ตอนที่ 54
ตอนที่ 54 ตกหลุมพราง
อู่เหมยวิ่งจนหอบแฮ่กและรู้สึกเจ็บไปทั้งคอหอยถึงยอมหยุด ค่อยๆ เดินไปทั้งที่ขนมแพนเค้กรากบัวยังอุ่นร้อน อู่เหมยกัดสองสามคำให้หมดชิ้นถึงรู้สึกสบายท้อง
พอนึกถึงเงินสิบสตางค์ที่หายไปอู่เหมยก็แทบปวดไปทั้งรากฟัน ทั้งที่เมื่อเช้าตอนสวมเสื้อผ้าในกระเป๋ายังมีเงินยี่สิบสตางค์อยู่เลย เงินไม่มีขาสักหน่อย จะบินหายไปเองก็ไม่ได้ และไม่มีทางตกหล่นจากกระเป๋าเองเพราะเหอปี้อวิ๋นมักเย็บกระเป๋าเสื้อไว้ลึกมาก ต่อให้กระโดดโลดเต้นขนาดไหนก็ไม่หวั่น
อู่เหมยมุ่นคิ้วชนกันแน่น คิดไม่ออกสักทีว่าเงินสิบสตางค์นี้หายไปได้อย่างไร สิ่งสำคัญคือตอนนี้เธอติดหนี้เหมยซูหานไว้ห้าสตางค์และจะต้องคืนเงินนี้ให้ได้
ไม่ต้องคิดเลยว่าจะไปขอเหอปี้อวิ๋น เธอไม่อยากรนหาที่ถูกตีเสียเปล่าๆ ดูท่าคงต้องขอจากอู่เจิ้งซือเท่านั้น เหลือบดูกระเป๋าโล่งเปล่าแวบหนึ่งอู่เหมยก็กัดฟันกรอด ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะหาเงินค่าขนมให้ตัวเองมากกว่านี้ บนตัวไม่มีเงินมันช่างไม่อุ่นใจเลยสักนิด
เพิ่งเดินเข้าประตูใหญ่ของโรงเรียนอี้จงอู่เหมยก็ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวก ไม่ต้องดูก็รู้ทันทีว่าเหยียนหมิงซุ่นกำลังเล่นบาสเกตบอลอีกแล้วแน่ๆ อู่เหมยดูท้องฟ้าทีหนึ่งถึงตัดสินใจเดินไปทางสนามบาสเกตบอล หาตำแหน่งว่างบนอัฒจันทร์ที่อยู่สูงหน่อยแล้วจึงนั่งลง
เพิ่งนั่งลงก็ได้จังหวะที่เหยียนหมิงซุ่นกระโดดโยนลูกบาสเกตบอลเข้าห่วงพอดิบพอดีแล้วยังนอนคว่ำกับพื้นอยู่หลายวินาทีจนเหล่าหญิงสาวข้างๆ กรีดร้องด้วยความตื่นเต้นดังกระหึ่ม อู่เหมยอุดหูเหม่อลอย ไม่เข้าใจถึงความบ้าระห่ำของเด็กสาวพวกนี้จริงๆ
หากไม่ใช่เพราะอู่เจิ้งซือยังไม่กลับบ้าน เธอไม่คิดจะอยากมานั่งรับมลภาวะทางเสียงแบบนี้หรอก!
เหยียนหมิงซุ่นกระโดดลงหลังจากโยนลูกบาสเข้าห่วงก็เห็นยายหนูบนที่นั่งอัฒจันทร์พอดี ท่วงท่าสองมือเท้าคางอย่างน่าเบื่อ ไม่รู้ว่าเธอกำลังมองไปทางไหนที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ใช่เขา เรียกให้เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกไม่สบอารมณ์หน่อยๆ
ไม่ดูเขาเล่นบาสเกตบอลแล้วจะวิ่งมาที่สนามบาสทำไม?
ภาพทิวทัศน์อย่างอื่นดูดีกว่าเขาเล่นบาสหรือ?
ในสนามบาสความจริงเหยียนหมิงซุ่นค่อนข้างหลงตัวเอง ไม่สิ น่าจะพูดว่าเดิมทีเหยียนหมิงซุ่นก็หลงตัวเองมากพอแล้ว หากใช้คำพูดปัจจุบันมาอธิบายก็คือภายใต้ภาพลักษณ์ที่เย็นชานั่นมีหัวใจดวงหนึ่งที่ ‘ร้อนรุ่ม’
เหยียนหมิงซุ่นอดมองไปทางอู่เหมยอีกครั้งไม่ได้ สองตานั่นกำลังทอดมองตรงหน้าอย่างล่องลอยโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น หลายคนเริ่มถูกดึงดูดความสนใจให้มองไปทางอู่เหมยอย่างพร้อมเพรียง
อู่เหมยกลับเหม่อลอย เธอกำลังพยายามคิดโจทย์ที่ปล่อยน้ำเติมน้ำนั่นให้ได้ ปากงึมงำไม่หยุด สมองทื่อ ไม่ว่ายังไงก็คิดโจทย์นี้ไม่ได้สักที ยิ่งคิดยิ่งสับสน
“ระวัง!”
เกิดเสียงแทรกเข้ามาโดยที่ทุกคนต่างก็มองอาวุธลูกนั้น ลูกบาสเกตบอลที่กำลังพุ่งไปหาอู่เหมยอย่างรวดเร็วด้วยความแตกตื่นกันหมด
เหยียนหมิงซุ่นเห็นอู่เหมยยังเหม่ออยู่ลอบสบถในใจ ขายาวกระโดดข้ามอัฒจันทร์เหมือนจิงโจ้ วิ่งเข้าหาอู่เหมยแล้วตะโกนเสียงดัง “หมอบลง!”
อู่เหมยรู้สึกได้ถึงรอบข้างที่ตกอยู่ในความเงียบถึงขั้นได้ยินเสียงหายใจ อดมองไปทางสนามบาสไม่ได้พอดีกับเสียงตะโกนของเหยียนหมิงซุ่นทั้งยังเห็นเขาวิ่งเข้ามาหาอย่างร้อนใจ ท่าทางน่าตลกดีให้หลุดเสียงขำออกมาไม่ได้
เหยียนหมิงซุ่นโกรธแทบตาย สมแล้วที่โง่ ลูกบาสลูกใหญ่ขนาดนั้นไม่เห็นได้อย่างไร?
รออู่เหมยจับสังเกตถึงความผิดปกติลูกบาสก็พุ่งมาถึงตรงหน้าเรียบร้อย เธอไม่ทันป้องตัวด้วยซ้ำลูกบาสก็กระแทกลงกลางหน้าผากเธอทันที
‘พลั่ก’
ผู้คนหลับตาลงอย่างนึกสงสาร ลูกบาสลูกใหญ่กระแทกลงไปขนาดนั้น ไม่ทำเอาหัวของยายหนูคนนี้เละเป็นโจ๊กเลยหรือ!
อู่เหมยล้มตัวหงายหลังโดยไม่ทันหลุดเสียงอุทานด้วยซ้ำ พอดีกับเหยียนหมิงซุ่นที่มาถึงเขาขมวดคิ้วอย่างนึกโกรธเพราะยังช้าไปก้าวหนึ่ง คราวหลังต้องเพิ่มเวลาวิ่งตอนเช้าอีกครึ่งชั่วโมง