ตอนที่ 63
ตอนที่ 63 บวกลบเลขไม่เกินหลักสิบเป็นมั้ย
นี่เป็นครั้งแรกที่เหยียนหมิงซุ่นได้รับรู้ถึงเสน่ห์ของคนหัวไม่ดี หลังจากอธิบายไปแล้วสามรอบ อู่เหมยก็ยังคงงุนงงอยู่เหมือนเดิม แล้วมองเขาอย่างไร้เดียงสา
“เธอไม่เข้าใจตรงไหน” เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ยอมใจจริงๆ
“ฉัน... ฉันไม่เข้าใจทั้งหมดเลย”
อู่เหมยอับอายมาก เธอโง่เง่าเหลือเกินจริงๆ แต่ละคำที่เหยียนหมิงซุ่นพูดเธอฟังเข้าใจทุกคำ แต่พอนำมารวมกัน เธอกลับงุนงงราวกับฟังคัมภีร์สวรรค์
ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าอู่เหมยจะหัวขี้เลื่อยขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เขาอธิบายโจทย์เสียละเอียดยิบ พูดอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจล่ะ
“สอบเลขครั้งล่าสุดเธอได้คะแนนเท่าไร” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงอ่อนแรง
“แปด... แปดคะแนน!”
อู่เหมยหน้าแดงแจ๋ เธอไม่เคยรู้สึกอับอายเท่านี้มาก่อนเลย เธอเสียใจเล็กน้อยที่ขอให้เหยียนหมิงซุ่นสอนให้ เธอยอมกลับบ้านไปแล้วถูกเหอปี้อวิ๋นทุบตีดุด่าเสียยังจะดีกว่าตกนรกทั้งเป็นแบบนี้
เหยียนหมิงซุ่นเห็นเด็กสาวตรงหน้าก้มหน้าจนแทบจะแตะพื้น ก็อดหัวเราะไม่ได้ แปดคะแนน?
สอบได้คะแนนที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ อู่เหมยเป็นเด็กหัวไม่ดีที่พบเห็นได้ไม่บ่อยจริงๆ มิน่าล่ะอู่เจิ้งซือกับภรรยาถึงได้จงเกลียดจงชังลูกสาวคนเล็กนัก ในวงการการศึกษาคนในตระกูลอู่ขึ้นชื่อเรื่องเรียนเก่งเป็นอย่างมาก
“บวกลบเลขไม่เกินหลักสิบเป็นมั้ย”
เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าเขาควรลดมาตรฐานต่ำลงอีกหน่อย หนทางพันลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรก เขาลองถามความรู้พื้นฐานของเด็กหญิงคนนี้ดูก่อนจะดีกว่า
“ตูม!”
อู่เหมยราวกับโดนขีปนาวุธระเบิดใส่หัว เธอเงยหน้าจ้องด้วยสายตาถมึงทึงทันที ทำแก้มป่องพลางตะโกนว่า “ทำเป็น บวกลบเลขไม่เกินหลักร้อยก็ทำเป็น”
ชาติก่อนเธออายุมากกว่าเหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้เสียอีก นึกไม่ถึงว่าเขาจะสงสัยว่าเธอบวกลบเลขที่ง่ายที่สุดไม่เป็น สุดจะทานทนแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเธอไม่อยากจะทนอีกต่อไปแล้ว
“เก่งมาก บวกลบเลขไม่เกินหลักร้อยก็เป็นด้วย” เหยียนหมิงซุ่นพูดชมอย่างจริงใจ นี่เกินความคาดหมายของเขาจริงๆ เดิมทีเขายังคิดว่าจะต้องช่วยติวเลขป.1 ให้อู่เหมยด้วยซ้ำ
แต่อู่เหมยกลับคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่ ริมฝีปากฉีกยิ้มขนาดนั้น เขากำลังยิ้มเยาะเธออยู่ชัดๆ!
แน่นอนว่าคนโง่อย่างเธอไม่มีความมั่นใจในตัวเองจริงๆ สมควรแล้วที่ถูกเยาะเย้ย คนอื่นต่อให้เรียนแย่แค่ไหน แต่ก็ยังมีสักวิชาที่ตัวเองถนัด แต่เธอไม่ถนัดเลยสักวิชา ตั้งแต่ป.1 จนถึงป.5 เธอไม่เคยสอบได้เกินหกสิบคะแนนเลยสักครั้ง สถิติสูงสุดคือห้าสิบแปดคะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่เธอพอที่จะภาคภูมิใจไปชั่วชีวิต
เธอโง่อย่างนี้ ต่อไปจะเอาอะไรไปสู้กับอู่เยวี่ยล่ะ
แล้วเธอจะแก้แค้นได้อย่างไร
เมื่อนึกถึงความน้อยใจและความอัปยศอดสูของทั้งสองชาติ แล้วก็อนาคตที่เลือนราง อู่เหมยก็รู้สึกเคืองตา แล้วน้ำตาก็ไหลพราก
“ขอโทษค่ะ ฉันมันโง่เหลือเกิน ฉันไม่ดีเอง ขอโทษค่ะ”
อู่เหมยร้องไห้แบบไร้เสียง แล้วนั่งยองลงไปก้มหน้าซุกหัวเข่า ไหล่อันผอมแห้งสั่นเทิ้ม ดูน่าสงสารมาก เหยียนหมิงซุ่นตกใจและอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้
เขาไม่ได้พูดจารุนแรงสักหน่อย เธอร้องไห้ทำไมกัน
ขี้ขลาดตาขาวจริงๆ เลย!
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจะอธิบายให้ฟังอีกที”
อู่เหมยรู้สึกได้ถึงความจนใจในน้ำเสียงของเหยียนหมิงซุ่น อีกทั้งยังเจือแววหงุดหงิดเล็กน้อย เธอหยุดร้องไห้ ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาพัลวัน ตาเธอแดงก่ำ ปลายจมูกก็แดงเรื่อ ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ช่างน่าสงสาร
เหยียนหมิงซุ่นหลบเลี่ยงดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลอเบ้าของอู่เหมย เขารู้สึกหงุดหงิดมาก ดวงตาของเด็กหญิงคนนี้ช่างมีเสน่ห์ดึงดูดเหลือเกินจริงๆ อายุแค่สิบสองปีก็มีเสน่ห์ขนาดนี้ แล้วโตขึ้นจะขนาดไหน