ตอนที่ 66
ตอนที่ 66 มาช่วยถึงที่บ้าน
เหอปี้อวิ๋นหยิบผ้ามาอุดปากอู่เหมย พร้อมทั้งล็อกประตู ส่วนเรื่องหน้าต่าง เธอไม่กังวลเลย ด้านหลังบ้านเป็นสนามกว้างโล่ง ไม่อาจมีใครมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านได้
จิตใต้สำนึกอู่เหมยอยากจะวิ่งออกจากห้อง แต่เหอปี้อวิ๋นจับตัวเธอไว้แน่นจนกระดุกกระดิกตัวไม่ได้แม้แต่น้อย อู่เหมยหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม แค่โดนตีเท่านั้น อย่างไรเสียเหอปี้อวิ๋นคงไม่กล้าตีเธอถึงตาย ทนรับความเจ็บปวดทรมานไปก็แล้วกัน!
พอต่อไปเธอเข้มแข็งขึ้น เธอจะไม่ยอมให้เหอปี้อวิ๋นแตะต้องเธออีกแม้แต่ปลายเล็บ!
เหยียนหมิงซุ่นเห็นแต่อู่เหมยยกสองมือกุมหัว ปล่อยให้เหอปี้อวิ๋นทุบตีโดยไม่มีสาเหตุ หนำซ้ำปากยังถูกผ้าอุดปิดเอาไว้ มิน่าล่ะเมื่อก่อนถึงไม่มีใครรู้ว่าเหอปี้อวิ๋นทุบตีลูก ที่แท้ก็ทำแบบนี้นี่เอง
ในความทรงจำก็มีภาพแบบนี้เช่นกัน เด็กชายคนหนึ่งถูกอุดปากเอาไว้ แล้วผู้หญิงคนหนึ่งก็ใช้เข็มเล่มบางจิ้มเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เข็มเล่มบางจิ้มตามร่างกายไม่มีบาดแผล แต่กลับเจ็บจี๊ดจนถึงหัวใจ ทว่าเด็กชายคนนั้นไม่อาจส่งเสียงร้องออกมาได้
ในดวงตาเหยียนหมิงซุ่นฉายแววเย็นยะเยือกทันที ความโมโหเดือดดาลพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้ นี่คือแม่บังเกิดเกล้าอย่างนั้นหรือ?
เหอปี้อวิ๋นตีสุดแรงเกิด ตีพลางด่าทอไปด้วย “แกเก่งนักใช่มั้ย คนโง่ดักดานอย่างแกยังคิดจะกินเนื้อปลาส่วนท้องอีก กินแล้วสอบได้ร้อยคะแนนหรือเปล่า แถมยังจะอยากดื่มนมอีก ถุย! พวกหมูกินแล้วยังเอาเนื้อไปขายได้ แกกินแล้วทำอะไรได้บ้าง ยกให้ฟรีๆ คนอื่นยังไม่เอาเลย!”
ตอนเช้าเหอปี้อวิ๋นไปสั่งจองนมสดที่ร้านขายนม ค่านมสดครึ่งปีต้องเสียเงินไปตั้งสิบแปดหยวน จากนั้นก็ไปซื้อพัดลมที่ห้างสรรพสินค้า ธนบัตรสิบหยวนหมดไปสิบกว่าใบ เธอรู้สึกปวดใจจนกินข้าวไม่ลง เวลานี้ทั้งหมดทั้งมวลแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นและระบายลงที่อู่เหมย
อู่เจิ้งซือกินบะหมี่เสร็จเรียบร้อย เขาพอใจมากที่เหอปี้อวิ๋นไม่ส่งเสียงดัง จากนั้นล้างหน้าล้างตาและตั้งใจกลับเข้าห้องไปเตรียมแผนการสอน พรุ่งนี้หัวหน้าของกรมการศึกษาจะมาดูการเรียนการสอน เขาจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อปีนี้จะได้รับคัดเลือกเป็นครูตัวอย่างอีก
“ก๊อกๆๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น อู่เจิ้งซือหมุนตัวกลับไปเปิดประตู เขาประหลาดใจมาก นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเหยียนหมิงซุ่นที่มาบ้านเขาน้อยครั้งมาก
“หมิงซุ่นมีธุระอะไรเหรอ”
เหยียนหมิงซุ่นหายใจหอบเล็กน้อย แล้วพูดอย่างนอบน้อมว่า “สวัสดีครับอาจารย์อู่ ผมมาขอยืมหนังสือครับ หนังสือของคุณปู่ผมมีคนยืมไป ก็เลยอยากมาถามอาจารย์อู่ดูว่ามีหรือเปล่าน่ะครับ”
“หนังสืออะไรเหรอ” อู่เจิ้งซือดีใจมาก สิ่งที่เขาชอบเห็นมากที่สุดก็คือเด็กนักเรียนที่รู้จักใฝ่หาความรู้
“หนังสือเยวี่ยเวยเฉ่าถังปี่จี้ครับ” เหยียนหมิงซุ่นพูดโพล่งออกมาโดยไม่ทันคิด
“มีสิ เดี๋ยวครูไปหยิบมาให้ เธอเข้ามานั่งในบ้านก่อนสิ”
อู่เจิ้งซือเชิญเหยียนหมิงซุ่นเข้ามาในบ้านด้วยความกระตือรือร้น พร้อมทั้งจงใจพูดเสียงดัง ทำให้เหอปี้อวิ๋นที่กำลังตีอู่เหมยอย่างดุเดือดอยู่ในห้องหยุดลงทันที เธอถลึงตาใส่อู่เหมยที่ขดตัวอยู่บนพื้นและตวาดเสียงเบา “เดี๋ยวค่อยกลับมาจัดการแกต่อ!”
มีแขกมาเยือนบ้าน แน่นอนว่าเจ้าบ้านหญิงต้องออกมาต้อนรับ เหอปี้อวิ๋นส่องกระจกดูความเรียบร้อย แล้วเปิดประตูพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มและปิดประตูตามหลัง
“หมิงซุ่นมาเหรอ ทำไมเมื่อกี้ไม่เห็นเธออยู่ที่บ้านล่ะ”
เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองบานประตูที่ปิดลง แล้วยิ้มพลางตอบว่า “เมื่อกี้ผมไปวิ่งที่สนามครับ ไม่ได้อยู่บ้าน อาจารย์หญิงไปที่บ้านผมมาเหรอครับ”
เหอปี้อวิ๋นยิ้ม “เยวี่ยเยวี่ยกินปลาไม่ทันระวังก้างปลาติดคอ แล้วคุณย่าเธอก็ช่วยคีบออกมาให้”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร หลังจากเห็นเหอปี้อวิ๋นฟาดอู่เหมยอย่างแรงเมื่อครู่นี้ ความเคารพนับถือที่เขามีต่ออาจารย์หญิงท่านนี้ก็อันตรธานไปหมดสิ้น อีกทั้งไม่ค่อยอยากพูดคุยด้วยสักเท่าไร
อู่เจิ้งซือเดินถือหนังสือออกมา แล้วยื่นให้เหยียนหมิงซุ่น “เธอค่อยๆ อ่านก็ได้นะ ไม่ต้องรีบคืนหรอก”
“ขอบคุณครับอาจารย์อู่ แล้วเหมยเหมยไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ? ขอผมไปดูเธอหน่อยนะครับ” เหยียนหมิงซุ่นพูดพลางเดินเข้าไปข้างใน
เหอปี้อวิ๋นตกใจ เจ้าเด็กบ้ายังมีผ้าอุดปากอยู่เลย ถ้าเกิดเหยียนหมิงซุ่นเห็นเข้าจะทำอย่างไรดีล่ะ เธอจะเอาหน้าไปไว้ไหน!