ตอนที่ 14
สำลีลอบถอนใจหน่ายๆ “เขาทำกันแบบนี้สิครับดีมาก จะเป็นข้ออ้างที่คุณหญิงสามารถผูกมัดจับคุณเสริมใส่พานให้คุณพลอยโดยไม่กล้าบิดพลิ้ว แถมคุณเสริมจะดีใจเสียอีกเพราะเขารักเธอ”
“พอที หยุดพูด ไม่อยากจะฟัง!”
เดือนดาราเดือดพล่านด้วยไฟริษยา ต่างจากวิญญาณเอิบที่ร้อนรนด้วยความเป็นห่วงวริศรา
“คุณเสริมล่วงเกินร่างกายคุณพลอยมากไปแล้ว เอ็งทำให้คุณพลอยเดินได้สักทีสินังพริ้ง”
“ฉันไม่ใช่หมอ ขาเธอแพลงก็ต้องหมอตรินนั่นแหละทำให้เธอเดินได้”
“อ้าว...แต่เอ็งทำให้คุณพลอยขาแพลงหกล้ม ทีทำเวทมนตร์ให้เธอสลบเอ็งยังทำได้”
“เวทมนตร์ของฉันมีแค่นั้น ทำมากกว่านั้นไม่ได้ แกอย่าหัวโบราณไดโนเสาร์เต่าล้านปีนักเลยนังแก่แร้งทึ้ง”
“เอ็งเอ่ยถึงไอ้ไดโนเสาร์มาหลายที มันคือเต่าล้านปีหรือ เต่าที่ไหนอายุยืนขนาดนั้น ข้าอยากเห็น”
“โง่อีกละยัยแก่ ไดโนเสาร์คือสัตว์ตัวใหญ่มหึมายิ่งกว่าช้างสาร ตัวมันใหญ่คับป่า มันคอยาวไปไหนมาไหนป่าราบโครมคราม มันมีมานานจนเขาเรียกมันว่าไดโนเสาร์เต่าล้านปีแต่ไม่เกี่ยวกับเต่า”
“แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
“โอ๊ย...น่ารำคาญ ดูคู่นั้นเถอะเดี๋ยวก็ขี่คอกันเดินลัดทุ่งไปแน่นอน”
วริศราประคองตัวเองเดินไปไร่ชาด้วยความยากลำบาก ปากก็บ่นพึมพำต่อว่าตรินที่หายไปไหนไม่รู้
“ฉันเกลียดนาย ไอ้คนใจร้าย ไอ้คนไม่มีความเมตตา นายกล้าทิ้งคนขาแพลงไว้โดยไม่สนใจไยดี นี่นายเป็นมนุษย์แบบไหนกัน ฉันจะฆ่านาย ฉันจะขอสาปแช่งนายให้...”
ตรินเฝ้ามองด้วยความขำปนเอ็นดู ก่อนตัดสินใจปรากฏตัว
“สาปแช่งผมให้เป็นอะไรดีครับคุณพี่เก๋”
วริศราชะงัก โล่งใจแต่ทำกระฟัดกระเฟียดใส่ “ไปให้พ้น!”
“อ้าว...ปากอย่างใจอย่าง ไม่อยากให้ผมทิ้งแต่กลับมาไล่ผม ผมจะทำยังไงดี”
คำพูดรู้ทันของเขาทำให้วริศราหน้าเจื่อน อึกๆอักๆแก้ตัว
“ฉัน...ฉันแค่อยากขอยืมมือถือนายโทร.หาน้องๆ ฉันจะให้ส่งรถมารับฉัน”
วริศราเซ็งมากเพราะหามือถือตัวเองไม่เจอ คิดว่าคงหล่นหายตอนตกน้ำ พลันก็เบิกตาโตเมื่อตรินควักมือถือของเธอที่แบตเตอรี่หมดแล้วยื่นให้
“นายขโมยของฉันไป!”
“มันตกอยู่ ผมไม่รู้หรอกว่าของคุณ”
ตรินโกหกเพราะความจริงคือเขาแอบเก็บมือถือเธอไว้ตั้งแต่ตอนตกน้ำ และจงใจถอดแบตเตอรี่เพราะอยากอยู่กับเธอลำพัง วริศราตามเกมเขาไม่ทันกระชากมือถือตัวเองมา ปากก็บ่นพึมพำ
“เบื่อ...ทำไมมันยุ่งยากกันขนาดนี้นะ”
“มันคงไม่ยุ่งยากขนาดนี้ถ้าในถ้ำคุณไม่คิดแกล้งผมให้หลงทาง ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวเร็วมาก”
วริศราหน้าม้าน กระนั้นก็โต้อย่างไม่ยอมแพ้ “ใส่ร้าย!”
ตรินถอนใจยาว ยอมอ่อนท่าทีลง “เถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์ คนดื้ออวดดีอย่างคุณไม่ยอม
จำนนไม่ยอมแพ้หรอก ไปกันเถอะ...มามะขี่หลังผมเกาะมือผมแล้วขี่หลังผม”
พูดพลางหันหลังให้ วริศรารีรอเพราะกระดากที่ต้องใกล้ชิดเขา ตรินต้องแกล้งขู่ “ให้ไวครับผม เวลาและวารีไม่รอใคร ขืนไม่รีบคุณอาจต้องขี่หลังผมกลับที่พักและเราอาจหมดแรงตายกลางทางเพราะมันไกลมาก”
“เว่อร์! ไปตายซะ มาขู่กันอยู่ได้”
วริศรายังไม่ยอมขี่หลังเขา ตรินต้องใช้ไม้แข็งกระชากตัวเธอมากอด










