ตอนที่ 62
ตอนที่ 62 ฟังไม่เข้าใจ
อู่เหมยเชื่อสนิทนึกว่าเป็นเรื่องจริง แล้วก้มลงสูดจมูกฟุดฟิด แต่ก็ไม่เห็นได้กลิ่นปลาอะไรเลย ทว่า เธอไม่ได้สงสัยในคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นแม้แต่น้อย แต่ไหนแต่ไรคนที่มีกลิ่นตัวก็ไม่เคยได้กลิ่นเหม็นของตัวเอง เธอเองก็คงไม่ได้กลิ่นปลาเช่นกัน
เหยียนหมิงซุ่นอดหัวเราะไม่ได้ เจ้าเด็กคนนี้หลอกง่ายเสียเหลือเกิน!
เขาสังเกตเห็นท้องของอู่เหมยป่องเล็กน้อย แล้วก็มองดูคิ้วที่ขมวดมุ่นของเธอ เขาอดถามไม่ได้ว่า “เมื่อตอนเย็นกินไปเท่าไร”
อู่เหมยไม่อยากตอบ แต่พอนึกถึงเกียรติประวัติอันน่าเกรงขามในวันข้างหน้าของเหยียนหมิงซุ่นแล้ว เธอก็ขาอ่อนยวบโดยไม่รู้ตัว หัวสมองก็มึนงงเล็กน้อย ส่วนปากก็ควบคุมไม่ได้
“ปลาหนึ่งตัว หมูเส้นผัดหน่อไม้น้ำหนึ่งจาน แล้วก็กินข้าวอีกสองชาม อืม ตักเต็มพูนชาม ฉันกินหมดเลย”
อู่เหมยยิ่งพูด ศีรษะก็ยิ่งก้มต่ำลง ใบหน้าแดงแจ๋ อายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี อายจนไม่กล้าพูดถึงแพนเค้กรากบัวสองชิ้นนั้นที่กินไปก่อนมื้อเย็น
เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดว่าอาหารพวกนี้เยอะแยะ ปกติเขาก็กินข้าวปริมาณเท่านี้ แต่เมื่อเหลือบมองรูปร่างเล็กผอมของอู่เหมย คิ้วของเขาก็ขมวดมุ่นยิ่งขึ้น ส่วนน้ำเสียงเจือแววตำหนิเล็กน้อย “ทำไมกินเยอะขนาดนี้ล่ะ”
อู่เหมยพูดเสียงเบาอย่างกับยุงบิน “ฉันหิว ก็เลยเผลอกินเยอะน่ะ”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร แล้วโพล่งถามออกมาว่า “หิวจริงๆ เหรอ”
อู่เหมยตัวสั่นเทา “หิวจริงๆ ค่ะ”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ถามอะไรต่อ แม้ลางสังหรณ์จะบอกเขาว่าการที่เด็กสาวคนนี้กินจนอิ่มตื้อนั้นมีสาเหตุที่ไม่ธรรมดาก็ตาม นิสัยเย็นชาของเขาทำให้เขาไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ความเป็นห่วงเป็นใยที่เขามีต่ออู่เหมยก็นับว่าเกินขีดจำกัดของเขาแล้ว
“รอฉันแป๊บนึง ยืนอยู่ตรงนี้ห้ามขยับ”
เหยียนหมิงซุ่นหมุนตัวเดินจากไป เขาเดินเร็วมาก ส่วนอู่เหมยก็ยืนอยู่กับที่อย่างว่านอนสอนง่าย ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย เมื่อเหยียนหมิงซุ่นกลับมา เธอก็ยังคงอยู่ในท่าเมื่อกี้นี้ เขาส่ายหัวอย่างจนปัญญา เด็กคนนี้ซื่อบื้อจริงๆ
“พอกลับไปบ้านก็กินยีสต์อัดเม็ดในห่อนี้นะ”
เหยียนหมิงซุ่นยื่นห่อกระดาษเล็กๆ ให้อู่เหมย ยีสต์อัดเม็ดช่วยเรื่องย่อยอาหาร ท้องเล็กๆ อย่างอู่เหมย ต่อให้เดินทั้งคืนก็ย่อยไม่หมด จะต้องกินยีสต์อัดเม็ดช่วย
“ขอบคุณค่ะ พี่หมิงซุ่น” อู่เหมยรับยีสต์อัดเม็ดมาด้วยความซาบซึ้งใจ
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมุมปากและพูดว่า “รีบกลับบ้านเถอะ ต่อไปก็อย่ากินจนอิ่มตื้อละ”
อู่เหมยหน้าแดงอีกรอบ คราวนี้ช่างน่าขายหน้าจริงๆ พอนึกขึ้นได้ว่ากลับไปแล้วยังต้องทำโจทย์เลขน่ารำคาญนั่นอีก อู่เหมยก็รู้สึกปวดหัว เท้าก็หนักอึ้งขึ้นมา เธอขอเดินรอบสนามหนึ่งร้อยรอบยังจะดีซะกว่าทำโจทย์เลขน่าเบื่อพวกนั้น
เมื่อมองห่อกระดาษที่พับเป็นทรงสามเหลี่ยมในมือ อู่เหมยก็ตาเป็นประกายทันที นักเรียนหัวกะทิยืนอยู่ตรงหน้า เธอยังจะต้องเค้นสมองไปใยเล่า
“พี่หมิงซุ่น ฉันขอถามโจทย์เลขข้อนึงได้มั้ยคะ” อู่เหมยถามด้วยท่าทีกังวล
เหยียนหมิงซุ่นมีสีหน้าประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนมาถามการบ้านเขา เมื่อเห็นแววตาตื่นตกใจราวกับกวางน้อยของอู่เหมย ใจที่แข็งกร้าวของเหยียนหมิงซุ่นก็อ่อนยวบลงเล็กน้อย
“ได้”
อู่เหมยยิ้มหวาน แล้วบอกโจทย์สระว่ายน้ำที่ชวนปวดหัวให้เขาฟัง เธอมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างมีความหวัง เขาน่าจะทำข้อนี้ได้ละมั้ง
เหยียนหมิงซุ่นหยิบกิ่งไม้อันหนึ่งจากพื้น แล้วเขียนสูตรเลขสองสามสูตรลงบนพื้น และแม้กระทั่งเขียนคำตอบด้วย เขาชี้ให้อู่เหมยดู “ทำแบบนี้”
อู่เหมยเบิกตาโตจ้องมองสูตรเลขอยู่พักใหญ่ ราวกับอ่านคัมภีร์สวรรค์ก็ไม่ปาน เธอมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความงุนงงและถามว่า “พี่หมิงซุ่น นี่หมายความว่าอะไร”
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว เขาพยายามทำให้ง่ายที่สุดแล้ว มองแค่ปราดเดียวก็เข้าใจ ทำไมยังไม่เข้าใจอีกล่ะ
“นี่คือปริมาณความจุของสระว่ายน้ำ นี่คือปริมาณน้ำไหลเข้าหนึ่งชั่วโมง นี่คือปริมาณระบายน้ำออกหนึ่งชั่วโมง นำปริมาณน้ำไหลเข้าลบกับปริมาณระบายน้ำออก จากนั้นก็หารด้วยปริมาณความจุของสระว่ายน้ำ ก็จะได้เวลาที่ต้องใช้ในการเติมน้ำให้เต็มสระ เข้าใจแล้วหรือยัง” เหยียนหมิงซุ่นพยายามอธิบายอย่างละเอียด แต่อู่เหมยก็ยังคงไม่เข้าใจ เธอเวียนหัวตาลาย ส่ายหัวด้วยความงุนงง
“ไม่เข้าใจ”
เหยียนหมิงซุ่น “...”