icon member

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 99

ตอนที่ 99 แต่งมั่วซั่ว

อู่เหมยกัดปากกาพลางมองสมุดเลคเชอร์ จำนวนแปดร้อยตัวอักษรขึ้นไป ทั้งยังต้องเขียนด้วยความรู้สึกที่แท้จริง แล้วก็มีห้าสำนวนขึ้นไป นี่เขียนเรียงความหรือว่าเขียนรายงานกันเนี่ย

การเขียนเรียงความไม่ใช่เขียนในสิ่งที่อยากจะเขียน แสดงฝีมืออย่างอิสระหรอกหรือ กำหนดเสียตายตัวแบบนี้ ไม่เขียนออกมาเหมือนกันหมดหรือไงนะ

อู่เหมยถอนหายใจ แล้วเริ่มลงมือเขียน เธอพยายามเขียนตัวบรรจงให้มากที่สุด เพราะอู่เจิ้งซือไม่ชอบลายมือหวัด

ในที่สุดอู่เหมยก็เขียนเรียงความเสร็จก่อนมื้อเย็น ช่วงเริ่มต้นค่อนข้างยากนิดหน่อย แต่พอหลังๆ เขียนได้ไหลลื่นขึ้นก็ง่ายขึ้นเยอะเลย เธอเขียนยาวเหยียดสองหน้ากว่า หากไม่ใช่เพราะเธอกลัวอู่เจิ้งซือสงสัย เธอยังเขียนได้อีกตั้งหลายหน้าแน่ะ!

“พ่อคะ หนูเขียนเรียงความเสร็จแล้วค่ะ”

อู่เหมยยื่นสมุดเรียงความให้อู่เจิ้งซือ อู่เจิ้งซือเปิดสมุดโดยที่ไม่ได้พูดอะไร คิ้วเขาไม่กระดิกเลย เธอดูไม่ออกว่าในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่ อู่เหมยมองเขาด้วยความตึงเครียด เธอกลัวว่าที่อู่เจิ้งซือขมวดคิ้วนั้นจะหมายถึงอู่เจิ้งซือไม่พอใจเรียงความของเธอ

อู่เจิ้งซือใช้เวลาเพียงไม่นานก็อ่านเสร็จเรียบร้อย ในดวงตาเขาฉายแววประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่เขาตรวจดูการบ้านของอู่เหมย เขาไม่รู้เลยว่าฝีมือการเขียนของอู่เหมยเป็นอย่างไรบ้าง แต่ดูจากเรียงความบทนี้แล้ว ฝีมือการเขียนของอู่เหมยนับว่าใช้ได้ ไม่สิ น่าจะเรียกว่าดีทีเดียว

“นี่ลูกเขียนเองเหรอ” อู่เจิ้งซือถามเสียงทุ้ม

อู่เหมยรู้สึกห่อเหี่ยว เธอพยักหน้าและตอบว่า “หนูเขียนเองค่ะ”

“ไปหยิบเรียงความเก่าๆ ของลูกมาให้พ่อดูหน่อยสิ” อู่เจิ้งซือสั่ง

อู่เหมยไม่เข้าใจว่าเขาต้องการทำอะไรกันแน่ เธอได้แต่กลับเข้าห้องไปหาสมุดเรียงความเล่มเก่าๆ มา อู่เจิ้งซือเปิดดูไปเรื่อยๆ อาจารย์ให้แค่สามดาว เรียงความบทอื่นก็ได้สามดาวเสียเป็นส่วนใหญ่ มีสี่ดาวน้อยมาก ส่วนห้าดาวนั้นไม่มีเลย

เขาลองอ่านดูคร่าวๆ อาจารย์เขียนวิจารณ์ได้ถูกต้องเหมาะสม และไม่ได้ให้ดาวน้อยไป เรียงความเหล่านี้ของอู่เหมยดูธรรมดาไม่น่าสนใจเหมือนกับน้ำเปล่า นอกจากนี้ปริมาณคำศัพท์ก็น้อยมาก ทั้งบทใช้สำนวนแค่ไม่กี่สำนวน ไร้ซึ่งความโดดเด่น การที่อาจารย์ให้สามดาวคงจะเห็นแก่ที่ลายมือเธอเป็นระเบียบเรียบร้อย

ทว่าบันทึกการท่องเที่ยวบทนี้กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง สำนวนการเขียนช่ำชอง คำศัพท์และประโยคสวยๆ ก็มีมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเขียนบรรยายทิวทัศน์ พวกไวยากรณ์อย่างบุคลาธิษฐาน การเปรียบเทียบด้วยโครงสร้างคู่ขนาน การอุปมาอุปไมย และคำอุทานล้วนมีทั้งสิ้น อู่เหมยเขียนได้น่าประทับใจมาก พอที่จะนับได้ว่าเป็นงานเขียนที่ดี แต่พัฒนาแบบก้าวกระโดดไปหน่อยละมั้ง

“นี่ลูกเขียนเองจริงๆ เหรอ” เสียงของอู่เจิ้งซือฟังดูเข้มขึ้นไม่น้อย

อู่เหมยตื่นตกใจ แย่แล้ว เขียนเพลินไปหน่อยจนลืมมาตรฐานสมัยก่อนของตัวเอง มิน่าล่ะอู่เจิ้งซือถึงสงสัย

“หนูเขียนเองค่ะ เพราะสิ่งที่เขียนวันนี้เป็นเหตุการณ์จริง หนูก็เลยเขียนได้ไหลลื่นเป็นพิเศษ มีหลายประโยคที่เขียนออกมาได้โดยอัตโนมัติ เรียงความเก่าพวกนั้นหนูแต่งขึ้นมั่วๆ ก็เลยเขียนได้ไม่ไหลลื่นค่ะ” อู่เหมยอธิบาย

อู่เจิ้งซือเชื่อคำอธิบายนี้ เดิมทีการเขียนเรียงความจะต้องเน้นความรู้สึกที่แท้จริงอยู่แล้ว วันนี้อู่เหมยได้ไปเที่ยวที่เฟิ่งหวงซาน เธอเขียนด้วยความรู้สึกที่แท้จริงจริงๆ แต่...

“อันนี้ลูกก็แต่งขึ้นมั่วๆ เหรอ”

อู่เจิ้งซือเปิดไปเรื่อยๆ จนไปเจอเรียงความบทหนึ่งในสมุดเรียงความเก่า หัวข้อคือ “คุณพ่อของฉัน” บทนี้ก็ได้สามดาวเช่นกัน เขียนชื่นชมอู่เจิ้งซือทั้งบทเลย ขาดก็แต่ไม่ได้ชมจนตัวเขาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า อู่เจิ้งซือทนอ่านต่อไปไม่ไหวแล้ว อย่างไรเสียเขาก็รู้สึกพอใจมากอยู่ดี แต่ลูกสาวคนเล็กกลับบอกว่าแต่งมั่วๆ อย่างนั้นเหรอ

อู่เหมยมองไปตามนิ้วมือของอู่เจิ้งซือแล้วก็เห็นหัวข้อเรียงความ เธอตื่นตกใจอีกครั้ง แล้วรีบพูดว่า “นั่น...นั่นไม่ได้เขียนมั่วๆ ค่ะ นั่น...”

เธอไม่อาจพูดต่อไปได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่อาจจบลงด้วยดีได้ เธอได้แต่หุบปากแล้วก้มหน้าแสร้งตาย โชคดีที่อู่เจิ้งซืออารมณ์ดีทีเดียว เขาไม่ได้คาดคั้นเธอ มือขนาดใหญ่โบกให้เธอไปได้

“ต่อไปจะต้องเอาเรียงความที่เขียนมาให้พ่อดูทั้งหมดนะ”

อู่เหมยเพิ่งจะโล่งอกแต่แล้วก็กลับตึงเครียดขึ้นมาอีก หนังศีรษะชาไปหมด เธอขานรับอย่างว่านอนสอนง่าย ทว่าโอดครวญอยู่ในใจ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด