ตอนที่ 9
ธนิดายังไม่รู้เรื่องผีนวลทิพย์ถูกอาจารย์สมิงจับตัว ร่ำไห้กับอกอติรุจที่กอดปลอบไม่ห่าง
“ใจเย็นๆนะ ไอ้หมวดออกตามล่าคนร้ายแล้วเราต้องได้ของกลับคืนมา”
“รวมกันเป็นร้อยล้าน คุณน้าสั่งทำไว้ให้เป็นทุนของทิพย์พิมานในวันหน้า...โธ่...”
“คุณน้ากับบริวารจะต้องตามกลับมาคืนให้ได้”
อาจารย์สมิงใช้ตะกรุดที่ทวงคืนจากพวกพิชิตมาจับตัวผีนวลทิพย์ไปได้ พิชิตกับม่านฟ้าเลยได้ครอบครองเครื่องเพชรที่ปล้นมาสมใจ เหล่าตุ๊กตาผีจะขัดขวางแต่ถูกอาจารย์สมิงเล่นงานจนต้องหนีไปอยู่ในตุ๊กตาหยก
คมสันตามรอยพวกคนร้ายจนรวบตัวได้หมดและเค้นคอจนรับสารภาพว่าพิชิตเป็นผู้ว่าจ้าง พิชิตยังไม่รู้ตัวว่าถูกซัดทอดมัวย่ามใจที่ได้เครื่องเพชร ม่านฟ้าลอบยิ้มร้ายก่อนทำเป็นตกใจเมื่อรถถูกดักปล้นระหว่างทาง
ธงมือขวาคนสนิทของเริงวุฒินั่นเองที่ยกพวกมาดักปล้นเครื่องเพชรจากพิชิตตามแผนตลบหลังของม่านฟ้าและเริงวุฒิ พิชิตขัดขืนจะไม่ยอมแต่ม่านฟ้าก็ตีบทแตกคร่ำครวญกลัวตายจนเขาต้องยอมแบบเสียไม่ได้
ooooooo
พิชิตแค้นมากที่ถูกดักปล้นกลางทาง อยากอาละวาดเต็มแก่แต่ออกอาการไม่ได้เพราะปล้นเครื่องเพชรมาจากธนิดาอีกที ธนิดายังไม่รู้ว่าเครื่องเพชรถูกเปลี่ยนมือมัวนั่งเศร้ากับอติรุจที่โรงพัก
“ทิพย์พิมานไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
“เหลือสิ...ทิพย์พิมานยังมีนิด มีพนักงานทุกคน นิดยังมีพี่...”
อติรุจปลอบประโลมเสียงอ่อน ธนิดาเสียกำลังใจมากโผกอดเขาแน่น
“ชื่อเสียงของทิพย์พิมานป่นปี้หมดแล้ว เครื่องเพชรหลายร้อยล้านที่คุณน้าเก็บไว้ให้เป็นทุนก็ถูกปล้น”
คมสันกลับจากสำรวจที่เกิดเหตุ เห็นสภาพเจ้าทุกข์อย่างธนิดาก็ถอนใจเบาๆก่อนรายงานสถานการณ์เรื่องคนร้ายถูกจับทั้งหมด เขาจะกันบางคนเป็นพยานและนำเครื่องเพชรมาคืนให้ได้
ธนิดาเบาใจขึ้น ก่อนมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อคิดถึงพิชิต
“แล้วคุณพิชิตล่ะคะ...ติดต่อได้ไหม”
อติรุจเบ้หน้าโพล่งเซ็งๆ “ผมว่าต้องเป็นมันน่ะแหละ”
คมสันรีบบอก “สายรายงานว่าเห็นรถของพิชิต กำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน”
“งั้นเราก็ไปกันสิ...นิดอยากเห็นหน้าไอ้โจรห้าร้อยเต็มทีแล้ว”
ธนิดาบอกพลางขยับตัว แตะจี้หยกที่คอเพื่อสื่อสารกับผีนวลทิพย์เหมือนเคยแต่ติดต่อไม่ได้ กระนั้นเธอก็ไม่มีเวลาคิดมากเพราะสำคัญตอนนี้คือตามหาเครื่องเพชรที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย...
ขณะที่พวกธนิดาตามหาเบาะแสเรื่องเครื่องเพชรถูกปล้น พิชิตหัวเสียมากที่ทุกอย่างผิดแผน ฮึดฮัดกับม่านฟ้า
“อาจารย์สมิงอุตส่าห์กำจัดทิพย์ได้ แต่เพชรดันถูกปล้นไปต่อหน้าต่อตา เจ็บใจนัก! ต้องเป็นมึงแน่ไอ้เริงวุฒิ”










