานรบไม่ได้

อินเดียประเมินว่าจีนและสหรัฐฯจะช่วยปากีสถาน จึงไปลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพมิตรภาพและความร่วมมือ 20 ปี อินเดีย-โซเวียต หากรบไม่ไหว อินเดียตั้งใจว่าจะให้โซเวียตช่วย

...

อินเดียวางแผนบุกเพื่อปลดปล่อยบังกลาเทศในวันที่ 4 ธันวาคม 1971 แต่ปากีสถานซัดอินเดียซะก่อนโดยส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดปูพรมถึง 50 ลำ จนสนามบินทหารของอินเดียใช้ไม่ได้ พอโดนโจมตี อินเดียจึงประกาศรับรองประเทศใหม่ที่มีชื่อว่าบังกลาเทศทันที และรีบบุกเข้าในปากีสถานตะวันออก เพื่อซัดกับทหารปากีสถานซึ่งส่วนใหญ่มาจากปากีสถานตะวันตก อินเดียคิดว่าตนเองต้องรีบบุกก่อนที่จีน สหรัฐฯ และสหประชาชาติ จะเข้ามาขัดขวาง

และก็เป็นไปตามคาด สหรัฐฯซึ่งเป็นพวกของปากีสถานประกาศว่าอินเดียเป็นผู้บุกรุกและตัดความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่อินเดีย แถมส่งกองเรือที่ 7 พร้อมเรือบรรทุกเครื่องบินขับเคลื่อนพลังงานนิวเคลียร์มาข่มขู่อินเดียในอ่าวเบงกอล แต่นายกฯ คานธีไม่กลัวกองทัพสหรัฐฯ ท่านสั่งทหารอินเดียให้รีบบุกกรุงธากา และบังคับให้ทหารปากีสถานยอมแพ้

ปากีสถานตะวันตกหมดทางสู้จึงยอมหยุดยิง และปล่อยตัวมูจีบให้มาเป็นผู้นำบังกลาเทศ เรือรบและเรือบรรทุกเครื่องบินขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯทำอะไรอินเดียไม่ได้ เพราะโดนกองเรือรบติดขีปนาวุธนิวเคลียร์และเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของโซเวียตประกบอยู่ตลอด

สงครามอินเดีย-ปากีสถานครั้งที่ 3 ค.ศ.1971 อินเดียชนะปากีสถานอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ปากีสถานตะวันออกจึงกลายเป็นประเทศใหม่ที่มีชื่อบังกลาเทศอย่างสมภาคภูมิ

หลังจากนั้นอีก 28 ปี ค.ศ.1999 ปากีสถานก็บุกแคชเมียร์อีก นายกฯ อะดัล พิหารี วัชปายี ของอินเดีย จึงโทร.ไปหานายนาวาซ ชารีฟ นายกฯปากีสถาน เพื่อประท้วงการบุก นายกฯชารีฟบอกว่าอ้า ข้าพเจ้าไม่รู้มาก่อน พลเอกมูชัวร์ราฟ ผู้บัญชาการทหารบกไม่ได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบ แต่พลเอกมูชัวร์ราฟยืนยันว่า ได้แจ้งนายกฯชารีฟหลายเดือนมาแล้ว

สงครามอินเดีย-ปากีสถานครั้งที่ 4 จบลงเมื่อ 26 กรกฎาคม 1999 ด้วยชัยชนะของอินเดีย หลังจากสงคราม เศรษฐกิจปากีสถานตกต่ำอย่างมาก พอถึง 12 ตุลาคม 1999 พลเอกมูชัวร์ราฟก็ก่อรัฐประหารและขึ้นครองอำนาจในปากีสถาน

อินเดียกับปากีสถานมีปัญหากันมายาวนานจนยากที่จะเจรจากันให้จบได้อย่างถาวร จนกระทั่งเดือนนี้ นายกฯอินเดียตัดสินใจใช้ไม้แข็งยกเลิกสถานะพิเศษของแคชเมียร์.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com 

ข่าวเพิ่มเติม