ตอนที่ 44
ตอนที่ 44 ร้อยวันของการอยู่ด้วยกัน (4)
หลังจากผ่านไปหนึ่งหรือสองอึดใจ ซูจือเนี่ยนที่เหมือนลืมไปว่าตนเองพูดตอบเลขาไปแล้ว ก็พูดตอบรับอีกครั้ง ทว่าจู่ๆ ร่างเขาก็เกร็งขึ้น ก่อนจะหันหลังกลับแล้ววิ่งออกไปจากออฟฟิศ
เลขาของเขาพยายามวิ่งตามให้เร็วที่สุด แต่เมื่อเธอออกจากออฟฟิศของเขา ก็เห็นซูจือเนี่ยนหยุดอยู่ตรงทางเดิน
“ประธานซูคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เลขาถามขึ้น แต่ซูจือเนี่ยนไม่ตอบ เขาดูเหมือนคนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เลขาที่รู้สึกงุนงงจึงเดินเข้าไปหา
การเคลื่อนไหวปุบปับของเธอทำให้ซูจือเนี่ยนรู้สึกตัว ชายหนุ่มรีบลดสายตาลงราวกับกลัวว่าจะมีใครเห็นความอ่อนแอของตน กระนั้นเลขาของเขาก็ยังมองเห็นสีหน้าโหยหาในจังหวะที่เขาก้มหน้าลงไป
เลขาตกใจไปหนึ่งวินาทีเต็ม แต่เมื่อพยายามสังเกตสีหน้าของซูจือเนี่ยนอีกครั้ง ใบหน้าของชายหนุ่มก็กลับมาห่างเหินดังเดิม รังสีแห่งความเย็นชาราวกับน้ำแข็งแผ่ออกมาจากตัวเขา พลอยทำให้อุณหภูมิรอบๆ ลดต่ำลงไปด้วย
เขาหยุดอยู่ตรงนั้นเพียงไม่นาน ก็เริ่มออกเดินไปยังห้องประชุม
เลขายังคงยืนอยู่ที่เดิมหลายวินาที ก่อนก้าวตามเจ้านายใหญ่ให้ทัน ขณะที่จ้องมองแผ่นหลังของเขา จู่ๆ เธอก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเห็นก่อนหน้านี้เป็นความรู้สึกจริงๆ ของเขา หรือเธอแค่คิดไปเอง
หลังจากก้าวเข้าไปในห้องประชุม ซูจือเนี่ยนก็นั่งลงบนเก้าอี้ของตน เอ่ยออกมาเพียงคำเดียวสั้นๆ “เริ่ม”
ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์เริ่มรายงานก่อน บรรดาผู้จัดการฝ่ายต่างๆ ในห้องต่างจ้องมองผลวิเคราะห์ตลาดที่แสดงอยู่บนหน้าจอ และฟังคำอธิบายจากผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์อย่างตั้งอกตั้งใจ
ซูจือเนี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้โดยไม่พูดอะไร ดูเหมือนเขากำลังให้ความสนใจเต็มที่ แต่แท้จริงแล้วจิตใจของเขากลับลอยไปไกล
เขารู้... วันนี้ฉินอี่หนานกลับมาปักกิ่ง เขายังรู้อีกด้วยว่าซ่งชิงชุนจะไปรับหมอนั่นที่สนามบิน...
เขาอยู่ในออฟฟิศตั้งแต่เช้ามืด คอยเงี่ยหูฟังเสียงต่างๆ ที่ดังมาจากข้างนอก เขารู้สึกอื้ออึงไปด้วยเสียงมากมายตลอดทั้งเช้าจนเหมือนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว แต่เขากลับยังไม่ได้ยินเสียงของซ่งชิงชุนเลย
หลังจากวางสายโทรศัพท์ที่โทรมาตอนบ่ายสองครึ่ง เขาก็ลุกขึ้นไปยืนข้างหน้าต่าง พยายามจับเสียงของเธอท่ามกลางเสียงมากมายอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาจับเสียงที่มีเอกลักษณ์ของเธอได้อย่างรวดเร็ว “พี่อี่หนานคะ ตอนนี้มีแค่ร้านอาหารตะวันตกที่เปิดอยู่ ทำไมเราไม่ไปที่นั่นแทนล่ะคะ เราไม่ได้ไปกินร้านนั้นนานแล้วนะ”
“ได้สิ” เขาได้ยินเสียงนุ่มนวลของผู้ชายตอบกลับมา หลังจากไม่ได้ยินเสียงนั้นมานานหลายปี เขากลับบอกได้แม้ได้ยินเพียงแวบเดียว ว่ามันคือเสียงของฉินอี่หนาน
เขายืนปักหลักอยู่ริมหน้าต่างขณะฟังเสียงสองคนนั้นเดินไปที่ร้านอาหาร ได้ยินเสียงพวกเขาสั่งอาหารและแบ่งปันเรื่องราวตลอดสองปีที่ผ่านมา เขารับรู้ถึงความห่วงใยและใส่ใจที่ทั้งคู่มีให้กันและกัน...
เขายืนฟังอยู่อย่างนั้นเกือบชั่วโมง ตั้งใจมากจนไม่รู้ตัวว่าเลขาของเขาเข้ามาเมื่อไร เลขาบอกเขาเรื่องการประชุมอยู่หลายหน แม้แต่ตอนที่เขาเดินออกจากออฟฟิศเพื่อไปห้องประชุม เขาก็ยังคงตั้งใจฟังเสียงการสนทนาของสองคนนั้น เขาได้ยินเธอพูดว่า “พี่อี่หนาน เราไม่ได้เจอกันนานเลย พี่คิดถึงฉันไหมคะ”
“ต้องคิดถึงอยู่แล้วสิ” ฉินอี่หนานตอบกลับทันที
หลังจากนิ่งงันไปครู่ ซ่งชิงชุนก็เสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลว่า “ฉันก็คิดถึงพี่ค่ะ พี่อี่หนาน”