ตอนที่ 65
ตอนที่ 65 เด็กโง่
“เยวี่ยเยวี่ยยังเจ็บอยู่มั้ย”
เหอปี้อวิ๋นปวดใจพลางประคองอู่เยวี่ย เมื่อกี้นี้คุณย่าหยางคีบก้างปลาที่มีเลือดติดออกมาจากคอของอู่เยวี่ย แต่สิ่งที่ทำให้เธอปวดใจที่สุดคือนังเด็กบ้านั่น ถ้าเจ้าเด็กนั่นไม่กินเนื้อปลาส่วนท้องไป เยวี่ยเยวี่ยจะทนทุกข์ทรมานอย่างนี้ได้อย่างไรกัน!
“เจ็บ พูดก็เจ็บ!”
อู่เยวี่ยออดอ้อนเสียงแหบแห้ง อันที่จริงพอคีบก้างปลาออกมาเธอก็ไม่เจ็บแล้ว แต่ถ้าไม่บอกแบบนี้จะยั่วโมโหแม่เธอได้อย่างไรกันเล่า
อู่เหมยเจ้าน้องโง่นับวันก็ยิ่งไม่ได้เรื่อง บังอาจมาแย่งเนื้อปลาส่วนท้องของเธอไปกินซะได้ เจ้าน้องโง่มีสิทธิ์อะไรมากินเนื้อปลาส่วนท้อง กินไปก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ
เหอปี้อวิ๋นมองดูใบหน้าซีดเผือดของอู่เยวี่ย ความโมโหก็พุ่งปรี๊ด แล้วก่นด่าว่า “คอยดูนะว่ากลับไปแล้วจะจัดการกับนังเด็กบ้าเหมยเหมยยังไง ชักเหิมเกริมใหญ่แล้ว ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าเยวี่ยเยวี่ยกินแต่เนื้อปลาส่วนท้อง แต่ก็จงใจกินส่วนท้องเสียหมด เจ้าเด็กบ้าเจตนาตั้งตัวเป็นศัตรูกับเรา กวนโอ๊ยจริงๆ!”
อู่เยวี่ยอมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย รู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องมากที่เหอปี้อวิ๋นเข้าข้างเธอเต็มที่ อู่เหมยเจ้าคนต่ำทรามพรรค์นี้ไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์มามีเรื่องกับเธอ
เหอปี้อวิ๋นยังคงด่าพึมพำ ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้อู่เหมยคอยต่อต้านไม่หยุดหย่อน เธอเองก็ข่มความโมโหไว้นานแล้ว ตอนนี้อู่เยวี่ยลูกสุดที่รักต้องทุกข์ทรมาน ในที่สุดความโมโหเดือดดาลของเธอก็ถึงจุดเดือดและปะทุออกมา
อู่เจิ้งซือที่มีสีหน้าเคร่งขรึมฟังจนเอือมระอา เขาตวาดเสียงทุ้ม “พูดน้อยๆ หน่อย กลัวว่าจะขายหน้าไม่พออีกเหรอไง?”
เมื่อวานลูกสาวคนเล็กได้รับบาดเจ็บ วันนี้ลูกสาวคนโตก้างปลาติดคอ ไม่รู้ว่าคนที่โรงเรียนจะหัวเราะเยาะเขาขนาดไหน บวกกับตอนเย็นได้กินข้าวไปไม่กี่คำ อู่เจิ้งซือหิวจนท้องร้องจ๊อกๆ อารมณ์บูดเป็นอย่างยิ่ง
เหอปี้อวิ๋นไม่ยอมและพูดเสียงดัง “คุณคะ เหมยเหมยนับวันก็ยิ่งดื้อ กับข้าวกับปลาเธอกินจนหมดเกลี้ยงเลย นี่ไม่เรียกว่าเจตนาแล้วเรียกว่าอะไร คราวนี้คุณอย่ามาห้ามฉัน ฉันจะต้องสั่งสอนเธอให้ได้”
อู่เจิ้งซือขมวดคิ้วมุ่นและลังเลอยู่นานกว่าจะพูดว่า “ตีสองสามทีก็พอแล้ว ที่สำคัญคือต้องพูดกันด้วยเหตุด้วยผล อย่าให้คนอื่นหัวเราะเยาะได้”
ลูกสาวคนเล็กค่อนข้างดื้อจริงๆ สองวันนี้ทำเอาบ้านโกลาหลวุ่นวายไปหมด ทำให้พวกช่างพูดที่โรงเรียนมีเรื่องตลกขำขันมาพูดกันเพิ่มเสียเปล่าๆ จะต้องให้ภรรยาอบรมสั่งสอนดีๆ ซะแล้ว
“ฉันรู้ค่ะว่าต้องทำยังไง คุณวางใจได้”
เหอปี้อวิ๋นดีใจมาก ในที่สุดสามีก็ยอมตกลง อีกเดี๋ยวเธอเอาผ้าอุดปากเจ้าเด็กบ้านั่น ดูสิว่าจะส่งเสียงร้องยังไง!
คนที่ดีใจยิ่งกว่าคืออู่เยวี่ย แค่คิดว่าอีกเดี๋ยวอู่เหมยต้องโดนแม่ฟาดไม่ยั้ง เธอก็ตื่นเต้นดีใจสุดๆ จะให้ดีต้องทำให้อู่เหมยเสียโฉมไปซะเลย!
ต้องเห็นหน้าตาสวยพราวเสน่ห์นั่นทั้งวัน ทำเอาอารมณ์เสีย แล้วก็ยิ่งไม่มีความอยากอาหาร
เหยียนหมิงซุ่นเดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ จ้องมองแผ่นหลังของสามคนพ่อแม่ลูกตระกูลอู่ พวกเขาดูเป็นครอบครัวที่รักใคร่ปรองดองกันมาก ยกเว้นเด็กหญิงคนนั้น
มิน่าล่ะเด็กคนนั้นถึงได้กินจนพุงกาง ฟาดอาหารของคนสามคนเสียหมดเกลี้ยง จะไม่ให้อิ่มตื้อได้อย่างไรกัน
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มเล็กน้อย ดูท่าอู่เหมยคงจะถูกกดดัน เพียงแต่สิ่งที่เธอทำออกจะโง่ไปหน่อย ตัวเองกินจนแน่นท้อง แล้วอีกเดี๋ยวยังต้องโดนตีอีก แบบนี้ไม่คุ้มกันเลย ช่างซื่อบื้อเสียจริงๆ!
เขาส่ายหัวและไม่คิดที่จะยุ่งเรื่องคนอื่น เหอปี้อวิ๋นคงไม่ถึงกับตีอู่เหมยจนตาย อย่างมากก็แค่ตีสองสามทีระบายโมโหเท่านั้น คงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
เหยียนหมิงซุ่นเดินไปได้สามสี่ก้าว ดวงตากลมโตดั่งกวางน้อยของอู่เหมยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เขาหมุนตัวกลับด้วยความหงุดหงิด แล้วเดินมาถึงต้นการบูรที่อยู่ข้างหลังอาคารบ้านพักครู เขาปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็เจอหน้าต่างบ้านตระกูลอู่พอดี
โชคดีที่หน้าต่างบ้านตระกูลอู่เปิดเอาไว้ แล้วก็ไม่ได้รูดม่านปิด ภายใต้แสงไฟสลัวเหยียนหมิงซุ่นเห็นเหอปี้อวิ๋นเดินพุ่งตรงเข้ามาในห้องอย่างโกรธเกรี้ยวและถือไม้ปัดขนไก่ไว้ในมือ เขาอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้