เคยไหมที่รู้สึกหายใจไม่อิ่ม นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย และบางทีชั่วแวบเดียวลืมแล้วว่าจะทำอะไร จะพูดอะไร หรือจะไปหยิบอะไรอาการที่ว่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังมี ภาวะสมองล้า หรือที่เรียกว่า Brain Fog Syndrome ซึ่งพบได้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะในคนวัยทำงานภาวะสมองล้า หรือ Brain Fog Syndrome คือภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัวจากการที่สมองถูกใช้งานอย่างหนักเป็นระยะเวลานาน อาจเกิดจากความเร่งรีบที่จะทำงานให้เสร็จ พักผ่อนน้อย มีสภาวะความเครียดมากเกินไปส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด พักผ่อนไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ขาดการออกกำลังกาย รับคลื่นแม่เหล็กจากการเล่นโทรศัพท์มือถือหรือใช้งานคอมพิวเตอร์มากเกินไป เกิดจากการทำงานของฮอร์โมนที่ไม่สมดุล เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ โรคเรื้อรังบางชนิด หรืออาจเกิดจากสารพิษในร่างกาย เช่น สารโลหะหนัก การปนเปื้อนในอาหารหรือมลพิษ ทำให้สารสื่อประสาทในสมองซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลสัญญาณไฟฟ้าระหว่างเซลล์ของระบบประสาทเสียสมดุล นอกจากนี้ภาวะสมองล้ายังอาจเกิดจากการขาดสารอาหารบางประเภท เช่น วิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโน หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งหาได้จากผักผลไม้เป็นหลัก Brain Fog Syndrome เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน มีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด การนอนหลับที่ไม่ดี พักผ่อนไม่เพียงพอ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง การได้รับยาบางชนิด ไม่ออกกำลังกาย ฯลฯ ซึ่งหากเกิดภาวะนี้เป็นเวลานานๆทำให้สมองมีประสิทธิภาพการทำงานต่ำลง ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน และอาจนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆตามมาได้ เช่น โรคอ้วน โรคกระเพาะ โรคเบาหวาน ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ รวมทั้งความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอันตรายในระยะยาว เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และสมองเสื่อมก่อนวัย เป็นต้นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะสมองล้ามีหลากหลายอาการ อาทิ นอนไม่หลับ นอนหลับยาก สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับงานได้ ปวดศีรษะเรื้อรัง นอนหลับไม่สนิท หงุดหงิดง่าย ขี้ลืม ความจำแย่ลง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียบ่อย รู้สึกสมองไม่โลดแล่น ไม่สดใส ไม่สดชื่น คิดคำพูดไม่ค่อยออก มึนงง อารมณ์แปรปรวนการศึกษาทางการแพทย์หลายชิ้นระบุตรงกันว่า การติดเชื้อโควิด-19 เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภาวะสมองล้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะภาวะสมองล้าหลังติดเชื้อโควิด-19 (Long Covid) ข้อมูลจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า หลังหายจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ผู้ป่วยประมาณ 32.1% ยังต้องเผชิญกับผลกระทบทางจิตใจจาก Long Covid โดยกลุ่มอาการภาวะสมองล้า (Brain Fog) จะดีขึ้นตามลำดับเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2-4 สัปดาห์อาการทางสมองจากภาวะสมองล้ามักแสดงออกในเรื่องของความจำ ไม่ค่อยมีสมาธิ คิดได้ช้า ส่งผลให้ทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ลำบากมากยิ่งขึ้นอาการทางร่างกายและอารมณ์จากภาวะสมองล้าที่เด่นชัดที่สุด คือ นอนไม่หลับ ปวดศีรษะแบบเรื้อรัง หงุดหงิดง่าย และสายตาอ่อนเพลียบางครั้งอาการที่เกิดจากภาวะสมองล้าจะคล้ายๆกับภาวะหมดไฟในการทำงาน ต่างกันตรงที่ภาวะหมดไฟ หรือที่เรียกว่า Burnt out เป็นสภาวะด้านจิตใจที่เกิดขึ้นจากภาระการทำงานที่หนักมากเกินไป หรือความรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสุขกับการทำงานส่งผลให้มีความรู้สึกไม่อยากทำงาน ไม่ได้มีผลต่อสภาพร่างกายโดยตรงเหมือนภาวะสมองล้า การรักษาและการป้องกันภาวะสมองล้า อาจเริ่มจาก จัดการตารางงานและสิ่งแวดล้อมใหม่ เมื่อมีภาระงานที่มากขึ้นบางคนอาจจัดการงานหลายงานในเวลาเดียวกันทำให้สมองทำงานหนักมากยิ่งขึ้น การจัดตารางงานใหม่ ทำงานทีละชิ้นและกำหนดเวลาในการทำให้แน่นอน พร้อมปรับปรุงสิ่งแวดล้อมเวลาทำงานให้เป็นระเบียบมากขึ้น ผ่อนคลายตนเองให้มากขึ้น พยายามพักผ่อนร่างกายระหว่างทำงาน พักสายตาหรือลุกเดินเปลี่ยนท่านั่งทุก 1-2 ชั่วโมง หรือทำสมาธิด้วยการหายใจเข้าลึกๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดจนส่งผลเสียต่อสมอง นอกจากนี้ การทำให้ตนเองผ่อนคลายยังส่งผลดีต่อสภาพจิตใจอีกด้วย พยายามไม่รับข่าวสารที่ส่งผลให้เกิดความเครียด เช่น พักการเล่นโซเชียลในบางจังหวะ หรือเมื่อเครียดจากงานมาแล้วหากเล่นโซเชียลแล้วยังเจอข่าวสารที่ทำให้ไม่สบายตลอดทั้งวัน ควรงดการเล่นโซเชียลแล้วทำกิจกรรมอื่นที่ตนเองชื่นชอบเพื่อผ่อนคลายตนเอง และสุดท้าย ดูแลตนเองให้มากขึ้น นอนหลับพักผ่อนวันละ 7 ชั่วโมงขึ้นไป ทานอาหารที่มีประโยชน์เน้นผักผลไม้เพื่อรับสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินต่างๆ รวมไปถึงการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดูแลสุขอนามัย สิ่งพื้นฐานเหล่านี้สามารถช่วยรักษาและต่อต้านภาวะสมองล้าได้เป็นอย่างดี.