ตอนที่ 56
บทที่ 56 คู่รักหนุ่มสาวจูงมือกัน
ขณะที่ซือเยี่ยหานและเยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะถึงประตูใหญ่ คุณหญิงย่าก็ได้รับรายงานจากคนรับใช้เรียบร้อยแล้ว เวลานี้กำลังเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องรับแขกอย่างกระวนกระวายใจ
เธอได้ทำความเข้าใจสถานการณ์ของเด็กผู้หญิงคนนั้นจากสวี่อี้มาบ้างแล้ว บอกว่ายังอยู่มัธยมปีที่หก ตอนแรกที่ได้ยินทำเอาเธอตกใจสะดุ้งโหยง แต่ว่ายังดีที่แม้จะเด็กไปนิด แต่ก็บรรลุนิติภาวะแล้ว
เพียงแต่ชาติตระกูลของเด็กสาวไม่ค่อยดีนัก เทียบกับตระกูลซือแล้วต่างกันราวฟ้ากับเหว
แต่ขอเพียงเสี่ยวจิ่วชอบ เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนไม่ใช่ปัญหา ที่สำคัญที่สุดคือยังต้องดูนิสัยใจคอของเด็กสาว จริงใจต่อเสี่ยวจิ่วหรือไม่
ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอก คุณหญิงย่ารีบไปมองที่ประตูทันที
เห็นผู้ดูแลเดินอยู่ข้างหน้า มีอีกสองคนเดินตามอยู่ข้างหลัง หลานของเธอยังทำหน้าตึงราวน้ำแข็งสลักอยู่เหมือนเดิม มีกระเป๋าหนังสือสีฟ้าขาวสะพายอยู่ที่ไหล่
ใบหน้าเล็กของเด็กสาวสะอาดสะอ้านกระจ่างใสราวลูกพีช เส้นผมสีดำมัดเป็นหางม้า สวมเครื่องแบบนักเรียนของโรงเรียนชิงเหอ ดูเรียบร้อยว่าง่ายเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นเป็นต้องหลงรัก
สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจด้วยความยินดีที่สุดคือ ทั้งสองเดินจูงมือกันเข้ามาอย่างที่เธอคาดไม่ถึง
เธอรู้จักนิสัยของเสี่ยวจิ่วดี ผู้หญิงทั่วไปล้วนไม่สามารถเข้าใกล้เขาในระยะสามก้าวได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแตะต้องเขาเลย
แต่ว่าตอนนี้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนจูงมือเด็กสาวด้วยตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ สายตาของคุณหญิงย่าที่มองเยี่ยหวันหวั่นยิ่งมีความพึงพอใจมากขึ้นภายในพริบตา
ซือเยี่ยหานเดินนำเยี่ยหวันหวั่นมาถึงด้านหน้าคุณหญิงย่า “ย่าครับ”
คุณหญิงย่ากระพริบตามองเยี่ยหวันหวั่น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความรักและความเมตตา น้ำเสียงใจดีอย่างที่สุดราวกับกลัวว่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามตกใจ “หนูคนนี้คือเยี่ยหวันหวั่นสินะ รีบมาหาย่าเร็วเข้า”
เยี่ยหวันหวั่นมองซือเยี่ยหานทีหนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปหาคุณหญิงย่าอย่างว่าง่าย “สวัสดีค่ะ คุณย่า!”
“เด็กดี” คุณหญิงย่าตอบรับด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองดูถุงน้อยใหญ่ข้างหลังในมือสวี่อี้ จึงเอ่ยขึ้นด้วยความเอ็นดู “เหนื่อยเลยสินะ บอกว่าคนมาก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาของขวัญอะไรมาหรอก”
ปากพูดไปเช่นนี้ แต่ว่าน้ำเสียงกลับดีใจมาก
แม้ว่าในบ้านจะไม่ขาดเหลืออะไร แต่ในเมื่อนี่เป็นของที่ว่าที่หลานสะใภ้ในอนาคตเป็นคนให้ จะมีความหมายเหมือนกันได้อย่างไร
“คุณหญิงย่าคะ อาหารเย็นพร้อมแล้วค่ะ” เวลานี้เอง คนรับใช้ในห้องครัวมารายงานให้ทราบ
“พวกหลายมาได้เวลาพอดีเลย ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ พวกเรากินไปคุยไป ที่บ้านไม่มีพิธีรีตรองอะไรมากนักหรอก เอาตามสะดวกก็พอ” คุณหญิงย่ากลัวเยี่ยหวันหวั่นจะเกร็งมากเกินไป จึงตั้งใจพูดขึ้นมา แล้วจูงมือเยี่ยหวันหวั่นไปทางโต๊ะอาหารอย่างเป็นมิตร แม้แต่หลานชายยังทิ้งไว้ที่ด้านหลัง
ซือเยี่ยหานส่งกระเป๋าหนังสือให้ผู้ดูแลอาวุโส แล้วสาวเท้ายาวก้าวใหญ่ไปทางโต๊ะอาหาร
ตอนนี้คุณหญิงย่าพูดคุยกับเยี่ยหวันหวั่นอย่างสนิทสนมแล้ว “หวันหวั่น เรียน ม. 6 เหนื่อยไหม? มาที่นี่ทำให้หนูเสียเวลาเรียนหรือเปล่า?”
ท่าทางสนิทสนมใจดีของคุณย่าซือทำให้เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย ดูเบื้องต้นแล้ว ความประทับใจแรกที่เธอมีต่อคุณย่าคงจะไม่เลวเลย
เยี่ยหวันหวั่นส่ายศีรษะ “ไม่เลยค่ะ วันเสาร์อาทิตย์เป็นวันหยุดค่ะ”
“เจ้าเสี่ยวจิ่วหลานคนนี้ มีแฟนแล้วไม่บอกย่าสักคำ หลายวันก่อนย่าเห็นเขาดูโทรศัพท์มือถือแอบยิ้มอยู่คนเดียว ก็เลยถามเขาว่าดูอะไรอยู่ เขาบอกว่ากำลังดูข้อความของแฟน
ย่าก็เลยได้รู้ ไม่รู้ว่าเขาไปมีแฟนตั้งแต่ตอนไหน ตอนนั้นทำเอาย่าตกใจ ถึงได้เร่งให้เขาพากลับมาให้ย่าเจอสักหน่อย” คุณย่าพูด มองหลานชายพลางบ่น
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินคุณย่าบอกเรื่องที่คาดไม่ถึงอย่างซือเยี่ยหานอ่านข้อความของเธอไปยิ้มไป ใบหน้าของเธอจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จินตนาการภาพในตอนนั้นไม่ออกจริงๆ