ความแออัดของประชากร เกิดความรุนแรงและโรคติดเชื้อ รวมถึงมีสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรม สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นเรื่องแปลกสำหรับเมืองใหญ่ๆในยุคปัจจุบัน และเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ของโลกยุคนี้ เพราะดูเหมือนผู้คนบางพื้นที่ช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ จะเคยพานพบความเป็นอยู่ในสภาวะแวดล้อมเช่นนั้นมาก่อน

เมื่อเร็วๆ นี้นักชีววิทยาและมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอ ในสหรัฐอเมริกา เผยว่าผู้คนในยุคโบราณเคยประสบปัญหาเดียวกันนี้เมื่อมีการตั้งถิ่นฐานครั้งใหญ่ครั้งแรกเมื่อหลายพันปีที่แล้ว พวกเขาเปลี่ยนจากเร่ร่อนล่าสัตว์มาทำการเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ซึ่งจากการตรวจสอบซากโครงกระดูกมนุษย์ 742 คน ที่พบในซากปรักหักพังยุคก่อนประวัติศาสตร์ของเมืองซาตัลฮูก (Catalhoyuk) พบว่าพวกเขาอาศัยอยู่เมื่อ 9,100-7,950 ปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่พบในซากฟันและกระดูกชี้ว่าพวกเขามีอัตราการติดเชื้อสูง อาจเกิดจากโรคระบาดในสภาพที่แออัดไร้สุขอนามัยที่ดี และเมื่อมีคนตายก็จะฝังไว้ในหลุมที่ขุดลงไปใต้พื้นในบ้านเรือน นอกจากนี้ ความแออัดยัดเยียดของชุมชนอาจทำให้เกิดความรุนแรงของผู้คนด้วยกัน เนื่องจากพบว่ากะโหลกหลายชิ้นมีร่องรอยแตกหักที่ด้านบนหรือด้านหลัง และบางคนน่าจะมีอาการบาดเจ็บหลายครั้งจากลูกดินเหนียวที่ถูกยิงออกมาจากอาวุธที่คล้ายกับหนังสติ๊ก

...

เมืองซาตัลฮูกมีพื้นที่ประมาณ 141,750 ตารางเมตร ถูกครอบครองเป็นเวลา 1,150 ปี ในที่สุดก็ถูกทอดทิ้งไป ซึ่งอาจเป็นเพราะประชากรมนุษย์ก่อความเสื่อมโทรม และไม่ต้องการทนทุกข์กับสภาพอากาศแห้งแล้งที่ยากลำบากต่อการทำเกษตรและปศุสัตว์.