ตอนที่ 82
บทที่ 82 คืนเงิน
พวกเขาขี่จักรยานกันมาครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงตีนเขาเฟิ่งหวงซาน อู่เหมยมองดูทิวทัศน์ที่แตกต่างจากชาติก่อนโดยสิ้นเชิง แล้วถอนหายใจเบาๆ ชาติก่อนเธอถูกฝังอยู่ที่แห่งนี้นี่แหละ!
พอได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของเธอ เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกเศร้าห่อเหี่ยวอย่างยิ่ง แล้วก็พลันคิดขึ้นมาได้ เด็กคนนี้มีเรื่องราวในใจมากมายเหลือเกิน
นักเรียนหลายคนมาถึงแล้ว แล้วอู่เจิ้งซือก็เดินไปเช็กชื่อ เหยียนหมิงซุ่นเองก็ต้องไปรวมตัวกับเพื่อนๆ ในห้องแล้ว ขณะที่ลงจากจักรยาน อู่เหมยพูด “ขอบคุณ” เขาเสียงเบา
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร เจ้าตุ้ยนุ้ยอู่เชาวิ่งพลางตะโกนเสียงดังว่า “เหมยเหมย ในที่สุดเธอก็มาถึงสักที ฉันรอเธอตั้งครึ่งค่อนวันแน่ะ”
อู่เหมยมองค้อนตาเหลือก “ตอนนี้ยังไม่เก้าโมงเลย ครึ่งค่อนวันที่ไหนกัน”
อู่เชาหัวเราะแหะๆ แล้วหยิบกระป๋องใบหนึ่งออกมาท่าทางลับๆ ล่อๆ เขาพูดเสียงเบาว่า “ฉันเอาแฮมกระป๋องมา เดี๋ยวเรามาแบ่งกันกินนะ”
“อืม ฉันเอาซาลาเปาไส้เนื้อมา แล้วก็ยังมีขนมปัง ฉันก็จะแบ่งให้นายกินด้วย”
เนื่องจากอู่เจิ้งซืออยู่ด้วย เหอปี้อวิ๋นจึงใจดีเตรียมเสบียงให้เยอะ เมื่อได้ยินเช่นนั้น อู่เชาก็เปิดกระเป๋าเป้ของอู่เหมย แล้วหยิบซาลาเปาไส้เนื้อที่ยังอุ่นๆ ออกมาและกัดกินคำใหญ่
“นายกินตอนนี้ แล้วตอนเที่ยงเราจะกินอะไรล่ะ” อู่เหมยพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“กลัวอะไร ฉันยังพกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาด้วย อาหารมีพอให้เรากินน่า ฉันไม่ได้กินมื้อเช้ามา หิวจะแย่อยู่แล้ว ขอซาลาเปาฉันอีกใบนึงนะ”
อู่เชาคว้าซาลาเปาไส้เนื้อมาอีกใบ เขาไม่เกรงใจอู่เหมยเลยแม้แต่น้อย อู่เหมยมองค้อนเขาตาเหลือก แต่ก็ปล่อยให้เขาหยิบไป พี่น้องทะเลาะกันแต่กลับทำให้สนิทสนมกันมากขึ้น
“เหมยเหมย เธอเอาของอร่อยอะไรมาเหรอ”
เจินหวานหว่านเดินยิ้มแฉ่งมาหา สายตาเอาแต่จับจ้องอยู่ที่กระเป๋าเป้อ้วนตุงของอู่เหมย เธอไม่ค่อยจะเอาอะไรมาเลย เธอเอามาแค่น้ำหนึ่งขวดกับหมั่นโถวหนึ่งลูกที่เหลือจากตอนเช้า กระเป๋าเป้ของอู่เหมยดูตุงแบบนี้ ต้องเอาเสบียงมาไม่น้อยแน่ๆ
“ไม่ได้เอาอะไรมาเยอะหรอก แค่ขนมปังกับน้ำเอง อ้าว! พวกเขาเดินขึ้นเขากันแล้ว เรารีบตามไปกันเถอะ”
อู่เหมยลากอู่เชาเดินตามกลุ่มของอู่เจิ้งซือไป อู่เจิ้งซือเห็นเธอก็พูดเสียงเฉียบขาดว่า “ห้ามเดินสะเปะสะปะบนเขานะ แล้วห้ามไปไหนมาไหนคนเดียวด้วย”
“เข้าใจแล้วค่ะพ่อ หนูจะเดินไปกับอู่เชาค่ะ”
“ดีแล้วล่ะ ลูกกับเสี่ยวเชามาเดินอยู่ในกลุ่ม แล้วก็เพื่อนๆ ของลูกด้วย”
อู่เจิ้งซือเรียกเจินหวานหว่านและเพื่อนๆ มา ถ้าพอจะดูแลได้ก็ดูแลสักหน่อย ทุกคนปีนเขาขึ้นไปพลางหัวเราะเอิ้กอ้าก เด็กนักเรียนหญิงบางคนยังฮัมเพลงไปด้วย พวกเขาพูดคุยและหัวเราะอย่างมีความสุขไปตลอดทาง
แต่อู่เชากลับพูดจ้อไม่หยุด ไม่เพียงจะกินซาลาเปาไส้เนื้อของอู่เหมยจนหมด แต่เขายังอยากกินขนมปังที่เหลือด้วย อู่เหมยโมโหและปิดกระเป๋าเป้อย่างแรง “ถ้านายกินหมด แล้วเดี๋ยวฉันกับพ่อจะกินอะไรล่ะ ไปกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของตัวเองไป”
“ขี้งก แค่กินซาลาเปาไส้เนื้อนิดๆ หน่อยๆ เอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันเลี้ยงซาลาเปาไส้ไข่ปูของร้านเฟิ่งไหลจู แบบนั้นถึงจะเรียกว่าอร่อย!” อู่เชามองดูกระเป๋าเป้ของอู่เหมยอย่างอาลัยอาวรณ์ ไม่รู้ทำไม เวลากินของคนอื่นแล้วมันอร่อยจัง
อู่เหมยขี้เกียจที่จะสนใจเขา แม้ภูเขาเฟิ่งหวงซานจะไม่สูง แต่เธอก็ปีนจนหายใจหอบแฮ่ก ใบหน้าแดงก่ำ ดูสวยงามเสียยิ่งกว่าดอกท้อที่ผลิบาน เด็กนักเรียนชายหลายคนต่างก็อดหันไปมองไม่ได้ พวกเขาถึงกับตกตะลึงในความสวยของอู่เหมย
เหมยซูหานก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เขาเห็นอู่เหมยตั้งแต่เช้าแล้ว แล้วเขาก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้เธอ เขายิ้มพลางยื่นมือออกไป “เหมยเหมย เหนื่อยแล้วล่ะสิ มาเดี๋ยวฉันจูงเธอ”
อู่เหมยก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เธอหายใจหอบเล็กน้อยและพูดปฏิเสธอย่างนุ่มนวล “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันเดินเองได้ค่ะ”
เหมยซูหานแววตาหม่นหมอง จำต้องหดมือกลับไป เขามักจะรู้สึกว่าอู่เหมยทำตัวห่างเหินกับเขามาก ซึ่งทำให้เขาเสียใจมาก ทั้งๆ ที่อู่เหมยควรจะเป็นคนรักที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาที่สุดถึงจะถูก!
“พี่...ซูหาน ฉันคืนเงินห้าเฟินค่ะ”
อู่เหมยหยิบธนบัตรห้าเฟินยื่นให้ เธอพูดเสียงเบามาก เหมยซูหานลืมเรื่องเงินห้าเฟินนี่ไปตั้งนานแล้ว ช่วงหลายวันมานี้เขามักจะไปเก็บขยะอยู่บ่อยๆ ทำให้การเงินของเขาดีขึ้นมาก เขาก็เลยไม่ได้สนใจเงินห้าเฟินนี่
“ไม่ต้องคืนหรอก คิดเสียว่าพี่ชายเลี้ยงแพนเค้กน้องสาวก็แล้วกันนะดีมั้ย?” เหมยซูหานไม่ได้รับเงินมา เขามองอู่เหมยพลางยิ้มแฉ่ง ในดวงตามีความอบอุ่น แล้วยังเจือแววหยอกเย้าด้วย