ตอนที่ 41
บทที่ 41 หน้าตาสวยเป็นความผิดของฉันด้วยเหรอ?
เยี่ยหวันหวั่นชื่นชมใบหน้าเรียวเล็กของตัวเองในกระจก ต่อให้ดูอย่างไรก็ดูดี จึงเหล่สายตามองเธอทีหนึ่ง “หน้าตาสวยเป็นความผิดของฉันเหรอ?”
เฉินเมิ่งฉีพลันสะอึกไป “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพียงแต่อยากเตือนให้เธอระวังหน่อย อดทนมาได้ตั้งนานขนาดนี้ อย่ามาตกม้าตายตอนสุดท้าย ไม่ง่ายเลยกว่าที่ปีศาจร้ายคนนั้นจะหมดความสนใจในตัวเธอ ยอมปล่อยให้เธอออกมาจากสวนจิ่นหยวนได้ หากได้เห็นว่าเธอสวยขนาดนี้ แล้วเกิดสนใจเธอขึ้นมาอีกจะทำอย่างไร?”
เฮอะๆ นังปีศาจร้าย...
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินคำพูดของเฉินเมิ่งฉี มือเท้าคางบ่นพึมพำ “ซือเยี่ยหานไม่สนใจแม้ว่าฉันจะมีสภาพน่าเกลียดขนาดนั้น บางทีเขาอาจจะรักฉันจริงๆ ก็ได้?”
เฉินเมิ่งฉีรีบพูดโพล่งออกมา “จะเป็นไปได้อย่างไร นั่นมันปีศาจร้ายที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ทั้งยังชอบทรมานผู้หญิงโดยเฉพาะ เรียกว่าเป็นพวกโรคจิตเลยก็ว่าได้ เธอแค่โชคร้ายถูกเขาเลือกก็เท่านั้น สองปีมานี้เขาทำอะไรกับเธอบ้าง หรือว่าเธอลืมไปหมดแล้ว?”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “อ้อ แบบนี้ก็...”
ไม่รู้ว่าซือเยี่ยหานได้ยินเฉินเมิ่งฉีวิจารณ์เขาขนาดนี้จะรู้สึกอย่างไรบ้าง?
หึ เธอในชาติก่อนโง่เขลาให้เฉินเมิ่งฉีหลอกใช้ ไม่เพียงสร้างโอกาสให้เธอได้ใกล้ชิดซือเยี่ยหานไม่รู้กี่ครั้ง ชมเธอต่อหน้าซือเยี่ยหาน และเพื่อเฉินเมิ่งฉีแล้ว เธอได้แสวงหาผลประโยชน์ต่อหน้าซือเยี่ยหานให้กับเฉินเมิ่งฉี และตระกูลเฉินไปไม่น้อยเลย
อย่างไรตระกูลซือก็ยิ่งใหญ่เหมือนสัตว์ใหญ่มหึมา เพียงแค่ช่วยเหลือเพียงเศษผง ก็ทำให้ตระกูลเฉินเลื่อนตำแหน่งก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ด
เป็นเพราะเยี่ยหวันหวั่นช่วยพูดกับซือเยี่ยหานให้ช่วยเหลือตระกูลเฉิน ต่อมาทั้งตระกูลเฉินก็ได้เฉิดฉาย จากบริษัทขนาดเล็กมากได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มบริษัททุนจดทะเบียน ผงาดขึ้นมาเป็นบริษัทชื่อดังของเมืองหลวง
ชาตินี้ยังคิดจะเหยียบหัวเธอเพื่อผงาดขึ้นไปอีก ถึงขั้นอยากจะครอบครองตำแหน่งนายหญิงซือ? ฝันหวานเกินไปแล้ว!
เฉินเมิ่งฉีไม่รู้ความคิดในเวลานี้ของเยี่ยหวันหวั่นเลยสักนิด จึงเกิดความกลัวว่าเยี่ยหวันหวั่นจะมีใจให้กับซือเยี่ยหาน รีบดึงไม้ตายกู้เยว่เจ๋อออกมาใช้ “หวันหวั่น เธอกำลังโกรธคุณชายกู้อยู่ใชไหม? ความจริงถ้าให้ฉันพูดนะ ครั้งก่อนไม่ใช่ความผิดของคุณชายกู้ แต่เป็นเพราะเธอที่ใจร้อนเกินไป หากว่าตอนนั้นเธอหนีไปกับคุณชายกู้ หลังจากนั้นค่อยอธิบายให้เขาเข้าใจว่าเธอโดนบังคับ ไม่แน่พวกเธออาจจะได้อยู่ด้วยกันไปแล้วก็ได้
แต่ผลสุดท้ายเธอกลับเล่นตัวไม่ยอมหนีไปกับเขา ทำให้ความพยายามของฉันต้องสูญเปล่า ทั้งต้องช่วยเธอติดต่อกับคุณชายกู้ ทั้งยังช่วยเธอดึงความสนใจจากพวกลูกน้องที่สวนจิ่นหยวนอีก”
เยี่ยหวันหวั่นได้ฟังแล้วก็ทอดถอนใจ แสร้งทำเป็นเสียดายเอ่ยไปว่า “เมิ่งฉี ฉันรู้ว่าเธอก็เป็นห่วงฉัน เป็นเธอที่เสนอความคิดให้ฉันแต่งตัวอัปลักษณ์เพื่อหลบหลีกจากซือเยี่ยหาน เป็นเธอที่คอยช่วยฉันคิดหาวิธีหลบหนี และก็เป็นเธอที่คอยช่วยฉันติดต่อกับกู้เยว่เจ๋อ...”
เฉินเมิ่งฉีเห็นว่าเยี่ยหวันหวั่นยังคงโง่เขลาเช่นนั้นตามที่คิด นัยน์ตาฉายแววเย้ยหยัน ทว่าบนใบหน้ากลับเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ “หวันหวั่น เธอเป็นเพื่อนรักของฉันนะ ไม่ให้ฉันช่วยเธอแล้วจะให้ฉันช่วยใคร ดังนั้นเธอต้องฟังที่ฉันพูด เธอเลิกงอนคุณชายกู้ได้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เธอจะห่างจากสวนจิ่นหยวนมาได้ ควรจะคว้าโอกาสนี้ไปหาคุณชายกู้ซะนะ ไม่อย่างนั้นหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป แล้วเมื่อไรเธอจะตามคุณชายกู้ให้กลับมาได้!”
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองไปทางห้องน้ำเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างเนิบช้า “ใครบอกว่าฉันจะตามเขากลับมาเหรอ?”
เฉินเมิ่งฉีได้ยินก็ตกตะลึง คิ้วขมวดย่นพูดไปว่า “คุณชายกู้เป็นคู่หมั้นของเธอแท้ๆ แต่กลับถูกพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของเธอแย่งไป เธอต้องแย่งกลับมาอยู่แล้วสิ หรือว่าเธออยากยอมแพ้แล้ว? เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่เท่ากับยอมให้เยี่ยอีอีผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นเอาเปรียบเหรอ!”
เยี่ยหวันหวั่นมองท่าทางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของเฉินเมิ่งฉีด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ลูบเบาๆ ไปที่คิ้วของตัวเองในกระจก เอ่ยอย่างใจเย็น “รองเท้าเก่าที่ฉันทิ้งไปแล้ว จะเก็บกลับมาทำไม? มันจำเป็นด้วยเหรอ? หากเยี่ยอีอีรู้สึกว่าตัวเองได้เปรียบฉัน เช่นนั้นก็ปล่อยให้เธอคิดแบบนั้นไปเถอะ”