ตอนที่ 94
ตอนที่ 94 ทฤษฎีปลาใหญ่กินปลาเล็กบ้าบอ
ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึงว่าสัตว์ที่เปิดฉากโจมตีก่อนจะเป็นเจ้ากระรอกน้อยที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ พวกเขาเห็นแค่เงาสีขาวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กระรอกกระโจนเข้าใส่งูใหญ่อย่างว่องไวปานสายฟ้าแลบ มันข่วนไปที่ตัวงูสุดแรงและทิ้งคราบเลือดเอาไว้หนึ่งจุด
ภายใต้ความเจ็บงูใหญ่เองก็เปิดฉากโจมตีกระรอกเช่นกัน แต่กระรอกคล่องแคล่วว่องไวมาก มันหลบหลีกการโจมตีของงูใหญ่อย่างเร็วจี๋ เพียงชั่วพริบตาเดียวงูกับกระรอกคู่นี้ก็ต่อสู้กันไปหลายสิบยก ทั้งสองตัวต่างเริ่มหอบเหนื่อย
“น่าแปลกจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นกระรอกกับงูต่อสู้กัน ในหนังสือบอกไม่เห็นถูกเลยสักนิด กระรอกเก่งสุดยอดจะตายไป!” มีคนชักสงสัยในหนังสือที่เคยอ่านมาก่อน กระรอกที่อยู่ตรงหน้าอ่อนแอตรงไหนกัน เห็นๆ อยู่ว่ามีพลังต่อสู้เต็มเปี่ยมเลย!
คนอื่นต่างก็ดูด้วยความสนอกสนใจเช่นกัน แถมยังเข้าไปใกล้อีกนิดโดยไม่รู้ตัว อู่เจิ้งซือดึงพวกเขากลับมา “ทุกคนลงไป เร็วๆ หน่อย”
ในฐานะคุณครูประจำชั้น เขาต้องแบกความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวงในการพาเด็กนักเรียนออกมาข้างนอกเยอะแยะแบบนี้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา เขาจะอธิบายกับผู้ปกครองของนักเรียนอย่างไรเล่า!
อู่เหมยเห็นแค่แวบเดียวก็จำเจ้ากระรอกขาวได้ เธอเป็นห่วงเหลือเกินว่ากระรอกน้อยจะสู้งูใหญ่ไม่ได้ เธออยากจะเข้าไปช่วยมัน แต่ก็กลัวว่างูจะกัดตัวเอง เธอลังเลสองจิตสองใจอยู่พักหนึ่ง
“เหมยเหมยได้ยินที่พ่อพูดหรือเปล่า ลงมา!” เสียงเฉียบขาดของอู่เจิ้งซือดังขึ้น
“มาแล้วค่ะ!”
อู่เหมยหันมาขานตอบ เธอเดินได้สามก้าวก็หันไปมองทีหนึ่ง เหมยซูหานพูดว่า “ธรรมชาติก็เป็นแบบนี้แหละ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เราไม่อาจทำลายกฎธรรมชาติได้”
“ทำไมผู้อ่อนแอจะต้องเป็นฝ่ายถูกกินด้วย แล้วทำไมผู้ที่แข็งแกร่งพวกนั้นจะต้องรังแกผู้ที่อ่อนแอด้วย นี่มันกฎธรรมชาติข้อไหนกัน”
อู่เหมยโมโหเดือดดาลอย่างน่าประหลาด ปลาใหญ่กินปลาเล็กอะไรกัน
กฎธรรมชาติอะไรกัน
ชาติก่อนเธอเป็นผู้อ่อนแอ อู่เยวี่ยเป็นผู้ที่แข็งแรง เพราะฉะนั้นเธอจึงสมควรถูกอู่เยวี่ยฆ่างั้นเหรอ
เพราะอย่างนี้เลยไม่มีใครจะออกมาช่วยเธอ ทุกคนต่างก็คิดว่าตายไปก็สมควรแล้ว นี่ก็คือกฎธรรมชาติบ้าบอนั่นอย่างนั้นหรือ
เธอเกลียดกฎนี้ แล้วก็เกลียดคนที่พูดสิ่งเหล่านี้ด้วย!
เหมยซูหานรับรู้ได้ถึงความโกรธแค้นในแววตาของอู่เหมย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องโมโหด้วย ทั้งที่เขาไม่ได้พูดผิดสักหน่อย!
ตอนนี้กระรอกเริ่มอ่อนระโหยโรยแรงเล็กน้อยแล้ว แม้เจ้างูใหญ่จะบาดเจ็บไปทั้งตัว แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบ แล้วมันก็เปิดฉากโจมตีครั้งสุดท้ายโดยการกัดไปที่ลำตัวของกระรอก อีกทั้งพันรัดตัวกระรอกแน่น แต่กระรอกก็สู้ตายไม่ถอย มันกัดเข้าที่จุดสำคัญของงูใหญ่ ทั้งสองตัวเกาะเกี่ยวกันอีรุงตุงนังเป็นก้อน
อู่เหมยตกอกตกใจอย่างมาก แล้วรีบหมุนตัววิ่งพุ่งกลับไป เวลานี้เธอแค่อยากจะช่วยชีวิตกระรอกน้อย ความปรารถนาอันแรงกล้านี้เอาชนะความหวาดกลัวที่เธอมีต่องูได้ เธอพุ่งเข้าไปคว้าหางงูโดยไม่แม้แต่จะคิด สัมผัสที่เย็นเยียบและนุ่มลื่นทำให้เธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว แต่เธอก็ยังคงไม่ปล่อยมือ คิดแต่ว่าจะช่วยเจ้ากระรอกน้อยที่น่ารักตัวนี้
มีเหตุผลอะไรที่ผู้อ่อนแอจะต้องตาย
เธอจะต้องช่วยเหลือผู้อ่อนแอให้ได้!
เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนแรกเลยที่เห็นพฤติกรรมความใจกล้าของอู่เหมย เขาตกใจมาก เจ้าเด็กซื่อบื้อคนนี้เป็นคนใจกล้าที่โง่ทึ่มจริงๆ นั่นมันงูห้าก้าวที่มีพิษร้ายแรงมากนะ ถ้าเกิดถูกกัดเข้า ไม่ทันจะส่งถึงโรงพยาบาลก็สิ้นใจก่อนแล้ว
“เหมยเหมยปล่อยมือเร็ว มันอันตราย!” เหมยซูหานตำหนิเสียงดัง แล้วเดินเข้าไปจะไปลากตัวอู่เหมยมา
อู่เจิ้งซือก็เดินเข้าไปหาเช่นกัน เขาไม่พอใจมากที่เห็นอู่เหมยไร้กฎไร้ระเบียบ แน่นอนว่าความเป็นห่วงนั้นมีมากกว่า เขาเป็นห่วงว่าอู่เหมยจะถูกงูพิษกัด ต่อให้เขาไม่ชอบอู่เหมยมากขนาดไหน แต่เขาก็ไม่เคยอยากให้อู่เหมยเกิดเรื่อง!
“เหมยเหมยกลับมาเร็ว อย่าดื้อ!” อู่เจิ้งซือก็ไปลากตัวเธอมา
“พ่อคะ กระรอกน้อยมันน่าสงสาร หนูอยากจะช่วยมัน”
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร อู่เหมยก็ไม่ยอมปล่อยมือ เธอออกแรงดึงหางของงู เธอกลั้นหายใจจนใบหน้าแดงก่ำ เหยียนหมิงซุ่นอดอมยิ้มไม่ได้ ซื่อบื้อเสียจริงๆ
เขาเดินเข้าไปทำให้อู่เหมยปล่อยมือ เขาแกะมือเธอออกจากหางงูเบาๆ แล้วก็เห็นงูที่รัดแน่นค่อยๆ คลายตัว นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดูเหมือนมันจะตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น