ตอนที่ 70
ตอนที่ 70 ข้อเรียกร้อง
ลูกสาวคนเล็กโวยวายอาละวาดทั้งวันแบบนี้ชักไม่ได้การ ทำเอาบรรยากาศภายในบ้านอึมครึมไปหมด แล้วเขาจะอยู่ที่บ้านได้อย่างไรกัน
อู่เหมยเงยหน้าขึ้นมองหน้าอู่เจิ้งซือ แล้วยิ้มเยาะ “หนูคิดอย่างไรน่ะเหรอ หนูแค่ต้องการให้พ่อแม่ยุติธรรมหน่อย หนูเรียนไม่ดี แต่นี่เป็นเหตุผลที่พ่อแม่จะมาทำโหดร้ายทารุณกับหนูเหรอ ไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้หนู ไม่ให้หนูได้กินของอร่อยๆ แล้วยังต้องทำงานบ้าน พอทำได้ไม่ดีก็โดนตี พ่อแม่ตีหนูให้ตายไปเสียเลยดีกว่า ยังไงเสียหนูอยู่ไปก็ไม่มีความหมายอะไร ตีหนูให้ตาย พ่อแม่เองก็จะได้ไม่รำคาญใจด้วย”
เธอพูดหมดเปลือกแล้ว เธอทนถูกตีได้ แต่เรื่องสวัสดิการเธอต้องช่วงชิงมาให้ได้ นี่เป็นภาระหน้าที่ที่กฎหมายระบุไว้ แล้วทำไมเธอจะไม่ช่วงชิงมาล่ะ
เหอปี้อวิ๋นโมโหจนตาเขียวปัด อดดุด่าไม่ได้ “ตีแค่ไม่กี่ทีบอกว่าโหดร้ายทารุณงั้นเหรอ เป็นคนเนรคุณที่เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ ด้วย ฉันเลี้ยงสุนัขดีกว่า มันยังกระดิกหางได้”
“พี่อู่เยวี่ยกระดิกหางให้แม่ทุกวันเลยไม่ใช่เหรอ” อู่เหมยอดตอกกลับไม่ได้ อู่เยวี่ยหน้าถอดสีเล็กน้อย โกรธแค้นจนกัดฟันกรอดๆ คิดไม่ถึงว่าเจ้าน้องโง่จะด่าว่าเธอเป็นสุนัข
อู่เจิ้งซือใช้สายตาห้ามปรามเหอปี้อวิ๋นที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขามองพินิจพิเคราะห์ลูกสาวคนเล็กที่ตนละเลยไม่ได้สนใจมานานแล้ว ลูกสาวคนนี้ดูเข้มแข็งขึ้นมาก ไม่ได้อ่อนแอเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว รูปร่างหน้าตาก็สะสวย แต่น่าเสียดายที่การเรียนแย่เสียเหลือเกิน แย่จนขนาดแค่เขานึกถึงมันก็ทำให้หมดความอยากอาหารแล้ว
“เหมยเหมย แม่เค้าตีลูกก็เพราะหวังดีกับลูก...”
อู่เหมยหัวเราะอย่างเย็นชาขัดจังหวะการพูดของอู่เจิ้งซือ แล้วพับแขนเสื้อขึ้นโชว์แขนที่ฟกช้ำดำเขียว อู่เหมยพูดเสียงเย็นเยือก “หวังดีกับหนูเหรอ พี่อู่เยวี่ยโง่ให้ก้างปลาติดคอเอง แล้วเกี่ยวอะไรกับหนูด้วย แม่มีเหตุผลอะไรมาตีหนูแบบนี้ แล้วถ้าต่อไปพี่ถูกรถชนตาย พ่อแม่ก็จะให้หนูชดใช้ชีวิตด้วยหรือเปล่า”
“เจ้าเด็กบ้า แกพูดเหลวไหลอะไรของแก แกถูกรถชนตาย พี่สาวแกก็ไม่เป็นไรหรอก” เหอปี้อวิ๋นอยากจะกลืนกินหัวใจของอู่เหมยซะ บังอาจมาแช่งลูกสุดที่รักของเธอให้ตายงั้นเหรอ
“เหอปี้อวิ๋น ระมัดระวังคำพูดด้วย” อู่เจิ้งซือทำหน้าขึงขัง
อู่เหมยยิ้มเยาะ “พ่อได้ยินแล้วใช่มั้ย ในใจของแม่ พี่อู่เยวี่ยต่างหากที่เป็นลูกสาวของแม่ หนูยังสู้สุนัขไม่ได้เลย แล้วพ่อยังจะบอกว่าแม่หวังดีกับหนูเหรอ แม่ตีหนูตายก็หวังดีกับหนูอย่างนั้นเหรอ”
อู่เจิ้งซือปวดเศียรเวียนเกล้า แล้วก็หงุดหงิดมาก แผนการสอนโอเพ่นคลาสในวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่ได้เขียนสักตัว ลูกสาวคนเล็กก็อย่างกับภูเขาไฟระเบิด ยากที่จะควบคุมได้ เขาไม่รู้เลยว่าลูกสาวคนเล็กจะสั่งสมความแค้นเคืองที่มีต่อเหอปี้อวิ๋นมากขนาดนี้!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ครอบครัวจะรักใคร่ปรองดองกันได้อย่างไร
“เหมยเหมย ตอนนี้ลูกไม่สุขุมใจเย็นเลย แม่เค้าแค่หุนหันพลันแล่นไปหน่อย แต่ก็ยังคงจิตใจดี ลูกพูดแบบนี้ทำให้พ่อผิดหวังมากเลยนะ” อู่เจิ้งซือพยายามสะกดความหงุดหงิดไว้และพูดโน้มน้าว
อู่เหมยไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระพวกนี้แม้แต่นิดเดียว เธอแค่ต้องการเงิน ส่วนความรักของเหอปี้อวิ๋นเธอไม่สนใจเลยสักนิด
“พ่อคะ หนูไม่มีข้อเรียกร้องอื่น หนูแค่ต้องการความยุติธรรม หนูไม่อยากรับเศษขยะจากพี่อู่เยวี่ยอีก ตอนเที่ยงหนูก็อยากจะกินข้าวร้อนๆ แล้วก็อยากได้เงินค่าขนมอาทิตย์ละสองหยวน แล้วก็ยังมีซุปไก่ตุ๋น ซุปเป็ดตุ๋น นมสด นมรสมอลต์ น้ำมันตับปลา อู่เยวี่ยมีอะไร หนูก็อยากมีด้วย หนูไม่อยากได้รับการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันอีก” อู่เหมยพูดข้อเรียกร้องรวดเดียวจบ ใบหน้าของเหอปี้อวิ๋นดำทะมึนเสียยิ่งกว่าน้ำหมึก
“แกนี่ช่างกล้าพูดนะ ของบำรุงร่างกายพวกนั้นเอาไว้ให้พี่สาวแกกินบำรุงสมอง พี่เค้ากินแล้วสอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียน เป็นหน้าเป็นตาให้กับฉันและพ่อแก แกกินแล้วสอบได้ที่เท่าไร ที่โหล่? แล้วยังจะมีหน้าอยากกินอีกเหรอ”
อู่เหมยสีหน้าเย็นชาและตอบว่า “มีกฎหมายข้อไหนเหรอที่ระบุว่าผลสอบไม่ดีแล้วห้ามกินของดีๆ เมื่อก่อนคุณ M สอบวิชาเลขได้ศูนย์คะแนน แม่คิดว่าเขาเองก็ห้ามกินของดีๆ อย่างนั้นเหรอ?”