ตอนที่ 91
ตอนที่ 91 วางแผนอุบาย
อู่เยวี่ยเองก็ไม่ได้ยื้อแย่งกับเหอปี้อวิ๋น เมื่อกี้นี้เธอแค่แสร้งพูดไปอย่างนั้นเอง เธอจะทำงานสกปรกๆ อย่างนั้นได้อย่างไรกัน
มือของเธอไม่ได้เล็กและอ่อนนุ่มเหมือนของอู่เหมย ข้อกระดูกของเธอค่อนข้างใหญ่ ไม่ทำงานก็ยังดูใช้ได้อยู่ อย่างน้อยมือก็ขาวเนียนนุ่ม แต่พอทำงาน ข้อนิ้วก็ใหญ่ขึ้น เห็นแล้วขัดหูขัดตา
ไหนเลยจะเหมือนมือเล็กเนียนนุ่มของอู่เหมย ต่อให้ทำงานทุกวันก็ไม่เป็นไร มืออู่เหมยก็ยังคงขาวเนียนนุ่มเหมือนเดิม แล้วก็ยังหน้าตาของเธอ เมื่อเห็นอู่เหมย ก็จะเข้าใจถึงความหมายแฝงของคำว่า “สวยตั้งแต่เกิด ถึงจะอยากสลัดทิ้งก็มิอาจทำได้” ที่คนโบราณว่าไว้ ซึ่งมันทำให้เธอทั้งอิจฉาริษยาและจงเกลียดจงชัง
“แม่คะ เหมยเหมยนับวันก็ยิ่งสวยขึ้นเรื่อยๆ สวยกว่าหนูตั้งเยอะ” อู่เยวี่ยพูดอย่างเศร้าใจ
เหอปี้อวิ๋นรู้สึกลนลาน เธอไม่มีกะจิตกะใจทำงานบ้านแล้ว เธอทิ้งไม้ถูพื้นไว้ด้านข้างและพูดอย่างร้อนใจ “ใครว่าล่ะ เยวี่ยเยวี่ยลูกสวยกว่าเหมยเหมยตั้งเยอะ เหมยเหมยมีอะไรที่เทียบลูกได้บ้าง แม่ไม่โกหกลูกหรอก อย่าไปฟังคนอื่นพูดจาซี้ซั้ว”
อู่เยวี่ยกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าในใจของเหอปี้อวิ๋น เธอต่างหากที่เป็นลูกสาวคนสำคัญที่สุด เหอปี้อวิ๋นก็คือกองหนุนที่ซื่อสัตย์ของเธอ
“หนูหน้าตาเหมือนแม่ แม่เป็นสาวสวยรุ่นใหญ่ ส่วนหนูเป็นสาวสวยรุ่นเล็ก” อู่เยวี่ยพูดจาออดอ้อน เหอปี้อวิ๋นมีความสุขจนหุบปากไม่ลง สายตาที่มองอู่เยวี่ยมีแต่ความรักใคร่เอ็นดู
สองแม่ลูกพูดชมกันไปมาอยู่พักใหญ่ และแล้วอู่เยวี่ยก็พูดเข้าประเด็น เธอพูดเสียงนุ่มนวลว่า “แม่คะ ต่อไปแม่อย่าไปดุด่าเหมยเหมยต่อหน้าคุณพ่ออีกนะคะ หนูรู้ค่ะว่าแม่หวังดีกับเหมยเหมย แม่อยากให้เหมยเหมยได้ดิบได้ดีถึงได้อบรมสั่งสอนน้อง แต่คุณพ่อเขาไม่ชอบเห็นบ้านวุ่นวาย แล้วเดี๋ยวนี้เหมยเหมยก็ชอบต่อปากต่อคำ สามสี่วันมานี้บ้านเราไม่ค่อยจะเงียบสงบเลย ทำให้คุณพ่อไม่พอใจมาก”
พอได้ยินชื่ออู่เหมย เหอปี้อวิ๋นก็โมโห เธอพูดด้วยความเกลียดชัง “เดี๋ยวนี้เจ้าเด็กบ้าชักจะกล้าบ้าบิ่น แม่พูดหนึ่งประโยค เจ้าเด็กบ้าตอบกลับเป็นสิบประโยค เดี๋ยวนี้พ่อของลูกถูกเจ้าเด็กบ้าหลอกจนหน้ามืดตามัวไปแล้ว”
เพราะเจ้าเด็กบ้านี่แท้ๆ ความปรารถนาที่จะได้ดูรายการพิเศษช่วงตรุษจีนในโทรทัศน์สีของเธอจึงต้องพังไม่เป็นท่า เหอปี้อวิ๋นคิดขึ้นมาแล้วก็ปวดฟันและกัดฟันกรอดๆ
อู่เยวี่ยแสร้งพูดว่า “แม่อย่าโกรธเลยนะคะ เหมยเหมยไม่เข้าใจความตั้งใจดีของแม่ ซึ่งไม่ถูกต้องเลยจริงๆ ต่อไปน้องจะต้องนึกเสียใจแน่นอนค่ะ แต่ใครใช้ให้ตอนนี้เหมยเหมยเป็นที่โปรดปรานของคุณพ่อล่ะ แม่เองก็คงไม่อยากให้คุณพ่อโกรธ งั้นต่อไปแม่ก็พูดน้อยลงหน่อยจะดีกว่านะคะ”
เหอปี้อวิ๋นไม่ใช่คนโง่ เธอรู้อยู่แล้วว่าที่อู่เยวี่ยพูดนั้นมีเหตุผล หลายคืนมานี้อู่เจิ้งซือไม่ค่อยกระหนุงกระหนิงกับเธอสักเท่าไรก็เพราะว่าเจ้าเด็กบ้านั่น เมื่อก่อนหนึ่งสัปดาห์จะจู๋จี๋กันครั้งสองครั้ง แต่สัปดาห์นี้ไม่มีเลยสักครั้งเดียว น่าโมโหเสียจริงๆ
แล้วนี่ก็คือเหตุผล แต่เธอไม่อยากให้อู่เหมยสนิทสนมกับอู่เจิ้งซือ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นพ่อลูกกันก็ไม่ได้ เหอปี้อวิ๋นเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้มีความคิดที่ประหลาดแบบนี้
ใบหน้าที่สวยหยาดเยิ้มใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเหอปี้อวิ๋นอีกครั้ง ผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเธอเหอปี้อวิ๋น ฟ้าส่งจิวยี่มาเกิดแล้ว เหตุไฉนจึงส่งขงเบ้งมาเกิดด้วย ทั้งที่สวรรค์เบื้องบนก็ทราบดีว่าเธอเกลียดนังสารเลวคนนั้นเข้ากระดูกดำ แต่ก็ยังจะให้ลูกสาวคนเล็กที่เธอคลอดออกมามีหน้าตาเหมือนกับนังสารเลวคนนั้นอีก
ทุกครั้งที่เห็นหน้าอู่เหมย เธอก็จะนึกถึงนังสารเลวคนนั้นตลอด แล้วก็นึกถึงความอัปยศอดสูที่นังสารเลวคนนี้นำพามาสู่เธอ เธอชอบอู่เหมยลงก็แปลกแล้ว!
“แม่เข้าใจแล้วจ้ะ เยวี่ยเยวี่ยลูกไปทำการบ้านเถอะ ใกล้จะสอบประจำเดือนแล้ว แม่ยังหวังที่จะให้ลูกเป็นหน้าเป็นตาให้อยู่นะจ๊ะ!” แม้เหอปี้อวิ๋นจะยังคิดไม่ตก แต่เธอก็ไม่อยากให้อู่เยวี่ยต้องกังวลเรื่องชวนหงุดหงิดรำคาญใจพวกนี้ เธอจึงยอมตกลงอย่างรวดเร็ว
อู่เยวี่ยเห็นแม่รับปากแล้ว เธอก็อดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้ อู่เยวี่ยรับประกันด้วยความมั่นใจว่า “แม่วางใจได้ค่ะ หนูจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับแม่อย่างแน่นอน”
เหอปี้อวิ๋นยิ้มจนหุบปากไม่ลงแล้ว แล้วเธอก็ยกชามลำไยนึ่งออกมาจากห้องครัว “เยวี่ยเยวี่ยรีบตักเนื้อลำไยไปกินเร็ว กินแล้วดวงตาสดใสและทำให้จิตใจสงบ หมู่นี้ลูกนอนไม่หลับไม่ใช่เหรอ กินนี่ซะ ทีนี้ก็นอนหลับสบายแล้ว”
“ขอบคุณค่ะแม่”
อู่เยวี่ยกินลำไยจนเบื่อแล้ว แต่พอได้ยินว่าช่วยให้จิตใจสงบ เธอก็รับชามลำไยมาทันที สามสี่วันมานี้เธอนอนฝันร้ายตลอด เธอจะต้องกินบำรุงสักหน่อย