นอกจากการศึกษาบรรดาดาวเคราะห์เพื่อนบ้านที่นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าอาจเคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ หรือมีลักษณะทางธรณีวิทยาต่างจากโลกของเราอย่างไร ยังมีการแสวงหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ ที่ได้ความคืบหน้าเป็นระยะๆจากหน่วยงานอวกาศ เช่น องค์การนาซาของสหรัฐอเมริกา ที่ค้นพบดาวเคราะห์คล้ายโลกอยู่หลายดวงหมายความว่าดาวเคราะห์นอกระบบเหล่านั้นอาจเอื้อให้สิ่งมีชีวิตอาศัยได้ และในสักวันมนุษย์อาจแผ่ขยายอาณานิคมไปตั้งรกรากบนดาวดวงอื่น ดูจะเป็นความคิดที่แสนทะเยอทะยาน แต่แนวคิดนี้ก็เริ่มก่อร่างสร้างตัวมาสักพักแล้ว หลังจากเมื่อไม่นานมานี้องค์การนาซาได้ทำโครงการ Micro-11 ทดลองส่งอสุจิหรือสเปิร์มมนุษย์และวัวไปแช่แข็งยังสถานีอวกาศนานาชาติ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของอสุจิที่ผ่านสภาวะไร้น้ำหนักในอวกาศและอสุจิที่อยู่บนโลก เพื่อมองหาความเป็นไปได้ในการอยู่รอดของอสุจิเหล่านั้นที่จะสืบพันธุ์ได้ในอวกาศนำมาซึ่งคำถามใหญ่คือ หากถึงวันที่มนุษย์ต้องขึ้นไปอยู่ในอวกาศ จะสามารถให้กำเนิดทารกได้หรือไม่ เพราะอสุจิมีความอ่อนไหวอย่างมากต่อการแผ่รังสีต่างๆในอวกาศ นอกจากนี้ นี่อาจเป็นการปูทางสู่อนาคตการทำธนาคารนอกโลกเพื่อจัดเก็บตัวอ่อนและอสุจิ ซึ่งสำคัญสำหรับการรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์และสายพันธุ์สัตว์ชนิดอื่นๆล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านตัวอ่อนจาก Dexeus Women’s Health ที่นครบาร์เซโลนา ในสเปน ได้นำเสนอผลการทดลองที่แสดงให้เห็นว่าการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์อาจเกิดขึ้นได้จริงในอวกาศ หลังจากทดลองแช่ตัวอย่างอสุจิมนุษย์ 10 ตัวอย่างที่ได้รับบริจาคมา ให้อยู่ในสภาวะเกือบไร้น้ำหนัก (Micro-gravity) บนเครื่องบินพิเศษที่จำลองสภาวะเกือบไร้น้ำหนักในระยะสั้น และพบว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างความเข้มข้นของอสุจิ การเคลื่อนไหว รวมถึงอัตราการกระจายตัวของดีเอ็นเอ เรียกว่าไม่ต่างกันกับอสุจิที่อยู่บนโลก ผลลัพธ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าสภาพที่แทบจะไร้แรงโน้มถ่วง ดูจะไม่มีผลกระทบเชิงลบต่อความแข็งแรงของอสุจิในช่วงเวลาสั้นๆทีมนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านตัวอ่อนกลุ่มนี้เผยว่า อยากจะทำการทดลองที่คล้ายกันนี้ในสถานีอวกาศหรือบนยานอวกาศ แต่ติดอยู่ที่ว่าการเข้าถึงพื้นที่อวกาศนั้นมีข้อจำกัดหลายอย่างนั่นเอง.ภัค เศารยะ