ตอนที่ 20
ตอนที่ 20 อ้อนขอกระโปรงตัวใหม่
อู่เจิ้งซือได้ยินที่ลูกสาวคนเล็กกล่าวก็อดประเมินเสื้อผ้าบนตัวอู่เหมยไม่ได้ ทั้งกว้างทั้งตัวใหญ่ในสภาพไม่ใหม่ไม่เก่า ใส่แล้วไม่เข้ากับขนาดตัวเลยสักนิด เมื่อก่อนเขาไม่สนใจเรื่องในบ้านสักเท่าไรแต่วันนี้เกิดเรื่องต่อหน้าเขาแล้ว คิดจะไม่สนใจคงเป็นไปไม่ได้
เขาย้อนนึกดีๆ คล้ายว่าลูกสาวคนเล็กมักมีภาพลักษณ์ไม่เป็นระเบียบเช่นนี้เสมอ ไม่เคยได้ใส่เสื้อผ้าตัวใหม่จริงๆ ด้วย กลับเป็นลูกสาวคนโตที่ได้ใส่เสื้อผ้าตัวใหม่อยู่บ่อยครั้ง แต่งตัวดูดีแค่เห็นก็สบายตาสบายใจ
ถึงจะไม่ชอบลูกสาวคนเล็กแต่การปฏิบัติที่มีความแตกต่างโจ่งแจ้งของเหอปี้อวิ๋นเรียกความไม่พอใจจากอู่เจิ้งซืออย่างมาก เขาเป็นคุณครูชั้นยอดของเมืองจิน เงินเดือนมาตรฐานคือแปดสิบหกหยวนห้าสิบสตางค์ บวกกับค่าสนับสนุนเงินบำนาญอื่นๆ อาจมีถึงเก้าสิบกว่าหยวน รวมถึงเขามักเขียนวิพากษ์ตำราเรียนประจำจังหวัด คิดค่าตอบแทนทั้งหมดอาจมีถึงสี่ห้าร้อยหยวนต่อปี รายได้ของเขาแทบจะมากกว่าผู้อำนวยการโรงเรียนอยู่รอมร่อ
เหอปี้อวิ๋นมีรายได้ทุกเดือนที่สี่สิบหกหยวนห้าสิบสตางค์ สองสามีภรรยาทั้งคู่รวมกันมีถึงหนึ่งร้อยหกสิบถึงเจ็ดสิบหยวน นับว่ามีรายได้ที่สูงพอสมควรสำหรับเมืองจิน
นอกจากนี้ยังไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน พ่อแม่ของทั้งคู่มีเงินหลังเกษียณเลยไม่ต้องให้พวกเขาเสียค่าเลี้ยงดู เงินหนึ่งร้อยหกสิบถึงเจ็ดสิบหยวนกับการเลี้ยงดูลูกสาวสองคน เรียกได้ว่าเหลือเฟือ
แต่เหอปี้อวิ๋นกลับดูแลลูกสาวคนเล็กให้อยู่ในสภาพโทรมเช่นนี้ คนนอกจะมองเขาด้วยสายตาอย่างไร!
อู่เยวี่ยเห็นสีหน้าคุณพ่อแปลกไปใจหล่นวูบเพราะกลัวอู่เจิ้งซือจะไม่พอใจ คงไม่กล้าเสียดายกระโปรงอีกรีบยิ้มกล่าว“เหมยเหมยเข้าใจผิดแล้วล่ะ พี่จะเสียดายได้ยังไงเล่า เมื่อกี้พี่แค่กำลังคิดว่าเธอหมายถึงกระโปรงตัวไหนอยู่ต่างหาก!”
เห็นลูกสาวคนโตช่างแสนรู้และแสนดีขนาดนี้อู่เจิ้งซือคลายหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นออก อู่เยวี่ยลอบถอนหายใจโล่งอกพลางก่นด่าอู่เหมยในใจเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง มั่นหมายว่าจะให้อู่เหมยสวมกระโปรงเพียงครั้งเดียวก่อนจะหาทางเอากลับคืนมาให้ได้
อู่เหมยพูดด้วยท่าทางสบายๆ “ที่หนูพูดถึงคือกระโปรงลายขวางที่คุณแม่ทำให้พี่ใหม่ก่อนเปิดเทอม เสื้อผ้าตัวใหม่ของพี่เยอะเกินไป จะนึกไม่ออกก็ไม่แปลกหรอก”
อู่เยวี่ยกัดฟันจนเหงือกแทบแหลก วันนี้อู่เหมยกินยาอะไรผิดไป นอกจากจะเสแสร้งเป็นแล้วปากคอยังเราะร้ายขึ้นอีกด้วย
“เหมยเหมยหมายถึงกระโปรงตัวนั้นเองเหรอ เดิมทีพี่ก็กะจะให้เธออยู่แล้วเพราะพี่ตัวสูง ใส่แล้วออกจะสั้นไปหน่อย เธอใส่แล้วน่าจะพอดี พี่กำลังจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพอดี เธอไปเปลี่ยนพร้อมพี่เลยแล้วกัน”
อู่เยวี่ยฝืนยิ้มขณะที่ดึงแขนอู่เหมยขึ้นอย่างสนิทสนม คราวนี้อู่เหมยไม่ได้ปฏิเสธเธอ เดินเข้าห้องไปกับอู่เยวี่ยดีๆ
อู่เจิ้งซือค่อนข้างพอใจกับการทำตัวของอู่เยวี่ย ยิ่งทำให้เขาไม่พอใจต่อเหอปี้อวิ๋นมากกว่าเดิม รอสองพี่น้องเข้าห้องไปเขาจึงเปล่งเสียงถามด้วยสีหน้าเย็นชา “ปี้อวิ๋น คุณไม่มีอะไรจะบอกผมเหรอ?”
เหอปี้อวิ๋นตัวสั่นกึก อู่เจิ้งซือดูเป็นคนสุภาพบุรษมีมารยาทนิสัยอ่อนโยน ความจริงเขาไม่ค่อยแสดงอารมณ์โกรธเท่าไรหรอก แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาต้องรุนแรงมากๆ อย่างไม่ต้องคิด
“บ้านใครไม่ให้ลูกคนโตใส่แล้วให้ลูกคนรองใส่ต่อล่ะ ถึงฐานะบ้านเราไม่ได้แย่ขนาดนั้นแต่จะฟุ่มเฟือยไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ? เยวี่ยเยวี่ยเป็นลูกคนโต ฉันต้องทำเสื้อผ้าตัวใหม่ให้เยวี่ยเยวี่ยก่อนอยู่แล้ว ยาย... ถ้าเหมยเหมยเป็นลูกคนโต ฉันก็คงทำให้เธอก่อนเหมือนกันนั่นแหละ” เหอปี้อวิ๋นอธิบายเสียงแผ่ว
อู่เจิ้งซือไม่ได้พึงพอใจกับคำตอบของเธอสักนิด พูดเสียงเรียบ “ไม่ฟุ่มเฟือยน่ะถูกแล้ว แต่คุณจะปรับขนาดเสื้อให้เข้ากับรูปร่างหน่อยไม่ได้เหรอ? คุณดูเสื้อของเหมยเหมยโทรมขนาดไหน คนอื่นเห็นแล้วจะพูดยังไง?”
เหอปี้อวิ๋นรีบยิ้มตอบ “ฉันมัวแต่ทำงานไง จะเอาเวลาที่ไหนมาแก้เสื้อล่ะ รอวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันจะทำให้เหมยเหมยเอง”
อู่เจิ้งซือหยักหน้าน้อยๆ พูดเสริม “บ้านเราไม่ได้ขัดสนเงินค่าเสื้อผ้าขนาดนั้นสักหน่อย จากนี้ปีใหม่ก็ต้องทำเสื้อผ้าใหม่ให้เหมยเหมยด้วย ไม่ได้ทำมาตั้งหลายปี คุณเป็นแม่ประสาอะไร?”
“ก็ได้ ฉันผิดเอง หลังจากนี้ฉันจะแก้ไขมันแน่ๆ” เหอปี้อวิ๋นไม่แย้งแค่พยักหน้ารับตลอด ในเมื่ออู่เจิ้งซือไม่เคยสนใจเรื่องในบ้านอยู่แล้ว เสื้อผ้าตัวใหม่นั่นเธอจะทำหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
“แล้วก็เปลี่ยนวิธีสั่งสอนลูกของคุณด้วย อย่าเอะอะก็ตีลูก คุณดูแผลบนตัวเหมยเหมยสิ ถูกคุณตีจนกลายเป็นสภาพไหนแล้ว? ถ้าตีจนลูกเป็นอะไรไป คนที่เจ็บก็คุณนั่นแหละ”
“ตอนนั้นฉันใจร้อนเกินไปไง เหมยเหมยสอบได้คะแนนแย่ขนาดนั้น พรุ่งนี้ฉันไม่มีหน้าไปทำงานแล้วเนี่ย”
เหอปี้อวิ๋นไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอู่เจิ้งซือ เธอจะปวดใจแทนยายคนนั้นได้อย่างไร?
เจ้าโง่ที่ทำอับอายขายหน้ายังกล้ามาฟ้องอีก?
รอหาเวลาว่างได้เมื่อไหร่ค่อยมาจัดการยายนั่นทีหลัง!