จากสถิติ คนไทยป่วยเป็นโรคข้อมากกว่า 6 ล้านคน จำนวนตัวเลขนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี...!ข้อที่พบว่า เสื่อมมากที่สุด คือ “ข้อเข่า” ที่ถือว่าเป็นอวัยวะสำคัญ ใช้รองรับน้ำหนักตัวและดูดซับแรงกระแทกทั้งจากการยืน เดิน วิ่ง คล้ายกับสปริงยืดหยุ่นในขณะเคลื่อนไหวในอดีตปัญหาข้อเข่าเสื่อมดูเหมือนจะเป็นเรื่องของผู้สูงอายุมากกว่าวัยอื่นๆ แต่ปัจจุบัน แม้แต่คนวัยทำงานหรือวัยรุ่น ก็เริ่มพบปัญหาข้อเข่าเสื่อมได้มากขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไป ทำให้คนไทยมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยสูงขึ้น เมื่อมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ข้อเข่าก็จำเป็นต้องรับน้ำหนักมากขึ้นกว่าปกติตลอดเวลาใช้งาน ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่ และพฤติกรรมการใช้งานข้อเข่าไม่ถูกต้องติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ก็มีส่วนทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น การออกกำลังกายด้วยกีฬาที่ต้องใช้กำลังขาและแรงกระแทกมากเกินไป เช่น วิ่ง กระโดดเชือก สกอตจัมพ์ เตะฟุตบอล หรือ ยกน้ำหนัก ฯลฯ กีฬาเหล่านี้ เป็นสาเหตุทำให้เกิดการบาดเจ็บที่หัวเข่าบ่อยๆ หรือมีการฉีกขาดของเอ็นส่งผลให้เข่าคลอนแคลนและเสื่อมเร็ว การปั่นจักรยานแบบไม่ถูกต้อง ปรับอานเตี้ยเกินไป ทำให้ข้อเข่าต้องงอมากขึ้น เกิดแรงต้านในการขี่ ก็มีส่วนทำให้ข้อเข่าอักเสบได้ง่าย การใส่รองเท้าส้นสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน ที่ทำให้กล้ามเนื้อต้นขาต้องเกร็งตลอดเวลา การได้รับบาดเจ็บและเกิดอุบัติเหตุที่ข้อเข่า ไม่ว่าจะเป็นกระดูกข้อเข่าแตก หรือเอ็นฉีก การดื่มเหล้า เบียร์ และสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่เกินความจำเป็น จนร่างกายมีน้ำหนักตัวมากเกินไป ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลทำให้ข้อเข่าเสื่อมเพิ่มสูงขึ้นแทบทั้งสิ้นข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น 1 กิโลกรัม จะทำให้มีแรงกดทับผ่านข้อเพิ่มขึ้นประมาณ 4–7 กิโลกรัม ในทางการแพทย์ โรคข้อเสื่อม จัดเป็นโรคข้อเรื้อรังที่มีสาเหตุมาจากกระดูกอ่อนระหว่างข้อเข่าที่มีโครงสร้างเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง เรียกว่า คอลลาเจนไทป์ทู (Collagen Type II) มีหน้าที่รองรับน้ำหนัก ลดแรงกระแทก รวมถึงให้ความแข็งแรงแก่ข้อต่อในขณะที่มีการเคลื่อนไหว มีสภาพบางลงและสึกกร่อนลงจนปลายกระดูกเริ่มเข้าใกล้และเสียดสีกัน อาการของโรคนี้ ในระยะแรกจะเจ็บแบบเป็นๆหายๆ แต่ถ้ายังมีการใช้ข้อมากขึ้นหรือไม่ดูแลข้อให้เหมาะสมก็อาจจะมีอาการรุนแรงและทุกข์ทรมานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆโรคข้อเข่าเสื่อม ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีเพียงแค่ทำให้อาการทุเลาลงด้วยการรับประทานยาแก้ปวด หรือการผ่าตัด การรักษาผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมในรายที่มีอาการไม่มาก อาจกินยาบรรเทาอาการปวดข้อในกลุ่มยาแก้ปวดหลักๆ เช่น แอสไพริน พาราเซตามอล ยาบรรเทาปวดและลดการอักเสบ ในกลุ่ม ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค อินโดเมทาซิน เซเลโคซิบ แต่ทั้งหมดก็ยังถือว่าเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ และการใช้ยาในกลุ่มนี้เป็นเวลานานๆก็อาจมีผลข้างเคียง รวมทั้งไม่ได้ทำให้อาการของโรคหายขาดได้ แม้แต่ยาที่มีฤทธิ์คล้ายเป็นอาหารสำหรับกระดูกอ่อน อย่าง กลูโคซามีน ที่มีผลทำให้กระดูกอ่อนแข็งแรงขึ้น ก็อาจจะใช้ได้ผลในผู้ป่วยบางราย แต่ในรายที่กระดูกอ่อนเสื่อมไปหมดแล้วยานี้ก็ไม่มีผล ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดรุนแรงอาจจำเป็นต้องใช้ยาฉีดที่เป็นยาสเตียรอยด์ ฉีดเข้าข้อเพื่อลดการอักเสบเฉพาะที่ และสุดท้ายเมื่อการรักษาด้วยยาและวิธีการต่างๆไม่ได้ผล อาจต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ก็คือ เราสามารถทำให้ข้อเข่าเสื่อมช้าลงได้ ด้วยการดูแลข้อเข่า ปัจจุบันมีการนำผลิตภัณฑ์ทางธรรมชาติมาเสริมการดูแลรักษา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการทำให้ คอลลาเจนไทป์ทู (UC-II) ที่ช่วยรองรับน้ำหนัก ลดแรงกระแทก มีปริมาณที่เพียงพอต่อการช่วยดูแลข้อเข่าของเราให้อยู่กับเราได้นานขึ้น เพราะจากการศึกษาวิจัยพบว่า คอลลาเจนไทป์ทู (UC-II) นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเดินได้ดีขึ้นแล้ว ยังมีส่วนช่วยบรรเทาอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมได้ดี สามารถลดอาการอักเสบ ลดอาการปวดของข้อเข่าได้ด้วยมีงานวิจัยทางการแพทย์จำนวนมาก พบว่า การได้รับคอลลาเจนไทป์ทู (UC-II) ขนาด 40 มิลลิกรัมต่อวัน มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมได้ดี และสำหรับผู้ที่ต้องออกกำลังกาย สารคอลลาเจนไทป์ทู สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการยืดองศาของเข่าได้ดีขึ้น เพิ่มระยะเวลาการออกกำลังในการวิ่งบนลู่วิ่งได้นานขึ้น ทั้งยังมีความปลอดภัยสูงและไม่มีผลข้างเคียง โดยสารคอลลาเจนไทป์ทู มีประสิทธิภาพลดอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมได้ดีกว่าสารสกัดสูตรผสมของกลูโคซามีนและคอนดรอยตินได้ถึง 2 เท่า และสามารถยับยั้งการทำลายเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณผิวข้อ โดยยับยั้งการทำงานของเม็ดเลือดขาว และควบคุมระดับของสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ จึงช่วยลดอาการปวด อักเสบในผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบได้แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ข้อเข่าอยู่กับเรานานขึ้นคือ การป้องกันตัวเองจากโรคข้อเข่าเสื่อมตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ดูแลน้ำหนักตัวไม่ให้เกินมาตรฐาน หลีกเลี่ยงอิริยาบถที่ต้องงอเข่ามากๆ ลดการใช้งานข้อเข่าหนักๆติดต่อกัน หรือการรับน้ำหนักของข้อ หลีกเลี่ยงการกระโดด งดการยกของหนัก หมั่นสังเกตตัวเอง หากได้ยินเสียงดังกรอบแกรบเวลาขยับเข่า หรือรู้สึกว่าข้อเข่าขัดๆ ตึง หรือฝืดๆ เคลื่อนไหวได้ไม่เต็มที่ ข้อยึด ติด เหยียดตัว งอเข่าได้ยาก หรือบางครั้งรู้สึกปวดเข่าเมื่อยืนนานๆ เดินมากๆ หรือขณะที่เดินขึ้นลงบันได ฯลฯ อย่าชะล่าใจแม้อายุยังน้อย เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคข้อเข่าเสื่อมได้.