ตอนที่ 51
ตอนที่ 51 แพนเค้กรากบัว
กริ่งเลิกเรียนดังขึ้นอู่เหมยก็พรูลมหายใจยาว เก็บหนังสือและกล่องดินสอใส่กระเป๋า การบ้านวิชาภาษาและภาษาอังกฤษทำเสร็จแล้วเหลือแค่โจทย์คณิตศาสตร์ไม่กี่ข้อ เหลือไว้กลับไปถามอู่เจิ้งซือที่บ้านแล้วกัน ต่อให้เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับคุณพ่อจอมเสแสร้งก็ตามที
เทียบกับอู่เยวี่ยและเหอปี้อวิ๋นแล้ว เธอยอมมีปฏิสัมพันธ์กับอู่เจิ้งซือมากกว่า ถือว่าฝึกฝนทักษะการแสดงของตัวเองไปก็แล้วกัน!
“เหมยเหมยรอฉันด้วย ฉันกลับด้วย”
เจินหวานหว่านช้ากว่าหน่อย เห็นอู่เหมยที่เดินออกจากห้องเรียนก็เริ่มร้อนใจ เธอมีหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ถามเลย ทำไมวันนี้ยายขี้เหร่นี่ถึงกลับไว?
เมื่อก่อนมักจะรอกลับคนสุดท้ายตลอดเลยไม่ใช่หรือไง?
อู่เหมยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแถมยังเร่งฝีเท้า เจินหวานหว่านคิดอยากสืบหาข้อมูลข่าวสารจากเธอแน่ๆ เธอรู้ใบหน้าที่แท้จริงของเจินหวานหว่านแล้ว จะตกหลุมพรางได้อย่างไรอีก?
เจินหวานหว่านสะพายกระเป๋าวิ่งตามมาแต่ไม่เห็นเงาอู่เหมยด้วยซ้ำ กระทืบเท้าอย่างขุ่นเคือง ดูเหมือนวันนี้จะได้เงินแค่สองสตางค์แล้ว เดิมทีอยากถามมากกว่านี้แล้วขอเงินอู่เยวี่ยสักห้าสตางค์เสียอีก เปิดเทอมอะไรก็ต้องซื้อ เธอกำลังต้องการเงิน!
อู่เชาเองก็รีบวิ่งออกมาพอไม่เห็นอู่เหมยก็รีบถามเจินหวานหว่าน “อู่เหมยล่ะ?”
“ไปก่อนแล้ว”
เจินหวานหว่านตอบคำหนึ่งก็กลับไปก่อน เธอต้องไปรออู่เยวี่ยที่หน้าประตู หมึกปากาใกล้หมดแล้ว เงินสองสตางค์ซื้อหมึกปากกาน้ำเงินได้ขวดหนึ่งพอดี พอใช้สำหรับหนึ่งเทอมแล้ว
อู่เหมยย่อมไม่มีทางไปรออู่เยวี่ยโง่ๆ เหมือนเดิมอีกต่อไป เธอแบกกระเป๋าสีเขียวทหารเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่ใช่ทิศทางกลับบ้าน เธอไม่รู้ว่าจะไปไหน แค่เดินไปตามความรู้สึก
เมืองจินในตอนนี้ยังเป็นเพียงถนนตึกรามบ้านช่องตามยุคสมัยเก่า ความทรงจำอู่เหมยเลือนรางเต็มทีอย่างที่ควรจะเป็นเพราะผ่านมาตั้งชาติหนึ่ง บนถนนมีร้านขนมข้างทางมากมาย เสียงทอดน้ำมันดังเซ็งแซ่รวมถึงเสียงเรียกลูกค้าที่ฟังดูเป็นมิตร อู่เหมยอดยิ้มไม่ได้ อารมณ์ดีขึ้นไปตามๆ กัน
‘โครก’
อู่เหมยลูบท้องไปมา อาหารกลางวันเป็นซาลาเปาไส้ผักเค็มที่พกมาจากบ้าน เพราะที่ทำงานของเหอปี้อวิ๋นอยู่ไกลจากใจกลางเมืองเมืองจินพอสมควร กลางวันเลยไม่กลับมา คนที่เทน้ำมันไม่เป็นอย่างอู่เจิ้งซือยิ่งไม่มีทางทำอาหารได้ ฉะนั้นอู่เหมยกับอู่เยวี่ยต้องพกอาหารกลางวันมาเอง
แน่นอนว่าอาหารกลางวันของอู่เยวี่ยต้องถูกตระเตรียมอย่างดีจากเหอปี้อวิ๋น กลางคืนทำอาหารรวมถึงกับข้าวมากหน่อยเพื่อเหลือเก็บไว้ในกล่องเก็บอุณหภูมิ หากมีเวลาเหลือก็ทอดไข่ดาวสักสองฟอง ตอนนี้ดูไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรแต่กลับเป็นอาหารรสเลิศในยุคนั้นเชียว
อู่เหมยไม่มีทางได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นนี้อยู่แล้ว แปดในสิบวันคือซาลาเปาผักเค็มสองลูก อีกสองวันอาจจะไม่มีแม้แต่ซาลาเปาไส้ผักเค็มด้วยซ้ำ เหอปี้อวิ๋นให้เงินเธอแค่สตางค์เดียวให้เธอซื้อหมั่นโถวสองลูกไว้รองท้องระหว่างที่ไปโรงเรียน
ปกติอู่เหมยไม่ใช้เงินสตางค์เดียวนี้กลับเก็บออมไว้เป็นเงินค่าขนมเพราะน้อยครั้งที่เหอปี้อวิ๋นจะให้เงินค่าขนมเธอ บางครั้งก็ให้น้อยกว่าสตางค์เดียว ไม่เหมือนอู่เยวี่ยที่เงินไม่เคยขาดมือ เหอปี้อวิ๋นใจกว้างสำหรับลูกสาวคนโตเสมอรวมถึงคุณย่าอู่ก็มักให้เงินค่าขนมอู่เยวี่ยบ่อยๆ
ทางเข้าประตูโรงอาหารมีคุณป้าคนหนึ่งกำลังทอดขนมแพนเค้กรากบัวที่ถูกสับเป็นเส้นใยบางๆ คลุกเคล้ากับแป้งเป็นแผ่นๆ เติมเครื่องปิรุงน้อยๆ ก่อนใช้ช้อนลึกตักใส่กระทะเพื่อทอด เสียงน้ำมันดังสนั่นรอขนมแพนเค้กกลายเป็นสีเหลืองอร่ามถึงใช้ช้อนตักออกมาให้สะเด็ดน้ำมันก็ทานได้แล้ว
ขนมทานเล่นแบบนี้มีขนาดเท่าขวดน้ำทั่วไปที่มีทรงคล้ายโคมไฟดวงเล็กหรือในอดีตที่เรียกกันว่าโคมไฟกระดาษน้ำมัน รสชาติหอมกรุ่นขณะทาน แม้วันเวลาผ่านไปหลายสิบปีก็ยังเป็นที่นิยมชมชอบของหมู่วัยรุ่น อู่เหมยชอบทานอย่างมากเพียงแต่ภายหลังน้อยคนที่สามารถทำขนมแพนเค้กดั้งเดิมเช่นนี้ออกมาได้ เพราะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป