icon member

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 104

ตอนที่ 104 หญิงงาม

อู่เหมยรู้สึกปวดแสบที่น่อง เธอก้มลงมองที่ขา จักรยานขี่แฉลบโดนเธอจนหนังถลอกเล็กน้อย แถมยังเปื้อนฝุ่นเต็มไปหมด แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรร้ายแรง

“ไอ้หยา! เธอมายืนที่กลางถนนทำไมน่ะ”

เด็กชายชุดดำหกล้มแรงพอสมควร เขาถูกจักรยานทับอยู่บนตัว เจ็บจนหน้าตาบิดเบี้ยวเหยเก จากนั้นเขาก็ประคองจักรยานขึ้นมา แล้วเดินไปต่อว่าอู่เหมย อู่เหมยได้ยินก็โกรธจัด

“เห็นๆ อยู่ว่าฉันยืนอยู่ริมถนน เธอขี่จักรยานไม่ดีเอง ขี่ชนคนอื่นแล้วไม่ขอโทษ หนำซ้ำยังมาว่าฉันยืนไม่เป็นที่เป็นทางอีก เธอมีเหตุผลบ้างมั้ยเนี่ย” อู่เหมยเถียงกลับ

คุณปู่พยุงอู่เหมยขึ้นมาและพูดสั่งสอนว่า “มู่มู่เธอทำแบบนี้มันไม่ถูกนะ ก็บอกแล้วว่าให้เธอไปหัดขี่ที่ลานกว้างน่ะ แล้วทำไมเธอถึงแอบขี่ออกมาอีกล่ะ”

พอเห็นบาดแผลที่น่องของอู่เหมย เด็กชายชุดดำก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาพูดกับคุณปู่อย่างไม่สบอารมณ์ “ผมอยากแอบขี่ออกมาเหรอ แฮนด์จักรยานมันไม่ฟังคำสั่ง มันดึงดันจะออกมาเอง แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ”

อู่เหมยฟังออกว่าเด็กชายไม่ค่อยมีความมั่นใจ เธอก็เลยไม่ค่อยโกรธเท่าไรแล้ว ทว่าเธอยังคงอดพูดจาเหน็บแนมไม่ได้ “โง่ทึ่มเสียจริงๆ ตัวโตอย่างกับยักษ์ แต่แม้แต่จักรยานก็ขี่ไม่เป็น ตัวโตเสียเปล่า”

เด็กชายชุดดำรูปร่างผอมสูง เขาสูงกว่าอู่เหมยอย่างน้อยยี่สิบเซนติเมตร แต่เสียงของเขาฟังดูเล็กนุ่มอยู่ อายุน่าจะยังไม่เท่าไร ต้องเด็กกว่าเหยียนหมิงต๋าแน่นอน เสียงของเหยียนหมิงต๋าแย่ยิ่งกว่าเสียงเป็ดร้องเสียอีก

“นี่ อย่าให้มันมากเกินไปนะ ฉันขี่ชนเธอ ฉันผิด แต่ถ้าเธอขืนพูดโจมตีที่ตัวบุคคลอีก อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ”

สยงมู่มู่เด็กชายชุดดำเดือดเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที เขาเป็นอัจฉริยะที่ทำได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาเคยถูกคนอื่นด่าคำว่า “โง่” ตั้งแต่เมื่อไรกัน

เด็กบ้าคนนี้มีตาหามีแววไม่ เขาเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง เขาไม่เอาพิมเสนไปแลกกับเกลืออย่างเธอหรอก

“เธอก็รู้ตัวว่าเธอผิด แล้วทำไมเธอไม่เห็นจะพูดขอโทษเลยสักคำ” อู่เหมยโต้เถียงอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ

สยงมู่มู่จุกจนพูดไม่ออก เขาไอแห้งสองสามทีเพื่อกลบเกลื่อนความเก้อเขินของเขา แล้วพูดอย่างรวดเร็วว่า “ขอโทษนะ”

อู่เหมยเบ้ปาก เขาพูดเร็วยิ่งกว่านักบวชสวดมนต์อีก ฟังดูไม่มีความจริงใจเลยสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะรีบกลับบ้านละก็ เธอจะต้องต่อว่าต่อขานเจ้าหมอนี่แน่นอน

“ช่างเถอะ ฉันเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง ฉันไม่เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือหรอก คุณปู่สวัสดีค่ะ”

อู่เหมยโบกไม้โบกมือให้คุณปู่ เธอเดินกะโผลกกะเผลกเตรียมตัวจะกลับบ้าน ถ้ากลับดึกอีกนิด เหอปี้อวิ๋นก็จะมีข้ออ้างด่าเธออีก

สยงมู่มู่เห็นอู่เหมยเดินท่าทางน่าสงสาร ในใจเขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ เขาเข็นจักรยานพลางเดินเข้าไปหา เขาพูดเสียงแหบห้าวว่า “บ้านเธออยู่ไหน ฉันไปส่งก็แล้วกัน”

อู่เหมยหันไปด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วก็เห็นใบหน้าที่สวยงาม คิ้วเข้มตาโต จมูกโด่ง ริมฝีปากอวบอิ่ม แล้วก็ผิวพรรณที่บอบบาง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คือหญิงงามที่เหมือนดังภาพวาด

แต่การแต่งตัวกับทรงผมนี่กลับ...

“นายเป็นผู้ชายใช่มั้ย” อู่เหมยถามโดยไม่รู้ตัว

สยงมู่มู่ถลึงตาจ้องเธอ เปลวไฟในดวงตาสามารถเผาไหม้เธอให้เป็นจุณได้ อู่เหมยรู้ตัวทันทีว่าตัวเองถามผิดคำถาม เธอหัวเราะอย่างเขินๆ เจ้าหมอนี่หน้าตาสวยยิ่งกว่าผู้หญิง ทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิง แยกแยะได้ถูกต้องน่ะสิแปลก

แต่ว่าเจ้าหมอนี่ดูคุ้นหน้าคุ้นตามาก เหมือนเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน!

อู่เหมยคิดอยู่พักหนึ่งแต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอสยงมู่มู่ที่ไหนกันแน่ เธอก็เลยเลิกคิด เธอปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “ขอบใจ แต่ฉันเดินไปเองดีกว่า ถ้านั่งจักรยานนาย ฉันกลัวขาหัก”

สยงมู่มู่โมโหจนหน้าแดง เขาตะคอกเสียงดัง “ฉันไม่ขี่ ฉันจะเข็นเธอไป โอเคใช่มั้ย?”

อู่เหมยแคะหูที่อื้อชา เธอเจ็บน่องมากจริงๆ ก็เลยตอบตกลง “โอเค ฉันอาศัยอยู่ที่อี้จง ไปทางนี้ แล้วก็เลี้ยวสองทีก็ถึงแล้ว”

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด