ตอนที่ 7
ตอนที่ 7 เสาหลัก
อู่เยวี่ยสัมผัสได้ถึงสายตาที่เปลี่ยนไปของคนรอบข้างจึงแอบก่นด่าอู่เหมยในใจเสียยกใหญ่ ตั้งใจว่าหลังกลับบ้านไปต้องฟ้องเพิ่มอีกกรณีที่เมื่อวานอู่เหมยทดสอบภาษาอังกฤษได้แค่สิบแปดคะแนน ครองอันดับสุดท้ายของโรงเรียนไปเหมือนเดิม คุณแม่จะต้องปิดประตูอบรมสั่งสอนอู่เหมยสักทีแน่ๆ
นึกถึงภาพอันเลวร้ายที่อู่เหมยต้องกลับไปเจอ อู่เยวี่ยก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยรีบย่อตัวนั่งลงและถามอย่างเป็นห่วงว่า “เหมยเหมยทำไมถึงปวดท้องล่ะ? พี่ผิดเองที่ประมาท ได้แต่คิดว่าจะได้ไปหาคุณปู่ไม่สายเลยไม่ทันสังเกตว่าเธอไม่สบาย ขอโทษนะเหมยเหมย พี่จะแบกเธอเอง!”
ทุกคนได้ยินถ้อยคำนี้สีหน้าก็ผ่อนคลายลง สิ่งที่ชอบดูคือภาพที่พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวแบบนี้แหละ น่าอบอุ่นใจจะตาย อู่เยวี่ยช่างเป็นพี่สาวที่อ่อนโยน ไม่ทำให้คุกคนผิดหวังจริงๆ
อู่เหมยพยายามหักห้ามใจไม่ให้หลีกเลี่ยงมือของอู่เยวี่ย มือคู่นี้นี่เองที่ผลักเธอตกจากตึกชั้นสามสิบสาม ต่อให้เกิดใหม่อีกครั้งเธอก็ไม่อาจลืมสัมผัสเย็นเฉียบที่ดันอยู่ตรงหน้าอกเธอได้ โหดร้ายราวกับงูพิษก็ไม่ปาน
“ขอบคุณค่ะพี่ หนูพักแป๊บหนึ่งก็เดินต่อได้แล้ว ถ้าคุณแม่เห็นพี่แบกหนู จะต้องด่าหนูแน่ๆ” อู่เหมยพูดเสียงอ่อน
ทุกคนทำหน้าตกใจอีกครั้ง เรื่องที่สองสามีภรรยาตระกูลเหอลำเอียงต่อลูกสาวคนโตนั้นไม่ใช่ความลับสำหรับอาคารบ้านพักครูนี้แล้ว แน่นอนว่าหากเป็นพวกเขาก็คงมอบความรักให้กับลูกสาวคนโตที่ทั้งสวยทั้งเป็นเด็กดีคนนี้มากกว่าหน่อย แต่พอฟังน้ำเสียงอู่เหมยแล้ว คิดว่าความลำเอียงนี้คงรุนแรงไม่น้อย!
อู่เยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พลันเอะใจกับท่าทีผิดปกติของอู่เหมย วันนี้เจ้าโง่นี่เป็นอะไรกันแน่ เมื่อก่อนเธอคงไม่มีวันพูดอย่างนี้ออกมาแน่นอน หรือว่ามีคนยุยงอู่เหมย?
อู่เหมยนึกเสียใจ เธอควรควบคุมอารมณ์ให้ดี ตอนนี้เธอยังต้องพึ่งตระกูลอู่จึงไม่ใช่เวลาที่จะมาฉีกหน้ากัน อดทนไว้ก่อน จะทำให้เสียการใหญ่ไม่ได้
“โอ๊ย! พี่แบกหนูเถอะ หนูปวดท้อง” อู่เหมยร้องครางเสียงดังกว่าเดิม เสียงอ่อนหวานนั่นเรียกให้คนฟังใจสั่นไหวและยังรู้สึกสงสารจับใจ
“เยวี่ยเยวี่ยพาน้องไปส่งห้องพยาบาลเถอะ เห็นเธอปวดขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าไส้ติ่งอักเสบ?” มีคนเสนอความคิดเห็น
อู่เหมยสะดุ้งกลัวจนตัวสั่นกึก แย่แล้ว เสแสร้งมากเกินไป คุณย่าหยางประจำห้องพยาบาลตาดีมาก หากเธอไปความต้องแตกแน่ อู่เหมยพูดเสียงเล็กเสียงน้อย “พี่คะ หนูไม่อยากฉีดยา หนูกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านแป๊บหนึ่งก็พอแล้ว”
อู่เยวี่ยเองก็ไม่อยากไปห้องพยาบาล ห้องพยาบาลอยู่หลังโรงเรียนที่ต้องเดินตั้งหนึ่งกิโลกว่า เธอไม่อยากเสียแรงหรอกนะ!
“เหมยเหมยอย่ากลัว งั้นเรากลับบ้านกันก่อน ถ้าไม่หายเราค่อยไปห้องพยาบาลกัน”
อู่เยวี่ยลอบกัดฟันกรอดขณะที่ทิ้งตัวลงอย่างยอมแพ้ ตัดสินใจจะฟ้องเรื่องที่อาทิตย์ก่อนอู่เหมยสอบไม่ผ่านในวิชาภาษาด้วย ยังกล้าให้เธอลดตัวลงไปแบกอีก อยากตายนักใช่ไหม!
“เยวี่ยเยวี่ย เหมยเหมยเป็นอะไร? เธอจะแบกเหมยเหมยไหวได้ยังไงล่ะ? เดี๋ยวเอวก็บาดเจ็บหรอก ฉันแบกเอง!”
เสียงที่ดังแว่วมานั้นช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย แม้แต่เสียงเป็ดร้องยังน่าฟังกว่าเสียงเขาเป็นไหนๆ อู่เหมยมองเหยียนหมิงต๋าที่วิ่งมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความรู้สึกหลากหลาย พี่เขยในชาติปางก่อนของเธอความจริงเป็นคนดี หากพูดอย่างจริงจังแล้วนั้น เหยียนหมิงต๋าก็นับว่าเป็นผู้เสียหายเช่นกัน ถูกสวมเขาอันใหญ่เชียวล่ะ!
แต่อู่เหมยรู้ดีว่าเหยียนหมิงต๋ารักอู่เยวี่ยขนาดไหน เกรงว่าต่อให้อู่เยวี่ยจะฆ่าเขาแล้วกลืนลงท้องไป เจ้าโง่นี่ก็ยังรักอู่เยวี่ยไม่เปลี่ยน โง่เขลาจริงๆ
เพื่อนของศัตรูก็นับว่าเป็นศัตรู ไม่ว่าเหยียนหมิงต๋าจะซื่อสัตย์และเป็นคนดีมากเท่าไร หรือเป็นคนน่าเห็นใจสักแค่ไหน อู่เหมยก็ได้จัดให้เหยียนหมิงต๋าไปอยู่กลุ่มเดียวกับอู่เยวี่ยอย่างแน่วแน่ กลายเป็นคู่ศัตรูที่จะต้องเอาชนะให้ได้
ทันทีที่เหยียนหมิงต๋ามา ทำให้อู่เยวี่ยโล่งใจขึ้น และหันไปยิ้มหวานให้เหยียนหมิงต๋าที่ยิ้มร่าจนใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นั่งยองลงหมายจะแบกอู่เหมยขึ้นหลัง แม้เขาจะอายุเท่าอู่เยวี่ยแต่ด้วยร่างที่สูงใหญ่เลยทำให้อู่เหมยดูกลายเป็นเด็กไปยังไงอย่างนั้น
อู่เหมยไม่อยากให้ว่าที่สามีของอู่เยวี่ยต้องมาแบกตัวเอง เธอเผลอมองเลยไปด้านหลังก่อนจะเห็นเด็กหนุ่มท่าทางเย็นชาคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น คาดว่าอายุประมาณสิบห้าหรือสิบหกปี มีรูปร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อลายขวางสีน้ำเงินตัวเก่า กอดลูกบาสเกตบอลอยู่ในมือ เห็นได้ชัดว่ากำลังเตรียมตัวเพื่อไปเล่นบาสเกตบอล
“หนูจะให้พี่หมิงซ่วนแบก ไม่ใช่พี่!” อู่เหมยทำใจกล้าพลางมองไปทางเหยียนหมิงซ่วน
เขาคนนี้เป็นเสาหลักในอนาคตของตระกูลเหยียนเชียว ในวันหน้าที่ตระกูลเหยียนได้ดิบได้ดี ส่งผลให้อู่เยวี่ยได้ใช้ชีวิตที่คนนับหมื่นอิจฉา ทั้งหมดเป็นเพราะเด็กผู้ชายคนนี้ล้วนๆ เพียงแต่ว่าในตอนนี้เสาหลักเสานี้ยังดูน่าสงสารปนโดดเดี่ยวไปบ้าง สถานการณ์ของเขาไม่ได้ดีไปกว่าเธอเท่าไรเลย