(ภาพ : มีเงื่อนงำ-กลุ่มนักศึกษาสมาชิกปีกยุวชนของกลุ่มจามาอัต-อี-อิสลามี ในปากีสถาน ชุมนุมประท้วงที่เมืองละฮอร์ เมื่อ 18 มิ.ย. แสดงความสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซีแห่งอียิปต์)
อดีตประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซีแห่งอียิปต์ อดีตผู้นำขบวนการ “ภราดรภาพมุสลิม” เป็นอดีตผู้นำประเทศอีกรายที่แพ้พิษการเมืองอันโหดร้ายและพบจุดจบน่าอนาถ โดยเขาเสียชีวิตคาศาลกรุงไคโร เมื่อ 17 มิ.ย. ขณะถูกพิจารณาคดีในข้อหาร่วมมือกับต่างชาติก่อ “จารกรรม”
มอร์ซีล้มฟุบหมดสติในกรงขังกระจกซึ่งมีจำเลยอื่นๆอยู่ด้วย หลังแถลงสู้คดีนาน 5 นาที และเสียชีวิตก่อนถูกส่งถึงโรงพยาบาล โดยสื่อรัฐบาลอียิปต์ระบุว่าเขา “หัวใจวาย” เฉียบพลัน รัฐบาลยังห้ามนำร่างของเขาไปฝังที่บ้านเกิดในต่างจังหวัด และสั่งให้สื่อรายงานข่าวเล็กน้อยพอเป็นพิธีเท่านั้น
แต่พรรคเสรีภาพและยุติธรรม ปีกทางการเมืองของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมชี้ว่า มอร์ซีถูกรัฐบาล “ลอบสังหาร” ส่วนกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ ก็เรียกร้องให้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติสอบสวนการเสียชีวิตของมอร์ซี และการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงในอียิปต์อย่างอิสระ เที่ยงตรง โปร่งใส ขณะที่พันธมิตรของมอร์ซี รวมทั้งอิหร่าน กาตาร์ ตุรกี ก็แสดงความสงสัยในการตายของมอร์ซีเช่นกัน

...
ประธานาธิบดีเรเซป ทายยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี ถึงกับชี้ว่า มอร์ซีถูก “ฆาตกรรม” โดยระบุว่า หลังล้มฟุบกับพื้นกรงขัง เขาดิ้นรนยื้อชีวิตตัวเองถึง 20 นาทีโดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่เข้าไปช่วยเหลือใดๆ พร้อมทั้งประกาศจะผลักดันให้มีการดำเนินคดีรัฐบาลอียิปต์ในศาลระหว่างประเทศให้ได้!
มอร์ซีเป็นผู้นำอียิปต์คนแรกที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย หลังประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัก ผู้นำจอมเผด็จการที่กุมอำนาจมาเกือบ 30 ปี ถูกประชาชนลุกฮือประท้วงขับไล่ในปี 2554 ในช่วงการปฏิวัติดอกมะลิ “อาหรับ สปริง” ถัดจากการปฏิวัติโค่นอำนาจผู้นำเผด็จการในตูนิเซีย
ก่อนยอมทิ้งอำนาจ มูบารักสั่งกวาดล้างผู้ประท้วงอย่างโหดเหี้ยม มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 850 คน ก่อนคณะทหารเข้ายึดอำนาจ และจัดการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาช่วงปลายปี 2554 และต้นปี 2555 ซึ่งพันธมิตรพรรคอิสลามคว้าชัยชนะ จากนั้นมอร์ซี ผู้นำอาวุโสของภราดรภาพมุสลิมก็ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 30 มิ.ย.2555 ด้วยคะแนนเสียงถึง 51.7% ได้เป็นผู้นำพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งแบบเสรีคนแรกของอียิปต์
ต่อมามอร์ซีกับคณะทหารขัดแย้งกันรุนแรง ส่งผลให้คณะทหารสั่งยุบสภาฯ ส่วนมอร์ซีก็สั่งปลดจอมพลฮุสเซน ทันทาวี จากตำแหน่ง ผบ.ทหาร สูงสุด และตั้ง พล.อ.อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี อดีต ผบ.ทบ. และ รมว.กลาโหมในขณะนั้นขึ้นมาแทน แต่หลังกุมอำนาจได้ 1 ปี ประชาชนก็ลุกฮือขับไล่มอร์ซีในข้อหาแก้ปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว ใช้ความรุนแรงกำจัดฝ่ายค้าน รวบอำนาจ และทำให้อียิปต์เป็นรัฐอิสลาม
ช่วงบ้านเมืองวุ่นวาย อัล-ซิซีก็ก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อ 3 ก.ค.2556 และสั่งจับกุมมอร์ซี ตำรวจยังบุกทลายค่ายผู้ประท้วงที่สนับสนุนมอร์ซี 2 แห่งในกรุงไคโร การปะทะกันทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 700 คน และอัล-ซิซีประกาศให้กลุ่มภราดรภาพมุสลิมเป็น “องค์กรก่อการร้าย” นับตั้งแต่นั้น
เดือน พ.ค.2557 อัล-ซิซีชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยแรกด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย 96.9% หลังสั่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มอำนาจให้กองทัพ และปลายปี 2558 ก็มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนฯ ซึ่งฝ่ายสนับสนุนอัล-ซิซีก็ชนะท่วมท้นอีก ต่อมาเดือน ต.ค.2561 อัล-ซิซีก็ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 97.08% ท่ามกลางข้อครหาใช้อำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ โกงเลือกตั้ง รวมทั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มอำนาจและแก้รัฐธรรมนูญขยายวาระการดำรงตำแหน่งให้ตนเอง
ตั้งแต่ขึ้นกุมอำนาจ อัล-ซิซีกวาดล้างกลุ่มภราดรภาพมุสลิมและฝ่ายค้านอื่นๆอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ถูกกวาดจับนับหมื่นคน ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตหลายร้อยคน ส่วนมอร์ซีเองถูกศาลตัดสินจำคุกรวมหลายสิบปีใน 3 คดี จากที่ถูกฟ้องในข้อหาต่างๆหลายสิบคดี

...
มอร์ซียังถูกศาลตัดสินประหารชีวิตแต่ต่อมาศาลอุทธรณ์สั่งยกฟ้อง ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่า รัฐบาลอัล-ซิซีละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ทั้งทรมาน บังคับสูญหาย และสังหารหมู่ฝ่ายต่อต้าน แต่อัล-ซิซีปฏิเสธข้อกล่าวหา อ้างว่าจำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพของประเทศและต่อสู้การก่อการร้าย
ครอบครัวและทนายของมอร์ซียังกล่าวหาว่า สภาพความเป็นอยู่ในคุกของมอร์ซีเลวร้ายมาก ทั้งถูกขังเดี่ยว ให้อดอาหาร ห้ามพบทนาย แพทย์ และสมาชิกครอบครัว ทั้งที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
ตั้งแต่มอร์ซีถูกยึดอำนาจ การก่อการร้ายจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงก็ปะทุขึ้นในอียิปต์ โดยเฉพาะที่คาบสมุทรไซนาย ฐานที่มั่นของกลุ่มมุสลิมสุดโต่ง รวมทั้งกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งก่อเหตุโจมตีบ่อยครั้ง รวมทั้งวางระเบิดเครื่องบินโดยสารรัสเซียเมื่อ 31 ต.ค.2558 คนบนเครื่องตายยกลำ 224 ศพ
อย่างไรก็ตาม อัล-ซิซียังกุมอำนาจได้แข็งแกร่ง อีกทั้งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำชาติมหาอำนาจ รวมทั้งสหรัฐฯ ฝรั่งเศส รัสเซีย และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจำเป็นต้องพึ่งพาอียิปต์ในสงครามกวาดล้างผู้ก่อการร้าย
การเสียชีวิตคาศาลอย่างมีเงื่อนงำของมอร์ซี บรรดาชาติมหาอำนาจที่หนุนหลังอัล-ซิซี จึงนิ่งเงียบ ไม่โวยวายเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างอิสระใดๆ...คดีนี้จึงอาจเงียบหายไปกับสายลม!
บวร โทศรีแก้ว