ตอนที่ 14
เดือนดาราเพิ่งเก็บวิญญาณแสงลงโถเห็นฉากตรินประคองวริศราผ่านกล้องวงจรปิดก็เบ้หน้า วริศราไม่รู้ว่ามีคนแอบมอง แหวตรินเสียงดังแก้เขิน
“มาลวนลามฉันทำไม ปล่อยนะ!”
“คุณพี่เก๋เอาอกวิ่งมาปะทะอกผมเองนะครับ ใครกันแน่ที่อยากลวนลามกัน”
“ไอ้บ้านี่ หยาบคายขึ้นทุกวัน บอกให้ปล่อย”
“ผมจะปล่อย แต่คุณช่วยตอบคำถามผมก่อนได้ไหม”
“ฉันไม่มีอะไรจะตอบ”
“แต่ผมว่าคุณมี ผมกำลังมั่นใจว่าเราฝันเรื่องเดียวกันตอนกลางคืน”
วริศราชะงัก ปฏิเสธเสียงห้วน “ฉันไม่ได้ฝันอะไรทั้งนั้น”
“จริงหรือคุณพลอย”
ชื่อพลอยทำให้วริศราตาลุกวาวด้วยความไม่ชอบใจ “นายบ้าหรือ ฉันไม่ได้ชื่อนี้นะ”
ตรินส่ายหน้า ท่าทางพิรุธของเธอทำให้มั่นใจ “ใช่...คุณชื่อคุณเก๋ แต่ในความฝันผมคุณชื่อคุณพลอย ผมอยากถามว่าคุณพลอย...เอ้อ...คุณเก๋ฝันเห็นคุณเสริมหรือเปล่า”
“ทำไมฉันต้องตอบ”
“เพราะว่าถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะจูบคุณ”
วริศราไม่ยอมแพ้ยกเข่าหมายกระทุ้งเป้าแต่ตรินไหวตัวทันรวบตัวเธอมาจูบรัวๆ “จำไว้นะครับคุณพี่เก๋ ผมว่าเราฝันตรงกัน ถ้าพรุ่งนี้ผมถามอีกและคุณไม่ยอมตอบ ผมจะตอแยคุณต่อไปจนกว่าคุณจะยอมตอบ”
ooooooo
วริศราเอามือเช็ดหน้าและริมฝีปากตัวเองจนมีรอยช้ำ กระนั้นก็อดใจสั่นไม่ได้เพราะไม่เคยมีใครใกล้ชิดเธอมากเท่าตริน เดือนดาราหมั่นไส้มาก แต่เพื่อแผนที่รอคอยก็จำต้องมาดักรอลูกสาวบุญธรรมคนโต
เดือนดาราแกล้งทักเรื่องปากบวมเจ่อ วริศราหน้าเสียปฏิเสธเสียงสั่น
“เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะคุณแม่”
“งั้นหรือ แม่คิดว่ามีแมลงอะไรมาต่อยปากลูก เห็นเก๋ทั้งเช็ดทั้งถูจนปากบวมเจ่อไปหมดแล้ว”
วริศราอายมากขอตัวดื้อๆ “คุณแม่...เก๋ขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบก็หมุนตัวกลับเรือนพัก เดือนดาราลอบยิ้มเยาะ แกล้งพูดไล่หลัง “เช็ดคราบอะไรก็เช็ดออกได้ง่ายๆ แต่เช็ดคราบความรักมันเช็ดยังไงก็ไม่หายหรอกนะลูก นอกจากเราจะหลอกตัวเอง”
ป่วนประสาทวริศราแล้วเดือนดาราก็วิ่งไปดักเจอตริน ตรินยังติดใจภาพร้ายๆของเดือนดาราในฝัน ท่าทีระวังภัยจนเดือนดาราอดเซ็งไม่ได้ กระนั้นก็ยังตีหน้านิ่งขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว
วิญญาณพริ้งกับเอิบเห็นเดือนดาราคุยกับตรินลำพังก็ไม่ไว้ใจ กลัวเดือนดาราทำอันตรายหมอหนุ่ม อยากแผลงฤทธิ์แทบแย่แต่ต้องเผ่นก่อนเพราะสำลีโผล่มาจากอีกทาง
สำลีเห็นวิญญาณพริ้งกับเอิบแล้วแต่ไม่ตามไปจัดการเพราะมีภารกิจสำคัญรออยู่คือช่วยเดือนดาราไล่ต้อนตรินเพื่อให้ติดกับผูกมัดกับวริศรา
เดือนดาราไม่สนใจว่าใครจะมาขวาง เปิดฉากเจรจากับเสริมทันที
“ฉันอายุมากแล้ว ชีวิตคนเราไม่แน่นอน จะตายตอนไหนก็ยังไม่รู้”
“ยังหรอกครับคุณหญิง”
“ก็ไม่แน่หรอก ฉันจึงต้องวางแผนดีที่สุดให้ลูกๆของฉันค่ะ”
“คุณหญิงรอบคอบมากครับ”
“ขอบใจที่ชมฉัน ฉันรักลูกสาวสามคนของฉันมากเหนือสิ่งอื่นใด โดยเฉพาะลูกเก๋ที่ฉันหมายมั่นจะให้เป็นเสาหลักสืบทอดกิจการและเจตนารมณ์เรื่องกิจการการกุศลของฉัน”










