ตอนที่ 40
ตอนที่ 40 ลำเอียงเกินไป
อู่เหมยเลื่อนสายตาจากจี้เจี้ยนโปไปยังอู่เยวี่ยก่อนหันไปมองอู่เจิ้งหง กล่าวเรียบนิ่ง “ไม่เห็นคุณอาเขยค่ะ คนนั้นอ้วนกว่าคุณอาเขย ไม่หล่อเท่าคุณอาเขย”
จี้เจี้ยนโปลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกขอบคุณอู่เหมยสุดหัวใจเพราะเขารู้ว่าวันนั้นอู่เหมยต้องจำเขาได้แน่ๆ ไม่รู้ว่าเหตุใดหลานสาวคนนี้ถึงเลือกปกปิด แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาก็รู้สึกขอบคุณอู่เหมยอยู่ดี
“ไม่ใช่คุณอาเขยจริงๆ เหรอ? จำไม่ผิดนะ?” อู่เจิ้งหงทำท่าไม่เชื่อ
ผู้หญิงมักมีความย้อนแย้งเช่นนี้เสมอ หวังว่าคนรักจะซื่อสัตย์ต่อตัวเองไม่เปลี่ยนแต่ก็ไม่อยากให้คนรักหลุดพ้นข้อสงสัยได้เร็วขนาดนั้น หากเกิดเรื่องเธอจะกังวลใจ ไม่มีเรื่องอะไรเธอก็สงสัยไปทั่ว
อู่เหมยพยักหน้าอีกครั้ง “ไม่ใช่ค่ะ ผู้ชายคนนั้นตัวโตหุ่นหมี คุณอาเขยเอวคอด!”
“อุ๊บ!”
อู่เจิ้งหงชิงหัวเราะก่อน ความสงสัยในใจหายไปทั้งหมด จี้เจี้ยนโปรักษาหุ่นอย่างดีเสมอมา อายุสามสิบสี่สิบแล้วกลับไม่ขยายออกข้างเลยสักนิด ยังคงหล่อเหลาหุ่นดีเช่นเดิม คนๆ นั้นต้องไม่ใช่คนรักของเธอแน่ๆ เจ้าอู่เยวี่ยช่างแส่หาเรื่องจริงๆ น่ารำคาญเหมือนแม่เธอไม่มีผิด
“เอวคอด? คำๆ นี้จะใช้อธิบายคุณอาเขยได้ยังไง? มิน่าถึงสอบได้คะแนนภาษาแค่สี่สิบคะแนน พี่สอง พี่สะใภ้ อย่ามัวแต่สนใจเยวี่ยเยวี่ย หันมาใส่ใจเหมยเหมยบ้างสิ!” อู่เจิ้งหงพูดกลั้วหัวเราะหยอกเย้า
เหอปี้อวิ๋นโต้กลับอย่างหน่ายใจ “พยุงยังไงก็ไม่ขึ้น ต่อให้ฉันล้วงหัวใจออกมาประเคนก็เปล่าประโยชน์”
แม้อู่เจิ้งหงไม่ค่อยชอบอู่เหมยแต่เธอไม่ชอบสองแม่ลูกเหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ยมากกว่าเลยพูดด้วยน้ำเสียงประชด“พี่สะใภ้จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ เหมยเหมยเป็นหลานสาวของตระกูลอู่เรา ดีเอ็นเอเด่นหราอยู่อย่างนี้ ฉันว่าพี่สะใภ้ไม่ใส่ใจมากกว่ามั้ง? ดูเยวี่ยเยวี่ยสิทั้งสูงทั้งแข็งแรง เหมยเหมยกลับตัวเล็กเหมือนต้นถั่วงอก ดูแล้วน่าสงสารออก พี่สะใภ้น่ะนะ ลำเอียงยิ่งกว่าใครนะเนี่ย!”
ขอแค่ได้มีโอกาสพูดค่อนขอดเหอปี้อวิ๋น อู่เจิ้งหงไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ และพูดค่อนขอดไปอย่างไม่เกรงใจ จนเหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ยฝืนยิ้มจนน่าเกลียด
จี้เจี้ยนโปกลืนถั่วลิสงในปากลงท้อง มองอู่เหมยตัวผอมซูบข้างๆ แวบหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่เขาพูดเสริมภรรยา “เจิ้งหงพูดถูก ผมว่าเหมยเหมยฉลาดออกนะ น่าจะเรียนไม่ถูกวิธีมากกว่า ขอแค่หาวิธีเรียนได้ถูกต้อง มีดีเอ็นเอของตระกูลอู่อยู่ จะสอบได้คะแนนแย่ได้ยังไง!”
ตี๋ชิวเยวี่ยกล่าวเสริม “เจี้ยนโปพูดถูก ไม่ว่ายังไงเหมยเหมยก็เป็นหลานสาวของตระกูลอู่เรา หน้าตาน่ารักด้วย จะเรียนแย่ได้ยังไง? คุณเฉินเฮ่อฉินเองก็เคยบอกไว้ว่าไม่มีนักเรียนคนไหนที่สอนไมได้ มีแค่คุณครูที่สอนไม่เป็น ถึงประโยคนี้จะไม่ถูกหมดแต่สำหรับคนเป็นครูอย่างเรา ถือเป็นคำสอนได้ดี”
เหอปี้อวิ๋นนึกเกลียดชังคนยุ่งไม่เข้าเรื่องพวกนี้ พูดอะไรได้น่าขำเหลือเกิน ไม่มีนักเรียนคนไหนที่สอนไม่ได้?
นั่นเพราะยังไม่เคยเจอกองมูลอย่างอู่เหมยน่ะสิ!
ท่านผู้เฒ่าได้ยินดังกล่าวพลางเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย พูดกับอู่เจิ้งซือว่า “เจี้ยนโปกับชิวเยวี่ยพูดมีเหตุผล แกกับปี้อวิ๋นต้องกลับไปคิดดีๆ ลองหาสาเหตุที่เหมยเหมยเรียนไม่ได้ วันๆ สอบได้แต่คะแนนอย่างนั้นมา ฉันกับแม่แกแทบไม่มีหน้าไปเจอเพื่อนเก่าแล้ว!”
“ผมผิดเองที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องขายหน้า”
อู่เจิ้งซือทำหน้ารู้สึกผิด มีลูกสาวที่ผลการเรียนแย่ สร้างความอับอายให้กับตระกูล!
“พอแล้วพอแล้ว วันเทศกาลมัวแต่พูดเรื่องแย่ๆ ทำไม? ทานข้าวๆ กับข้าวเย็นหมดแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยปากในที่สุด
ทุกคนถึงเริ่มชนแก้วพูดคุยแลกเปลี่ยนอย่างออกรส บรรยากาศในห้องนั่งเล่นรักใคร่กลมเกลียวราวกับภาพที่ชักดาบใส่กันเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา ไม่มีใครสนใจอู่เหมยอีก เธอกระตุกยิ้มเยาะเย้ยตัวเองก่อนกลับไปนั่งตำแหน่งเดิม
อู่เยวี่ยมองอู่เหมยอย่างไม่พอใจ เจ้าโง่นี่ทำตัวผิดปกติอีกแล้ว ใครกันแน่เป็นผู้ยุยงเธออยู่เบื้องหลัง?
อู่เหมยแกะก้ามปูช้าๆ ใช้ฟันหน้าแทะกระดองปูให้แตกแล้วแกะมันทีละนิดๆ เผยให้เห็นเนื้อปูขาวนุ่มข้างใน จิ้มซอสที่เตรียมไว้เล็กน้อยส่งเข้าปากกระจับเหมือนลูกเชอร์รี ท่วงท่าสง่าดั่งภาพวาด
มือและหน้ายังสะอาดหมดจดเหมือนเดิมเมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่กินมูมมามให้เลอะมือเลอะปาก อู่เชากับอู่เหมยเป็นเพื่อนร่วมห้องเลยค่อนข้างสนิทกันมากกว่าคนอื่น อดถามไม่ได้ “อู่เหมย ไม่ใช่ว่ามีปีศาจสิงร่างเธอหรอกนะ?”