ตอนที่ 7
ตอนที่ 7 ร่วมชายคาเดียวกัน (7)
ซูจือเนี่ยนเดินเข้าห้องน้ำไปไม่กล่าวอะไรต่อ ซ่งชิงชุนลอบถอนใจอย่างโล่งอก บางทีอาจเป็นเพราะมารดาเขาอยู่ด้วย เขาจึงไม่ขับไล่ไสส่งเธอให้ออกไปจากบ้าน
หลังจากล้างมือเสร็จ ซูจือเนี่ยนก้าวเข้ามาในห้องอาหารซึ่งซ่งชิงชุนกับมารดาของเขานั่งอยู่ก่อนแล้ว หญิงทั้งสองพูดคุยกันและส่งยิ้มให้กัน ซ่งชิงชุนยิ้มค้างเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
ซูจือเนี่ยนดึงเก้าอี้พลางนั่งลง มารดาเขากระวีกระวาดส่งถ้วยน้ำแกงให้เขา ระหว่างที่ยื่นให้ เธอชี้ไปยังกับข้าวสองจานบนโต๊ะพลางกล่าวขึ้น “น้ำแกงกับอาหารสองจานนี้ ชิงชุนเป็นคนทำเองนะ มา... ลองกินดูสิลูก”
ซูจือเนี่ยนรับถ้วยน้ำแกงไปวางบนโต๊ะโดยที่ไม่ได้ลองชิม เขาหยิบตะเกียบและลงมือกินเฉพาะอาหารฝีมือมารดาของเขาเท่านั้น
ในห้องอาหาร ป้าซูพูดคุยสลับไปมาระหว่างซูจือเนี่ยนกับซ่งชิงชุนซึ่งช่วยทำให้บรรยากาศไม่ชวนน่าอึดอัด ทว่าระหว่างรับประทาน ซ่งชิงชุนสังเกตว่าซูจือเนี่ยนไม่แตะต้องน้ำแกงกับอาหารที่เธอทำสักนิดเดียว เขากินแต่อาหารที่มารดาตนเองทำเท่านั้น
ป้าซูก็สังเกตเห็นเช่นกัน จึงถามว่าทำไมไม่ลองชิมน้ำแกงดูบ้าง พอเห็นเขานิ่งเฉย เธอจึงคีบเนื้อตุ๋นฝีมือซ่งชิงชุนขึ้นมาใส่ลงในจานข้าวของเขา พร้อมเอ่ยว่า “ฝีมือชิงชุนนะ กินหน่อยซี ใช้ได้ทีเดียว”
ซูจือเนี่ยนพยักหน้านิดๆ แล้วกินอาหารต่อ ครั้นกินเสร็จ ซ่งชิงชุนก็เห็นชัดเจนว่าเนื้อชิ้นนั้นยังอยู่ในจาน ซูจือเนี่ยนเห็นสายตาที่มองมาของซ่งชิงชุน เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าเธอเห็นเขาแล้วจึงใช้ตะเกียบคีบเนื้อชิ้นนั้นทิ้งลงถังขยะ
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ซ่งชิงชุนจ้องมองเนื้อเจ้ากรรมในถังขยะ มือกำชายเสื้อตัวเองแน่น เขาเคยพูดว่า นอกจากศพของเธอแล้ว ชาตินี้เขาจะไม่ขอพบเธออีก
ณ ตอนนี้เธอผ่านจุดนั้นมา และได้พบเขาแล้วอีกครั้ง แม้เขาจะสร้างกำแพงหนาปึกกีดกั้นเธอไว้ก็ตาม
เดิมทีซ่งชิงชุนกะว่าหลังมื้อเย็น เธอจะหาโอกาสไปคุยข้อเสนอทางธุรกิจกับเขา ยามเขาอยู่ลำพังในห้องนอน เธอคิดว่าอย่างน้อยมีป้าซูอยู่ด้วย เขาคงอดทนฟังเธอพูดบ้าง
ทว่าเหมือนเขาจะรู้เท่าทันแผนเธอ เพราะหลังรับประทานอาหารเสร็จ เขาปักหลักนั่งดูทีวีกับมารดาในห้องนั่งเล่น
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยผ่านไปจนถึงสามทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาที่ซ่งชิงชุนสมควรกลับบ้านแล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้อยู่ประจันหน้ากับซูจือเนี่ยน เธอไม่อยากพลาดโอกาสอันดีงามเช่นนี้ไป
ซ่งชิงชุนอึกอักกำลังจะขอคุยกับซูจือเนี่ยนสักครู่ แต่จู่ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้น หยิบโทรศัพท์มือถือ เดินออกไปคุยที่นอกระเบียง
เป็นการคุยโทรศัพท์ยาวนานมาก จนกระทั่งสี่ทุ่มครึ่งแล้วเขาก็ยังคุยไม่จบ
ป้าซูหาวอย่างไม่ปิดบัง ถึงแม้จะยังไม่อยากกลับ แต่ซ่งชิงชุนรู้ดีว่าเวลาล่วงเลยมานานเกินไปแล้ว เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอลากลับ สีหน้าเธอฉายแววผิดหวังอย่างชัดเจน “ป้าซูคะ ดึกแล้ว หนูขอกลับก่อนนะคะ”
“ค่ำมืดดึกดื่นแล้วจะกลับคนเดียวได้ยังไง มันไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง รอก่อนนะ เดี๋ยวจือเนี่ยนก็จะกลับเข้าเมือง ป้าจะให้เขาพาหนู...” ก่อนป้าซูจะพูดจบ ซูจือเนี่ยนผู้ซึ่งคุยโทรศัพท์อยู่ ก็เหลียวกลับมาอย่างทันควัน ยกมือปิดส่วนล่างของโทรศัพท์ไว้ และเอ่ยขึ้นมาอย่างเยือกเย็นว่า “คืนนี้ ผมไม่กลับเข้าเมืองครับ”