(ภาพ) แสดงพลัง - ผู้ประท้วงหลายแสนคนเดินขบวนไปตามท้องถนนในฮ่องกง เมื่อ 9 มิ.ย. แสดงพลังต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้จีน มาเก๊าและไต้หวัน ซึ่งชาวฮ่องกงหวั่นกลัวว่าระบบยุติธรรมที่เป็นอิสระของตนจะถูกจีนแทรกแซงลิดรอน (เอพี)


การประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนฉบับแก้ไขเพิ่มเติมของฮ่องกง ซึ่งบางช่วงผู้จัดอ้างว่ามีผู้เข้าร่วมถึง 1 ล้านคน นับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่อังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนให้จีนเมื่อ 22 ปีก่อน

การประท้วงบานปลายถึงขั้นมีการปะทะกัน ตำรวจใช้กำลังสลายฝูงชน จนสภานิติบัญญัติฮ่องกงต้องเลื่อนการพิจารณากฎหมายนี้ในวาระที่ 2 ออกไปไม่มีกำหนด แต่รัฐบาลยังยืนกรานต้องผ่านกฎหมายนี้ให้ได้!

ร่างกฎหมายนี้มีจุดเริ่มต้นจากนายเฉิน ถงเจี่ย ชาวฮ่องกงวัย 19 ปี ก่อคดีฆ่าแฟนสาววัย 20 ปีที่กำลังตั้งครรภ์ 5 เดือนในโรงแรมกรุงไทเปในไต้หวัน เมื่อเดือน ก.พ.2561 ก่อนหนีกลับฮ่องกงและถูกจำคุกในข้อหาฟอกเงิน จากนั้นนางแคร์รี แลม ผู้นำสูงสุดของฮ่องกง ก็เสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือน ก.พ.ปีนี้

ฮ่องกงมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับ 20 ประเทศอยู่แล้ว รวมทั้งสหรัฐฯและอังกฤษ แต่ไม่มีกับจีน แม้มีการเจรจากันมานับ 20 ปีแต่ไม่สำเร็จ แต่นางแคร์รี แลม ซึ่งฝักใฝ่จีน อ้างว่าจำเป็นต้องแก้กฎหมายใหม่เพื่อส่งตัวนายเฉิน ถงเจี่ย ฆาตกร ไปให้ไต้หวันดำเนินคดีได้

น้ำลายเหนียว - นางแคร์รี แลม ผู้นำสูงสุดของฮ่องกง จิบน้ำขณะแถลงข่าวเมื่อ 10 มิ.ย. ยืนยันจะผลักดันร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้จีน ไต้หวันและมาเก๊า ให้ผ่านสภาให้ได้ แม้ถูกประท้วงต่อต้านอย่างหนัก (รอยเตอร์)
น้ำลายเหนียว - นางแคร์รี แลม ผู้นำสูงสุดของฮ่องกง จิบน้ำขณะแถลงข่าวเมื่อ 10 มิ.ย. ยืนยันจะผลักดันร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้จีน ไต้หวันและมาเก๊า ให้ผ่านสภาให้ได้ แม้ถูกประท้วงต่อต้านอย่างหนัก (รอยเตอร์)

...

แต่ที่ถูกต่อต้านรุนแรง เพราะกฎหมายนี้ให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปให้ “จีน” และ “มาเก๊า” ได้ด้วย โดยรัฐบาลฮ่องกงระบุว่ามีเป้าหมาย “อุดรอยโหว่” ในระบบกฎหมายของฮ่องกง ป้องกันไม่ให้พวกอาชญากรจากจีนแผ่นดินใหญ่ใช้ฮ่องกงเป็นที่หลบภัย โดยภายใต้ร่างกฎหมายนี้ ผู้นำฮ่องกงจะเป็นผู้อนุมัติส่งผู้ร้ายข้ามแดนเมื่อได้รับการร้องขอจากประเทศอื่น แต่ต้องหลังจากศาลซึ่งเป็นเสมือน “ผู้เฝ้าประตู” อนุมัติแล้วเท่านั้น

รัฐบาลยังชี้แจงว่าการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะถูกพิจารณาเป็นคดีๆไป และมีมาตรการปกป้องสิทธิมนุษยชนที่มีผลผูกมัดทางกฎหมาย โดยผู้ต้องหาคดีการเมืองและศาสนา มีความเสี่ยงถูกทรมาน หรือมีโทษประหารชีวิต จะไม่ถูกส่งตัว ผู้ถูกส่งตัวต้องก่อคดีอาญาอุกฉกรรจ์ เช่น ฆาตกรรม ข่มขืน และมีระวางโทษจำคุกสูงสุด 7 ปีขึ้นไป

หลังถูกต่อต้านหนัก รัฐบาลฮ่องกงยังตัดคดีอาญาทางเศรษฐกิจ 9 ข้อ รวมทั้งคดีฟอกเงินออกจากร่างกฎหมายนี้ ขณะที่รัฐบาลจีนสนับสนุนสุดตัว ชี้ว่าเป็น “อธิปไตย” ของฮ่องกง ทั้งยังกล่าวหา “อำนาจจากต่างชาติ” แทรกแซงยุยงการประท้วง หลังชาติตะวันตก รวมทั้งสหรัฐฯและยุโรปหลายชาติร่วมคัดค้านกฎหมายนี้

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายต่อต้านชี้ว่ากฎหมายนี้จะบ่อนทำลายระบบยุติธรรมที่เป็นอิสระของฮ่องกง อีกทั้งผู้ต้องสงสัยที่อาศัยอยู่ หรือเดินทางเข้าฮ่องกง รวมทั้งชาวต่างชาติอาจถูกฉกตัว หรือจับกุมโดยพลการ ถูกตั้งข้อหา หรือพิจารณาคดีอย่างไม่ยุติธรรม ถูกทรมาน บีบบังคับให้รับสารภาพ ภายใต้กฎหมายที่คลุมเครือมีข้อบกพร่องของจีน โดยเฉพาะกฎหมายว่าด้วยความมั่นคง

ส่วนภาคธุรกิจก็ชี้ว่ากฎหมายนี้จะทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางธุรกิจการเงินของโลกลดลง จึงไม่แปลกที่มีบรรดานักธุรกิจ บริษัท สถาบันการเงิน ที่เคยสนับสนุนรัฐบาลฮ่องกงและจีนกลับลำมาเข้าร่วมขบวนการประท้วงด้วยจำนวนมาก นอกเหนือจากนักกฎหมาย ทนายความ โรงเรียน นักศึกษามหาวิทยาลัย กลุ่มสิทธิมนุษยชน ไปจนถึงสามัญชน รวมทั้งเหล่าแม่บ้าน

“ฮ่องกง” ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษตั้งแต่ปี 2384 ก่อนส่งมอบคืนให้จีนเมื่อ 1 ก.ค.2540 โดยมีชื่อใหม่ว่า “เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน” และภายใต้หลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบอบ” จีนยอมให้ฮ่องกงมี “กฎหมายพื้นฐาน” (Basic Law) หรือรัฐธรรมนูญฉบับจิ๋ว โดยจีนเป็นผู้ควบคุมกิจการด้านความมั่นคงและต่างประเทศ ขณะที่ให้สิทธิฮ่องกงปกครองตนเองในระดับสูง รวมทั้งมีระบบยุติธรรมอิสระ มีสภานิติบัญญัติ (LegCo) มีระบบเศรษฐกิจและสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงเป็นของตนเอง

ชาวฮ่องกงยังได้รับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในระดับสูง รวมทั้งเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและประท้วง แต่กฎหมายพื้นฐานนี้มีอายุแค่ 50 ปี หลังหมดอายุในปี 2590 ยังไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!

คนฮ่องกงถูกอังกฤษปกครองมายาวนานจึงรับค่านิยม “ประชาธิปไตย” แบบอังกฤษมาเต็มๆ เมื่อใดที่รู้สึกว่าประชาธิปไตยและเสรีภาพจะถูกลิดรอนเป็นต้องลุกฮือประท้วง จนมีผู้กล่าวว่าการประท้วงอยู่ใน “ดีเอ็นเอ” ของคนฮ่องกงไปแล้ว ยิ่งพักหลังๆ ชาวฮ่องกงรู้สึกว่าถูกจีนครอบงำมากขึ้นเรื่อยๆ ความหวาดระแวงจีนจึงเพิ่มขึ้น

ปี 2546 ชาวฮ่องกงกว่า 5 แสนคนลุกฮือประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายความมั่นคง “มาตรา 23” จนรัฐบาลยอมถอนร่างกฎหมายนี้ และปี 2557 ชาวฮ่องกงหลายแสนคนก็ออกมาประท้วงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยตรง การประท้วง ซึ่งเรียกว่า “การปฏิวัติร่ม” หรือ “อ็อกคิวพาย” นี้ ยืดเยื้อถึง 79 วัน แต่จีนไม่อ่อนข้อให้จึงอ่อนแรงแพ้ไปในที่สุด ผู้ประท้วงหลายคนยังถูกตัดสินจำคุกในข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อสาธารณชนและอื่นๆ

จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน เรียกรวมว่า “เกรตเทอร์ ไชน่า” และพยายามรวมเป็นหนึ่งเดียว เดือน ต.ค.ปีที่แล้วจีนก็เพิ่งเปิดสะพานข้ามทะเลยาวที่สุดในโลกเชื่อมฮ่องกง มาเก๊าและเมืองจูไห่ในมณฑลกวางตุ้ง เรียกว่า “เกรตเทอร์ เบย์ เอเรีย” ตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมก้าวหน้า

...

ขบวนการประท้วงในฮ่องกงครั้งนี้มีการจัดตั้งและกลยุทธ์ที่ดีขึ้น เพราะได้บทเรียนจากการปฏิวัติร่มที่ล้มเหลวในปี 2557 แต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและแข็งกร้าวยิ่งกว่าผู้นำจีนคนก่อนๆ จึงยากที่เขาจะยอมถอยง่ายๆ การประลองกำลังจึงดุเดือดไม่ธรรมดา เพราะมีเค้าเดิมพันสูงมาก!

บวร โทศรีแก้ว