ตอนที่ 84
บทที่ 84 ได้มาง่ายแล้วยังอวดดีอีก
เฉินเมิ่งฉีทำเป็นเหมือนไม่ตั้งใจพูดว่าพี่ชายเธอชอบเล่นพนัน ในน้ำเสียงที่ฟังดูจริงใจนั้นเห็นได้ชัดว่าแสดงออกถึงความเหนือกว่า
ฟังคำพูดนี้ หัวใจเยี่ยหวั่นหวันเลือดสูบฉีดเป็นจังหวะ ในลำคอยิ่งรู้สึกทั้งหวานทั้งคาว
ปีนั้นเฉินหงปินยังเป็นแค่ผู้ติดตามของพ่อเธอเอง ส่วนพี่ชายเธอที่อวดดีจองหองนั้น ตอนนั้นกลับต้องมาทำงานหนักเหมือนวัวเหมือนควายให้กับตระกูลเมิ่ง
เขายังคิดว่าตัวเองยอมเสียสละเพราะความรักอีก ยินยอมขายชีวิตให้ตระกูลเมิ่ง หาศิลปินจำนวนมากให้ตระกูลเมิ่ง
เพราะได้ประโยชน์จากซือเย่หาน แล้วยังมีราชินีในวงการหนังระดับนานาชาติอย่างเจียงเยียนหรานอีก อีกทั้งพี่ชายยังถูกคนในวงการขนานนามว่าเป็น “นักปั้นมือทอง” เป็นนักวางแผนภาพลักษณ์เหรียญทอง บริษัทของตระกูลเมิ่งเลยนับวันยิ่งเจริญขึ้น เจ็ดปีให้หลังสามารถขึ้นมาเทียบเท่ากับตระกูลเยี่ยในวงการบันเทิงได้เลย
ส่วนพี่ชายล่ะ เพื่อที่จะได้แต่งงานกับเฉินเมิ่งฉี อายุยังน้อยอยู่ก็ทำงานหนักจนป่วย สุดท้ายร่างกายพัง ผลตอบแทนที่ถูกใช้ประโยชน์คือโดนบีบ ตอนหลังโดนตระกูลเมิ่งถีบออกไป เพื่อไม่ให้ตระกูลเมิ่งตกเป็นขี้ปากคนอื่น เลยให้เหล่าศิลปินใส่ความว่าเขาไม่ทำตามกฎเกณฑ์ของบริษัทศิลปิน ทำจนชื่อเสียงเขาพับป่นปี้ โดนทั้งวงการแบน สิ้นหวังจนทำร้ายตัวเอง...
ตอนนี้เธอสามารถทำให้เจียงเยียนหรานเห็นธาตุแท้ของเฉินเมิ่งฉีแล้ว แต่กลับยังไม่สามารถทำให้พี่ชายตัวเองตาสว่างได้
ตอนนั้นพี่ชายเป็นคนมีความสามารถไม่ธรรมดาเลย รอบตัวมีผู้หญิงมากมาย แต่รักเดียวใจเดียว ไม่รู้ว่าเปลี่ยนแฟนมาแล้วกี่คน แต่กลับยังฝังใจอยู่กับเฉินเมิ่งฉี เห็นเฉินเมิ่งฉีเป็นคนที่ยังไงก็ไม่วันลืม รักเหมือนดั่งแก้วตาดวงใจ ทำดีมากกว่าน้องสาวตัวเองคนนี้อีก
ด้วยความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับพี่ชายเธอตอนนี้ โพล่งไปบอกว่าเฉินเมิ่งฉีไม่ดี อย่าว่าแต่เขาจะไม่เชื่อเลย ยังทำให้ความสัมพันธ์พี่น้องของพวกเขายิ่งแย่ลงกว่าเดิมอีก
นอกจากจะสามารถจัดการเฉินเมิ่งฉีได้ในครั้งเดียว มีหลักฐานที่ทำให้พี่ชายเห็นธาตุแท้ของเฉินเมิ่งฉีชัดเจน ถึงจะสามารถดึงพี่ชายกลับมาได้
แต่ว่า ไม่เป็นไร ค่อยเป็นค่อยไป เรื่องเจียงเยียนหรานนั่นแค่เริ่มต้นเท่านั้น!
มองดูท่าทางเฉินเมิ่งฉีที่เหมือนทำทานอยู่ เยี่ยหวั่นหวันแกล้งทำเป็นตกใจพูด “พี่ชายฉันอยู่ในวงการเป็นถึงนักปั้นมือทอง เป็นราชาแห่งการสร้างภาพลักษณ์ พอหวงเทียนล้ม หวนฉีคู่แข่งก็มาซื้อตัวเขา เขายังไม่ไปเลย คิดไม่ถึงว่าเธอแค่พูดไม่กี่คำเขาก็ไปแล้ว!”
ถึงแม้ว่าเจ็ดปีหลังนี้บริษัทจวี๋ซิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ของตระกูลเมิ่งจะได้เปรียบบริษัทหวนฉิว เทียบเท่ากับหวงเทียนของตระกูลเยี่ย แต่ตอนนี้บริษัทของตระกูลเมิ่งก็ยังไม่แกร่งเท่าบริษัทสองยักษ์ใหญ่ของวงการบันเทิง
พอคำพูดนี้ออกไป พวกผู้หญิงที่มุงดูอยู่ก็เริ่มคิดตามคำพูดโน้มน้าวของเยี่ยหวันหวันโดยอัตโนมัติ ถ้าบอกว่าเฉินเมิ่งฉีกับเยี่ยมู่ฝานไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน แล้วทำไมเยี่ยมู่ฝานถึงเชื่อฟังเธอขนาดนั้น ยอมทิ้งเบอร์หนึ่ง เบอร์สองของวงการไปหาจวี๋ซิง?
อีกทั้งคำพูดนี้ของเยี่ยหวั่นหวันบอกเป็นนัยอย่างชัดเจนว่าพวกเขาตระกูลเมิ่งนั้นได้มาง่ายแล้วยังอวดดีอีก
สีหน้าเฉินเมิ่งฉีเปลี่ยนเล็กน้อย ฝืนยิ้มแล้วพูด “ยังไงฉันกับพี่มู่ฝานก็รู้จักกันมานานแล้วสนิทกันมาก เขาเชื่อคำพูดฉัน ถึงแม้ว่าจวี๋ซิงจะไม่ใหญ่เท่าหวนฉิว แต่ก็มีศักยภาพ โอกาสที่จะพัฒนามีเยอะมาก ถึงแม้พี่มู่ฝานจะเก่งมาก แต่เธอก็รู้เรื่องพ่อเธอ... เวลานี้ไม่เหมือนกับแต่ก่อน อยู่บริษัทใหญ่สบายที่ไหน... เฮ้อ หวั่นหวัน ฉันกลับไปค่อยคุยกับเธอดีกว่า ฉันรู้สึกไม่ค่อยวางใจเยียนหราน ไปหาเธอก่อนดีกว่า!”
ทำไมเฉินเมิ่องฉีจะคิดไม่ได้ วันนี้เยี่ยหวั่นหวันเซ้าซี้ขนาดนี้ ทำเธอแทบไม่มีพื้นที่ตอบโต้ต่อหน้าทุกครั้งหลายครั้งขนาดนี้
เฉินเมิ่งฉีรีบหาข้ออ้างเดินออกไป เพื่อกันไม่ให้เธอพูดอะไรที่ตัวเองไม่สามารถตอบโต้ได้