เมื่อวันพุธที่ผ่านมาผมเขียนถึง “พระบรมบรรพต” หรือ “ภูเขาทอง” วัดสระเกศ เรียนให้ท่านผู้อ่านทราบว่า พวกเราจากกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ภายใต้การนำของรองหัวหน้ากองบรรณาธิการคุณเพ็ชรากรณ์ วัชรพล จะไปทำบุญห่มผ้าถวายสักการะพระบรมธาตุภูเขาทองตามธรรมเนียมปฏิบัติของพวกเราที่จะหาโอกาสไปร่วมบำเพ็ญกุศลพร้อมๆกันอย่างน้อยหนึ่งครั้งในแต่ละปี

พอทราบว่าปีนี้คณะของเราจะไปสักการะ พระบรมบรรพต หรือ ภูเขาทอง ผมจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ

เขียนเล่าถึงประวัติความเป็นมาของภูเขาทอง วัดสระเกศ โยงไปถึง “ภูเขาทอง” องค์ดั้งเดิม ที่เป็นพระเจดีย์เก่าแก่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของชาวรัตนโกสินทร์ยุคต้นๆ ที่ประสงค์จะมี “ภูเขาทอง” เช่นกรุงศรีอยุธยาบ้าง

ต่อมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ได้มีพระราชดำริให้สร้างเจดีย์ภูเขาทองขึ้นที่ วัดสระเกศ ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจาก วัดสระแก แห่งนี้ แต่ยังไม่แล้วเสร็จในรัชกาลของพระองค์

รัชกาลที่ 4 ทรงบูรณะต่อ และมาแล้วเสร็จโดยสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 5 พร้อมทั้งทรงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ได้มาจากอินเดียไปประดิษฐานไว้ ณ พระเจดีย์ ภูเขาทอง และพระราชทานนามว่า “สุวรรณ บรรพต” มานับแต่นั้น

ข้อเขียนเมื่อวันพุธของผมจบลงเพียงเท่านี้ พร้อมกับส่งท้ายว่าเมื่อผมติดตามชาวคณะไทยรัฐไปร่วมพิธีห่มผ้าถวายสักการะและพิธีการทางศาสนาอื่นๆแล้ว ก็จะกลับมาเขียนต่อ เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงประวัติอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมและสถานการณ์ทั่วๆไปของภูเขาทอง ณ ปัจจุบัน

บัดนี้คณะของพวกเราชาวไทยรัฐและผมได้ไปสักการะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไปทำพิธีสวดพระพุทธมนต์ก่อน ณ ศาลาการเปรียญวัดสระเกศ และแห่ผืนผ้าสีแดงขึ้นไปห่มถวาย ณ องค์พระเจดีย์บนยอดภูเขาทองเป็นที่เรียบร้อยเช่นกัน...ผมก็ขออนุญาตทำหน้าที่รายงานต่อ...ดังต่อไปนี้
ครับ

...

1.เริ่มพิธีเจริญพุทธมนต์ถวายสังฆทานและจตุปัจจัย ณ ศาลาการเปรียญ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เวลา 16.15 น. วันจันทร์ที่17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568 โดยมี ท่านเจ้าคุณพระปัญญาวชิราภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ เป็นประธาน ในพิธีสงฆ์ จบแล้วร่วมกันเขียนชื่อเป็นรายบุคคลทั้งของตนเองและของเพื่อนๆที่ติดภารกิจไม่สามารถมาร่วมพิธีได้ ลงบนผืนผ้าแดงผืนใหญ่ที่จะนำขึ้นห่มถวายองค์พระเจดีย์ เมื่อเขียนเสร็จแล้วก็กราบรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหารและอดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ขนาดเท่าตัวจริงของท่านที่ประดิษฐานไว้ในศาลาด้วย...จากนั้นก็เดินขึ้นสู่ภูเขาทอง

2.พระบรมบรรพต มีความสูง 77 เมตร มีบันไดสำหรับเดินขึ้นสู่ยอดเขารวม 344 ขั้น ในลักษณะเวียนรอบๆฐานองค์พระเจดีย์ ระหว่างทางเดินจะมีการตกแต่งประดับประดาทั้งสวยงามและเปี่ยมไปด้วยความขลัง โดยเฉพาะจะมีเสียงสวดมนต์ผ่านเครื่องขยายเสียงอยู่ตลอด...รวมทั้งมีพื้นที่ให้นั่งพักเป็นช่วงๆ...และเมื่อขึ้นไปประมาณครึ่งทางจะมี “ร้านกาแฟ” ทันสมัย เครื่องชงทันสมัย และมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งดื่มพร้อมสรรพ

หมายเหตุ เนื่องจากผมเดินช้าและนั่งพักมาเป็นระยะๆ จึงเดินไม่ทันเพื่อนพ้องอื่นๆ ที่หลายๆคนอายุ 60-70 แล้ว แต่ก็ยังเดินได้ตัวปลิว เช่น คุณ กิเลน ประลองเชิง (อายุ 79 ปี 3 เดือน) เป็นต้น...สำหรับผม (อายุ 83 ปีเศษ อาวุโสสูงสุดในกลุ่ม) ตอนแรกตั้งใจจะหยุดเดินที่ คอฟฟีช็อป กลางทางนี่แหละแต่เมื่อนั่งพักราวๆ 4-5 นาทีแล้วรู้สึกกระปรี้ กระเปร่าจึงเดินต่อไป

3.คณะใหญ่ของกองบรรณาธิการไทยรัฐซึ่งขึ้นไปถึงบริเวณส่วนบนสุด อันเป็นที่ประดิษฐานองค์พระเจดีย์ก่อนผมประมาณ 20 นาที ได้ดำเนินพิธีห่มผ้าถวายเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ยังคงเดินสักการะหลายๆสิ่งศักดิ์สิทธิ์รอบๆองค์พระเจดีย์ต่อไป โดยมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศนับร้อยคนรวมอยู่ด้วยเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกดินจากยอดภูเขาทอง

4.ผมขึ้นไปนั่งพักที่ห้องโถงใต้ฐานพระเจดีย์หนึ่งชั้น ซึ่งจะมีพระพุทธรูปต่างๆ สำหรับกราบบูชาและมีช่องทางที่จะเดินไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานไว้ จึงตั้งใจจะหยุดเพียงชั้นนี้...เพราะบันไดอีก 16 ขั้นที่เหลือก่อนขึ้นชั้นสูงสุดค่อนข้างชันมาก ต้องโหนตัวเล็กน้อยไม่เหมือนกับบันไดเดินแบบที่เราเดินผ่านมา...แต่เมื่อนั่งไป 5 นาที ก็รู้สึกกระปรี้ กระเปร่าเช่นกัน จึงตัดสินใจขึ้นไปเดินแบบโหนๆ ทะลุช่องเพดานออกไปยืนด้านนอกรอบๆ องค์พระเจดีย์ในที่สุด

หมายเหตุ ผมอยู่จนถึง 18.00 น. ได้เห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจากยอดภูเขาทองอย่างถนัดชัดเจน...โดยเฉพาะก่อนลับขอบฟ้าจะมีดวงกลมเปล่งปลั่ง สามารถมองดูได้ด้วยตาเปล่า เหมือน “สีไข่แดง” ของไข่เค็มไชยา สุราษฎร์ธานี อย่างไรอย่างนั้น

5.ผมใช้เวลาอยู่บนยอดพระบรมบรรพตอีกพักใหญ่ เพื่อชมบรรยากาศกรุงเทพมหานครแบบ 360 องศา จนเพื่อนๆกลับไปหมดแล้วจึง ค่อยๆเดินลงมา ซึ่งแน่นอนขาลงเดินได้สบายมาก ...ไม่ต้องหยุดพักเลย แผล็บเดียวก็ลงมาถึงข้างล่างเรียบร้อย

หมายเหตุ ผมขอกราบเรียนอีกครั้งว่า พระอาทิตย์ตกที่ภูเขาทองสวยมาก ไม่แพ้หลายๆที่ ที่ผมเคยไปดูมาในหลายๆประเทศ และเรื่องราวของ “ภูเขาทอง” วัดสระเกศ ก็น่าเรียนรู้อย่างยิ่ง...ว่างๆอย่าลืมไปสักการะ และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกรุงรัตนโกสินทร์ที่ภูเขาทองกันสักครั้งนะครับ.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ “ซูมซอกแซก” เพิ่มเติม