สมาชิก

วิหคหลงลม

ตอนที่ 4

ที่วังเทวฉัตร...ชายใหญ่ถูกท่านพ่อเรียกมาปรึกษาเรื่องภุมวารีหลังจากเกรียงไกรขอให้เร่งการแต่งงานให้เร็วขึ้นเพราะอยากจะกลบข่าวของเธอในหนังสือพิมพ์ และช่วยปกป้องศักดิ์ศรีเทวฉัตรของเราเพราะตอนนี้ยังไงเราคงหนีไม่พ้นถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

“แต่คุณผึ้งเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล อาการเธอยังไม่หายดี”

“คุณเกรียงไกรบอกว่าควรจะแต่งกันตามพิธีไปก่อน ให้คนเลิกครหา แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยรักษาหนูผึ้งกันต่อไป ชายคิดว่ายังไงล่ะลูก”

“ผมสงสารคุณผึ้งครับ ตอนนี้เธอยังไม่เป็นตัวของตัวเอง จู่ๆจะรวบรัดให้เธอตัดสินใจแต่งงานกับคนแปลกหน้าอย่างผม เธอคงจะไม่มีความสุข”

หญิงเล็กเข้ามาพร้อมดาริกาที่เพิ่งมีเรื่องตบตีกับภุมวารีมาหยกๆ ได้ยินพี่ชายพูดอย่างนั้นหญิงเล็กถึงกับค้านหัวชนฝาว่าคนที่ไม่มีความสุขคือเขามากกว่า เพราะถ้าพี่ชายใหญ่ตอบตกลงแต่งงานจริงๆ ก็ต้องถูกสวมเขาไปตลอดชีวิต

“เลิกพูดเรื่องเก่าๆซักทีเถอะหญิงเล็ก มันผ่านไปแล้ว”

“ถ้าท่านพ่อหมายถึงเรื่องนังผึ้งกับผู้ชายของมันล่ะก็ มันยังไม่ทันจะเก่าหรอกค่ะ เพราะมันเพิ่งจะเกิดขึ้นสดๆร้อนๆนี่เอง”

ดาริกาเล่ายืนยันว่าตนกับหญิงเล็กเจอภุมวารีกับผู้ชายคนนั้นที่เยาวราช เธอดูปกติ เดินเหินคล่องแคล่ว ไม่มีท่าทีเจ็บป่วยเลยสักนิดเดียว เธอคงแกล้งหลอกให้ทุกคนตายใจเพื่อจะได้แอบมาพบปะกับคนรักของตัวเอง

“จะเป็นไปได้ยังไง” ชายใหญ่ค้าน

“หญิงกับเพื่อนไม่ได้จำคนผิดแน่นอน หญิงเข้าถึงตัวมันขนาดลงไม้ลงมือกันมาแล้ว เพราะพยายามจะเอาตัวมันมาหาท่านพ่อกับพี่ชายใหญ่ จะได้ตาสว่างกันซักที แต่ไอ้ภาสกรมันมาช่วยหนีไปซะก่อน”

“หญิง...อย่าพูดจาเหลวไหลนะ”

“ท่านพ่อคิดว่าที่เนื้อตัวเราสองคนเจ็บระบมอยู่นี่เป็นเพราะเราแกล้งตบตีกันเอง แล้วก็แต่งเรื่องใส่ร้ายนังผึ้งเหรอคะ” หญิงเล็กให้ดูรอยข่วนตามแขน ขณะที่ดาริกาบอกว่าตนมีหลักฐาน มันคือสร้อยคอที่ภุมวารีเอาไปขายที่ร้านเพชร

เมื่อชายใหญ่นำสร้อยจากดาริกาไปพิสูจน์เพราะคุ้นตาว่าภุมวารีใส่สร้อยเส้นนี้ในวันงานเปิดตัวภาพยนตร์ของภัทรยศ ปรากฏว่าใช่จริงๆ คืนนั้นในงานมีการถ่ายรูปแขกเหรื่อและภัทรยศอัดรูปเอาไว้ ชายใหญ่จึงขอรูปนั้นแล้วมุ่งหน้าไปนครปฐมพร้อมภัทรยศ

ทางด้านภุมวารีที่ตบตีกับหญิงเล็กและดาริกา เมื่อกลับถึงบ้านก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก สงสัยคำพูดของสองสาวที่ว่าเธอหายเจ็บป่วยและแกล้งบ้า

ภาสกรเอายาหม่องมาทาแขนให้ภุมวารี ทาไปบ่นไปอย่างเป็นกังวล “ผมบอกคุณผึ้งแล้วว่ายังไม่ควรไปปรากฏตัว พระนครมันแคบกว่าที่เราคิด ถ้าคุณหญิงเล็กไปบอกคนอื่นว่าเจอเราสองคนจะทำยังไงกัน”

“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะค่ะ”

“แล้วมีเรื่องไหนให้กังวลมากกว่าเรื่องนี้อีกเหรอครับ”

ภุมวารีชะงัก...กลบเกลื่อนว่าไม่มีเรื่องไหนต้องกังวลทั้งนั้น ตราบใดที่พ่อยังไม่เจอตน

ooooooo

เอื้อยกำลังพยายามรื้อฟื้นความจำให้คุณหนูของตนด้วยการพาเข้ามาในห้องพิไลลักษณ์ผู้เป็นแม่ แต่ทั้งรูปถ่ายและข้าวของไม่ทำให้นวลระลึกได้สักนิด

ระหว่างนี้เฟื้อมาเคาะประตูห้องร้องบอกนายสาวว่าคุณชายใหญ่มา เอื้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดกระเซ้าว่า เช้าถึงเย็นถึงแบบนี้สงสัยคุณชายใหญ่จะเป็นห่วงคุณผึ้งมาก

นวลต้อนรับแขกทั้งสองด้วยรอยยิ้ม ชายใหญ่จับตามองท่าทางของเธออย่างสังเกตสังกาก่อนทักว่า

“คุณผึ้งดูกระฉับกระเฉงแข็งแรงดี แสดงว่าเกือบจะหายเป็นปกติแล้ว”

“ค่ะ เหลือก็แค่ความทรงจำที่ฉันยังนึกอะไรไม่ออกเลย”

ชายใหญ่จ้องหน้านวลอย่างจับผิด หยิบรูปถ่ายที่ภัทรยศอัดไว้ออกมา “ถ้าอย่างนั้นคุณผึ้งคงจำรูปเซตนี้ไม่ได้สินะครับ”

นวลหยิบรูปมาดูด้วยความสนใจ “รูปของฉัน? งานอะไรเหรอคะคุณชาย”

ชายใหญ่รู้สึกว่านวลโกหกตาใส แต่ก็ตอบเสียงเรียบว่า “งานฉายหนังรอบปฐมทัศน์ของนายยศครับ ผมเป็นคนมารับคุณผึ้งที่บ้าน”

นวลนิ่งคิดแล้วส่ายหน้า ยิ้มอ่อนๆ ตอบซื่อๆ ว่าตนจำไม่ได้...ชายใหญ่ฝืนยิ้ม ปักใจไปแล้วว่าเธอโกหก

“แต่ผมจำได้แม่นเลยว่าวันนั้นคุณผึ้งสวยมาก เพราะคุณผึ้งใส่สร้อยเส้นนี้ นายยศเองก็ถูกใจสร้อยเส้นนี้มาก ใช่ไหมนายยศ”

ภัทรยศเลิ่กลั่ก แต่เห็นสีหน้าชายใหญ่ก็รู้ว่าถึงคิวตัวเองต้องตกกระไดพลอยโจน “ครับ ใช่ครับ...คือผมอยากจะขอยืมไปเป็นแบบสร้อยสำหรับนางเอกภาพยนตร์เรื่องใหม่น่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณผึ้งจะสะดวกไหม”

“ได้สิคะ เดี๋ยวฉันจะไปขอพี่เอื้อยให้” นวลลุกออกไป

ภัทรยศกระซิบชายใหญ่ว่า “เห็นไหม อาจจะเป็นคนละเส้นกันก็ได้ น้องสาวคุณชายโกหกตามเคย”

“คอยดูไปก่อนก็แล้วกัน เราอาจจะเจอนางเอกละครมืออาชีพก็ได้” ชายใหญ่ยิ้มเยือกเย็น เริ่มอคติกับนวลมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อนวลเอารูปถ่ายมาให้เอื้อยดูและขอสร้อยที่เธอใส่เพื่อจะให้ภัทรยศยืม เอื้อยตกใจจนเก็บอาการไม่มิด ภัทรยศที่ตามเข้ามาพร้อมชายใหญ่จึงตัดบทว่า ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร พูดจบก็สะกิดชวนชายใหญ่กลับ

“ให้คุณภัทรยศยืมไปเถอะจ้ะพี่เอื้อย ฉันคงไม่ได้ใช้อะไร” คำพูดนวลยิ่งทำให้เอื้อยอึกอักลำบากใจ ชายใหญ่ดักคอว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า

เอื้อยไม่กล้าบอกว่าสร้อยเส้นนี้หายไปตอนภุมวารีหนีออกจากบ้าน จึงโยนความผิดไปให้สวาท แต่สวาทดันมาได้ยินเต็มสองหู ถามเอื้อยเสียงแหลมว่าตนเอาอะไรไป คราวนี้เอื้อยเลยไปไม่เป็น ยืนตัวสั่นด้วยความตกใจ กลัวสวาทด่าว่าใส่ความ แต่นวลพาซื่อถามแทน

“คุณสวาทเคยเห็นสร้อยเส้นนี้ของฉันหรือเปล่าคะ พอดีเพื่อนของคุณชายอยากจะขอยืม”

“ฉันจะไปรู้เห็นทรัพย์สมบัติของคุณได้ยังไงคะคุณผึ้ง...อ๋อ นี่แกหาว่าฉันขโมยไปอย่างนั้นเหรอ มันจะมากไปแล้วนะนังเอื้อย แกเป็นใครบังอาจมาใส่ความฉัน”

สวาทตบเอื้อยหน้าหัน นวลตกใจรีบเข้าประคองบ่าวของตน เฟื้อวิ่งออกมาพอดี ถามหน้าตาตื่นว่าเกิดอะไรขึ้น

“ลูกสาวแกใส่ความว่าฉันขโมยสร้อยคุณผึ้ง โกหกตอแหลหน้าด้านๆ นิสัยอย่างนี้จะเอาไว้ทำไม” สวาททำท่าจะเข้าไปตบซ้ำ แต่เฟื้อกับภัทรยศช่วยกันขวาง

ทันใดนั้นชายใหญ่โพล่งขึ้น “ผมว่าคนที่โกหกคือคุณผึ้งมากกว่า...เลิกเล่นละครเถอะครับคุณผึ้ง อย่าให้พี่เลี้ยงของคุณต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวของคุณอีกเลย”

“อะไรกันคะคุณชาย ฉันไม่เข้าใจ”

ชายใหญ่หยิบกล่องสร้อยส่งให้...นวลรับมาเปิดดูก็เห็นว่าเป็นสร้อยเส้นเดียวกัน

“ผมตั้งใจจะเอาสร้อยมาคืนคุณตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

“นี่มันยังไงกันคะ”

“คงต้องถามคุณผึ้งดูว่ามันยังไงกัน สร้อยเส้นนี้ถึงไปอยู่ที่ร้านเพชรในเยาวราชได้ แถมเจ้าของร้านก็ยืนยันว่าคุณผึ้งเป็นคนเอาไปขาย”

“ฉันน่ะเหรอคะเอาไปขาย ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

ชายใหญ่เห็นเธอทำหน้าเลิ่กลั่กก็ยิ่งโมโห คิดว่าเล่นละคร “ก็วันนี้ไงครับ วันที่คุณไปเจอหญิงเล็กกับดาริกาที่เยาวราช”

“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ คุณผึ้งอยู่ที่บ้านตลอดเวลานะคะคุณชาย” เอื้อยปกป้องนายของตนตามความจริง แต่ชายใหญ่ไม่เชื่อ ตวาดเสียงดังอย่างสุดทน

“คุณอาเกรียงไกรไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่จำเป็นต้องช่วยกันเล่นละครตบตาฉัน”

นวลกับเอื้อยตกใจ ไม่เคยเห็นชายใหญ่โกรธเกรี้ยวมาก่อน ภัทรยศหน้าเสียพยายามเตือนชายใหญ่ให้ใจเย็นแต่เขาไม่ฟัง

“ผมเข้าใจนะว่าคุณจำเป็นต้องทำความประสงค์ของคุณพ่อ ด้วยการแสร้งทำเป็นยินยอมพร้อมใจที่จะคบหากับผม แต่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ คุณไม่จำเป็นต้องเสแสร้งหรอกคุณผึ้ง ผมรู้แล้วว่าคุณไม่ได้ความจำเสื่อมด้วยซ้ำ”

นวลน้ำตาคลอ คำว่าเสแสร้งเสียดแทงจิตใจเข้าอย่างจังเพราะตนเองไม่รู้เรื่องเลย ชายใหญ่ฉุนขาดคว้าแขนเธอบีบอย่างลืมตัว

“เลิกตีหน้าซื่อซักที ยอมรับมาเถอะว่าคุณแอบนัดพบกับคู่รักของคุณที่พระนคร เอาสร้อยไปขายเพื่อให้เงินปรนเปรอเขา”

“ต๊าย! จริงเหรอคะคุณผึ้ง คุณยังจำไอ้ภาสกรได้เหรอ” สวาทกรีดเสียงใส่ นวลงงงันหันไปถามเอื้อยว่าภาสกรคือใคร

“ไม่ใช่ใครทั้งนั้นค่ะ ไม่ต้องสนใจนะคะคุณผึ้ง คุณชายเข้าใจผิดแล้วนะคะ”

“จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็คงไม่ยอมรับทั้งนายทั้งบ่าว จะต้องให้ผมลำเลิกเรื่องที่คุณหนีตามนายภาสกรไปจนถูกปล้นหมดเนื้อหมดตัวขึ้นมาก่อนใช่ไหม คุณถึงจะนึกออก ผมให้อภัยคนที่ทำผิดพลาดได้เสมอ แต่คนประเภทที่ผมเกลียดที่สุดก็คือผู้ร้ายปากแข็ง ในเมื่อคุณยังหน้ามืดตามัวกับผู้ชายคนนั้น ผมก็จะไม่ลดเกียรติตัวเองลงไปยื้อแย่งคุณกลับมาเพราะคุณไม่ได้มีค่าขนาดนั้น คุณภุมวารี”

นวลตะลึงคาดไม่ถึง ชายใหญ่หันไปหาสวาท ฝากถ้อยคำด้วยความโมโหสุดขีดว่า

“ฝากเรียนคุณเกรียงไกรด้วยว่าผมขอยกเลิกข้อตกลงทั้งหมด จะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด”

ชายใหญ่ประกาศก้องแล้วผลุนผลันออกไปท่ามกลางความตกใจของทุกคน ภัทรยศรีบวิ่งตาม ส่วนสวาทหน้าตาตื่นจ้องนวลที่ยังมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

“คุณผึ้ง เห็นไหมว่าคุณทำอะไรลงไป คุณนี่มันไม่รักดี”

“พอเถอะค่ะคุณสวาท” เฟื้อสงสารเจ้านายของตน แต่สวาทไม่สน แว้ดใส่เฟื้อก่อนจะลุกลามบานปลายเพราะคราวนี้เฟื้อไม่ยอม สองคนตบตีกันท่ามกลาง

เสียงกรีดร้องห้ามปรามของเอื้อย ส่วนนวลนั้นยังช็อกไม่หาย หัวสมองมึนไปหมดเพราะคำพูดหลายอย่างประเดประดังเข้ามา

นวลเอามือกุมหัวโงนเงนไปมา แล้วจู่ๆก็หน้ามืดคอพับคออ่อน เอื้อยร้องลั่นรีบประคองเจ้านาย

ภัทรยศตามชายใหญ่มาขึ้นรถที่จอดหน้าบ้าน ถามเขาว่าคิดดีแล้วหรือที่พูดอย่างนั้น

“ฉันคิดมาตลอดเวลาที่นั่งรถมาที่นี่ ผู้หญิงที่แปดเปื้อนมลทินทางกาย ฉันไม่เคยรังเกียจ แต่คุณผึ้งเป็นผู้หญิงประเภทที่แม้แต่จิตใจก็แปดเปื้อน”

“แรงไปหรือเปล่า”

“นายก็เห็นกับตาว่าเขาตีหน้าซื่อเล่นละครเก่งขนาดไหน ทั้งที่มีหลักฐานทนโท่ก็ยังไม่ยอมจนมุมฉันคงอยู่กับผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้”

“ตอนจะแต่งคุณชายก็ปรู๊ดปร๊าดไม่ฟังใคร ครั้งนี้คุณชายก็น่าจะคิดให้ดีๆก่อน”

“ฉันคิดดีแล้ว ฉันจะหาทางอื่นใช้หนี้ให้ท่านพ่อ ทางไหนก็ได้ที่ไม่ใช่การแต่งงานกับผู้หญิงสองหน้าอย่างคุณผึ้ง ฉันไม่อยากเห็นตัวเองถูกสวมเขาเหมือนควาย” ชายใหญ่กระชากรถออกไปอย่างเร็วด้วยอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่าน

ooooooo

หลังจากปรนนิบัติพัดวีนายสาวจนอาการดีขึ้น เอื้อยตัดสินใจพูดความจริงเพราะหลีกเลี่ยงลำบาก

“คุณเกรียงไกรสั่งห้ามใครเล่าเรื่องที่ผ่านมาแล้วให้คุณผึ้งฟัง เพราะไม่อยากให้หม่อมหลวงภาสกรกลับมาวนเวียนในความคิดของคุณผึ้งอีก แต่ในเมื่อคุณชายพูดถึงขนาดนี้แล้ว เอื้อยก็คงปิดบังไม่ได้”

“แสดงว่าฉันไม่ได้รักกับคุณชายใหญ่”

“แต่คุณเกรียงไกรกับท่านชาย พ่อของคุณชาย อยากให้คุณผึ้งกับคุณชายแต่งงานกัน”

“แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะคะ หม่อมหลวงภาสกร”

“ผู้ชายคนนั้นเป็นคนไม่ดีค่ะ เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณผึ้งเป็นแบบนี้ เขาล่อหลอกคุณผึ้งให้หนีออกไปกับเขา แล้วก็ทำร้ายคุณผึ้ง ชิงทรัพย์สินไปหมด เห็นไหมคะว่าเขาไม่มีค่าให้คุณผึ้งจดจำเลย”

“ถ้าเขาเป็นคนไม่ดี แล้วทำไมคุณชายถึงคิดว่าฉันจะกลับไปหาเขา”

“คุณชายคงกำลังโกรธ ก็เลยพูดออกไปแบบนั้น คุณผึ้งอย่าเพิ่งคิดมากเลยค่ะ”

เสียงโทรศัพท์ในบ้านดังขึ้น เอื้อยลุกไปรับถามว่าต้องการพูดกับใคร แต่ฝ่ายที่โทร.มากลับไม่ยอมพูด

ภุมวารีตัวจริงนั่นเอง เธออดรนทนสงสัยเรื่องที่หญิงเล็กกับดาริกาพูดไม่ได้จึงโทร.มาที่บ้านเผื่อจะได้ยินเสียงดนตรีงานศพที่เกรียงไกรจัดให้ลูกสาวตัวปลอม แต่ทุกอย่างเงียบสนิท มีเพียงเสียงเอื้อยที่เธอจำได้แม่นพูดปาวๆ

“คุณ! ทำไมไม่พูดล่ะคะ ตกลงจะเรียนสายกับใคร ถ้าไม่พูดฉันจะวางแล้วนะ” ว่าแล้วเอื้อยหันไปฟ้องเจ้านาย “คนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ค่ะคุณผึ้ง โทร.มาแต่ไม่ยอมพูด”

ภุมวารีได้ยินเอื้อยเรียกชื่อเล่นตัวเองเต็มสองหู รีบวางสายด้วยความประหลาดใจ...หรือว่านวลยังไม่ตาย!!

ooooooo

ขณะที่นวลหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย จักรพยายามตามหาแทบพลิกแผ่นดินและยังคงมีความหวัง เพราะเขาไม่เชื่อว่าคนอย่างนวลจะหนีไปกับผู้ชายอย่างที่มิ่งบอก

แต่แล้วจักรโชคร้ายไปเจอนักเลงกลุ่มเดิมที่เคยมีเรื่องชกต่อยกับมิ่งและชาติ ซึ่งวันนั้นจักรเข้ามาช่วยเหลือแล้วโดนพวกมันแทงบาดเจ็บเพิ่งจะหาย แต่วันนี้มาถูกทำร้ายซ้ำอีกจนสะบักสะบอมก่อนที่มันจะเอาร่างไปทิ้งยังพื้นที่ห่างไกล กระทั่งสาววัยรุ่นชื่อเพียงธารมาพบและไปตามมิ่งกับชาติลูกน้องของพ่อมาช่วย

เพียงธารเป็นลูกสาวของเสือเมฆ อดีตเสือเก่าแห่งลุ่มแม่น้ำคลองโยง แต่กลับตัวเป็นคนดี ประกอบอาชีพสุจริตทำแพปลา บุคลิกโหดเหี้ยมน่าเกรงขาม แต่เนื้อแท้จิตใจดีมีเมตตา

มิ่งกับชาติไม่คาดคิดว่าคนที่บาดเจ็บจะเป็นจักร สองคนนึกถึงบุญคุณที่จักรเคยช่วยชีวิตจึงพาเขามารักษาตัวที่แพปลาของเสือเมฆ โดยเพียงธารอาสาทำแผลให้จักรเอง แต่เสือเมฆไม่ค่อยไว้ใจชายแปลกหน้า มิ่งกับชาติจึงรับรองว่าจักรเป็นคนซื่อ ไม่มีพิษภัย ที่สำคัญเขาเคยช่วยชีวิตเราสองคนไว้ ขณะที่เพียงธารก็สงสาร ขอพ่อว่ารอให้เขาหายก่อนค่อยว่ากัน ไล่ไปตอนนี้ก็ตายเปล่า

เสือเมฆมองทั้งสามคนตาขวาง ขี้ระแวงตามประสาคนมีโจทก์เยอะ

“พวกเอ็งนี่มันใจกว้างเป็นแม่น้ำกันทั้งนั้น...ก็ได้ แต่จับตาดูมันไว้ให้ดีๆ ถ้ามันลุกขึ้นมาปล้นแพข้าเมื่อไรล่ะก็ ข้าเอามันตาย รวมทั้งเอ็งสองคนด้วย”

มิ่งกับชาติพยักหน้าเจื่อนๆ กลัวเสือเมฆ แต่ก็โล่งใจที่จักรมีที่อยู่อาศัย

ooooooo


วิหคหลงลม

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด