ตอนที่ 52
ตอนที่ 52 เงินห้าสตางค์
ขนมแพนเค้กส่งกลิ่นหอมเข้าจมูกเรียกให้ท้องของอู่เหมยส่งเสียงร้องดังกว่าเดิม น้ำลายในปากบ่งบอกว่ามันช่างน่ากิน เธอจะอดใจต่ออย่างไรไหวรีบพุ่งตัวไปที่ร้านทันที
“คุณป้าคะ ขอขนมแพนเค้กรากบัวสองชิ้นค่ะ”
คุณป้าทอดแพนเค้กรูปร่างอวบ ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลาแต่หน้าตากลับดูใจดี เธอได้ยินเสียงหวานใสของสาวน้อยแล้วเห็นอู่เหมยหน้าตาน่ารักขนาดนี้ก็ยิ้มใจดีกว่าเดิม
“ถือไว้นะระวังร้อน สองชิ้นสิบห้าสตางค์จ้า”
คุณป้าใช้หนังสือพิมพ์ฉบับเก่าที่ฉีกเตรียมไว้ห่อขนมแพนเค้กให้อู่เหมย น้ำมันซึมเปื้อนหนังสือพิมพ์ไปหมดยิ่งขับให้ตัวอักษรบนนั้นชัดเจนกว่าเดิม อู่เหมยกัดคำโตอย่างอดใจไม่ไหวดึงเส้นรากบัวออกมาหลายเส้น พอลมพัดมาเส้นรากบัวเกาะติดบนจมูกให้ความรู้สึกจั๊กจี้ อู่เหมยอดหัวเราะร่าไม่ได้
“อร่อยจังเลย นี่เงินค่ะคุณป้า”
อู่เหมยล้วงเงินจากกระเป๋าตาหยี เธอจำได้ว่าตัวเองมีเงินยี่สิบสตางค์แต่พอล้วงเข้ากระเป๋าปุ๊บ รอยยิ้มของเธอก็ชะงักกึก ทำไมเหลือแค่ใบเดียวล่ะ?
รีบพลิกกระเป๋าบนตัวทั้งหมดอย่างไม่ยอมแพ้ก็ยังเหลือแค่สิบสตางค์ บนธนบัตรมีรูปชายและหญิงเรียงเป็นหน้ากระดานยิ้มมองไปไกล ข้างๆ เขียนไว้ว่า ‘หนึ่งสตางค์’ แต่ไม่ใช่ ‘สองสตางค์’
“คุณป้า หนู...หนูคืนให้ชิ้นหนึ่งดีกว่า...”
อู่เหมยมองขนมแพนเค้กสองชิ้นที่ตัวเองกัดเข้าคำโตก็ไม่มีหน้าที่จะพูดให้จบประโยค รีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอายไม่กล้ามองคุณป้า ทำไมเธอไม่สำรวจเงินในกระเป๋าให้ดีก่อนล่ะ?
ทีนี้ได้อับอายขายหน้าแล้ว!
“ไม่เป็นไร เอาไปกินเถอะ ไม่ต้องให้เงินแล้ว” คุณป้าใจดีพูดสั้นๆ พลางยิ้มมองอู่เหมยตาหยี แค่แวบเดียวเธอก็รู้ได้ทันทีว่าอู่เหมยไม่ใช่เด็กหน้าไม่อายที่ตั้งใจจะกินของฟรี
“หนูมีเงินสิบสตางค์ให้คุณป้าก่อน ติดคุณป้าไว้อีกห้าสตางค์ พรุ่งนี้หนูเอามาให้คุณป้าแน่ๆ ค่ะ”
อู่เหมยหยิบเงินสิบสตางค์ใส่กล่องเงินแล้วให้คำมั่นอย่างจริงจัง คุณป้าทำงานหาเงินอย่างยากลำบาก เธอจะติดค้างเงินห้าสตางค์ไม่ได้
คุณป้าเห็นชุดตัวเก่าที่ไม่เข้ากับขนาดตัวบนตัวอู่เหมยเลยยิ้มกล่าว “เงินห้าสตางค์นั่นไม่ต้องให้แล้ว พอแล้วล่ะ”
“คุณป้าสวี่ เกิดอะไรขึ้น?”
เหมยซูหานเดินมาพร้อมจักรยานคันเก่า ในตะกร้ารถข้างหน้ามีกระเป๋าเรียนที่ถูกซักจนขาวซีดและรอยเย็บหลายจุด แต่กลับดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนผู้เป็นเจ้าของที่มักมีรอยยิ้มสดใสอยู่ตลอดเวลา
อู่เหมยรีบก้มหน้าลง ทำไมเหมยซูหานถึงมาอยู่ถนนซอยนี้ได้ บ้านของเขาควรกลับอีกทางไม่ใช่หรือ หรือว่าเธอจำผิด?
“เหมยเหมย ทำไมยังไม่กลับบ้านล่ะ? เยวี่ยเยวี่ยล่ะ? เธอไม่กลับด้วยกันเหรอ?”
เหมยซูหานดีใจเมื่อเจออู่เหมยเลยพ่นคำถามออกมายาวเป็นพรวน คุณป้าสวี่เห็นเหมยซูหานรู้จักเด็กสาวถึงได้บอกเรื่องเงินห้าสตางค์นั่นไปอย่างยิ้มๆ ก่อนจะให้เหมยซูหานเร่งเร้าให้อู่เหมยรีบกลับบ้าน
“ผมจ่ายเงินห้าสตางค์นี้แทนเหมยเหมยเอง คุณป้าสวี่รับเงินไว้นะครับ”
เหมยซูหานไม่พูดพร่ำทำเพลงล้วงธนบัตรห้าสตางค์จากกระเป๋าออกมาใส่ในกล่องเงิน คุณป้าสวี่และอู่เหมยตะโกนออกมาพร้อมกัน “ไม่ต้อง”
“พี่...ซูหาน ขอบคุณมาก แต่ฉันเอาเงินห้าสตางค์ของพี่ไม่ได้”
อู่เหมยเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ซูหานอย่างยากลำบากเพราะรู้สึกติดอยู่ตรงปาก แม้เธอไม่เกลียดเหมยซูหานแต่แค่คิดว่าเขากับอู่เยวี่ยรวมหัวกันหลอกเธอมานับสิบปีก็ปวดใจเหมือนโดนทิ่มแทง ยิ่งไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเหมยซูหาน ไม่อยากเลยแม้แต่สักนิดเดียว
ที่สำคัญเธอรู้ดีว่าฐานะการเงินของเหมยซูหานแย่แค่ไหน เงินห้าสตางค์นี้อาจเป็นค่ากับข้าวทั้งวันของเขาเลยก็ได้ เธอยิ่งรับไว้ไม่ได้