ตอนที่ 29
บทที่ 29 คุยโม้จนตัวแตก
ท่ามกลางเสียงหัวเราะครื้นเครง สีหน้าของเหลียงลี่หวากลับยิ่งตึงเครียด “เยี่ยหวันหวั่น เธอเลิกพูดจาเล่นลิ้นกับฉันที่นี่สักที ตอนนี้กลัวแล้วสินะ เสียใจขึ้นมาแล้วสิ มันสายเกินไปแล้ว! ชิงเหอเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมาร้อยปี มีลูกศิษย์ของชิงเหอคนไหนบ้างที่จบไปแล้วไม่ได้โดดเด่นในกลุ่มคนหรือเป็นเสาหลักของสังคม ส่วนเศษขยะมดปลวกของสังคมอย่างเธอ มีแต่จะสร้างความอัปยศให้กับชิงเหอ
หากว่าเธอยังมีความละอายใจเหลืออยู่บ้าง ก็รีบเก็บข้าวของออกไปซะ อย่ามาก่อกวนปั่นป่วนอีกเลย หรือว่าเธออยากให้ฉันโทรเรียกพ่อแม่ที่ตัดขาดความสัมพันธ์กับเธอโดยสิ้นเชิงมาพาตัวออกไปจากโรงเรียน?”
ตอนที่พูดถึงพ่อแม่ของเยี่ยหวันหวั่น เหลียงลี่หวาตั้งใจลากเสียงยาว ใบหน้าเปี่ยมด้วยการเย้ยหยันและความรังเกียจ
เมื่อได้ยินว่า ‘ตัดขาดความสัมพันธ์โดยสิ้นเชิง’ รูม่านตาของเยี่ยหวันหวั่นหดลงทันที
นี่เป็นเรื่องที่เธอหลบเลี่ยงไม่กล้าเผชิญหน้าที่สุดตั้งแต่ได้เกิดใหม่มา
ชาติก่อน เธอโยนความผิดเรื่องที่ตนเองไม่อาจใช้ชีวิตกับกู้เยว่เจ๋อให้พ่อกับแม่ทั้งหมด ทะเลาะกับพวกเขาไม่ว่างเว้น พูดวาจาล่วงเกินไปนับครั้งไม่ถ้วน ทำเรื่องร้ายแรงทำร้ายจิตใจพวกเขาสารพัด สุดท้ายประกาศตัดขาดความสัมพันธ์อย่างสิ้นเชิงกับพวกเขา ไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้ามายุ่งวุ่นวายกับตนไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ทำเช่นนี้เพราะเธออยากจะกำจัด ‘จุดด่าง’ ทั้งหมดบนตัว เพื่อที่จะให้กู้เยว่เจ๋อมองเธอสักครั้ง...
โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า พ่อแม่ที่ช่วยปกปิดความจริงให้กับเธอไม่น้อย ต้องแบกรับภัยพิบัติไปมากมายเท่าไร...
หลังจากได้เกิดใหม่ คนที่เธออยากไปพบหน้าให้เร็วที่สุด ก็คือพ่อแม่และพี่ชาย
แต่ว่าเธอไม่กล้า และเธอทำไม่ได้ด้วย
เธอในตอนนี้ไม่มีคุณสมบัตินั้น และก็ไม่มีหน้าไปพบพวกเขา
เห็นเยี่ยหวันหวั่นยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น ยังคงนิ่งไม่ขยับตัว เหลียงลี่หวาตบโต๊ะด้วยความโมโหสุดขีด “เยี่ยหวันหวั่น! เธอเลิกท้าทายขีดความอดทนของฉันสักที!”
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ เอ่ยยืนกรานโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “อาจารย์คะ หนูก็แค่เสนอคำขอที่ชอบธรรมเท่านั้น”
เหลียงลี่หวาสูดลมหายใจลึก พยายามข่มเพลิงโกรธเอาไว้ เอ่ยไปว่า “ได้! จะดูคะแนนของเธอใช่ไหม ฉันจะหากระดาษคำตอบของเธอตอนนี้เลย ฉันว่าเธอคงเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”
นักเรียนด้านล่างเห็นเหตุการณ์นี้ต่างก็หมดคำจะพูด...
“ยัยตัวประหลาดนี่มีปัญหาที่สมองหรือเปล่า ตัวเองสอบได้กี่คะแนนไม่ใช่ว่ารู้อยู่แก่ใจดีหรอกเหรอ?”
“อยากจะสร้างความอัปยศให้ตัวเองอีก”
“เรียกร้องความสนใจล่ะมั้ง! ตัวประหลาดมักจะทำเรื่องประหลาดไง”
……
เมื่อเช้าเหลียงลี่หวาเตรียมจะแจกกระดาษคำตอบทุกวิชาให้กับนักเรียนทุกคน ดังนั้นตอนนี้กระดาษคำตอบทั้งหมดจึงถูกยกมาหมดแล้ว
กระดาษคำตอบแรกที่เธอหยิบมาคือวิชาคณิตศาสตร์
หลังจากพลิกหากระดาษคำตอบวิชาคณิตศาสตร์ของเยี่ยหวันหวั่นเจอ เหลียงลี่หวาพลันมีใบหน้ายิ้มเย็น หยิบกระดาษคำตอบขึ้นมาเปิดต่อหน้านักเรียนทุกคน “คณิตศาสตร์ 0 คะแนน เยี่ยหวันหวั่น นี่เป็นคะแนนสอบที่เธออยากให้ฉันดูมากอย่างนั้นเหรอ? ยังจะได้ที่หนึ่งของชั้นเรียนอีกไหม?”
กระดาษคำตอบวิชาคณิตศาสตร์ของเยี่ยหวันหวั่นว่างเปล่า นอกจากเขียนชื่อแล้ว ก็ไม่มีคำตอบเลยสักข้อ บนช่องใส่คะแนนมีเลขศูนย์ตัวโตเขียนไว้บาดตาเป็นพิเศษ
“ฮ่ะฮ่าฮ่า ยัยประหลาดนั่นได้ 0 คะแนนจริงๆ ด้วย”
“ตบหน้าได้เสียงดังมาก วิชาเลขยังได้ 0 คะแนนแล้วจะสอบได้ที่หนึ่งของชั้นเรียนยังไงกัน? คุยโม้จนตัวแตกเลยสิท่า!”
“ที่หนึ่ง สอบได้ที่หนึ่งจากอันดับสุดท้ายล่ะสิไม่ว่า”
เยี่ยหวันหวั่นยังคงเอ่ยหน้าตาเฉย เหมือนกับไม่ได้ยินถ้อยคำเสียดสีจากคนโดยรอบ “ยังมีวิชาภาษาจีน สังคม และภาษาอังกฤษ”
เธอจำได้ว่าข้อสอบวิชาเลขครั้งนี้ยากถึงระดับพิสดาร คะแนนของทุกคนต่ำหมด โดยทั่วไปไม่สามารถฉุดคะแนนได้มากขนาดนั้น ดังนั้นหากว่าวิชาอื่นๆ เธอสอบได้คะแนนสูงมาก ต่อให้จะได้ศูนย์วิชาเลข ถึงจะคว้าที่หนึ่งของโรงเรียนไม่ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสอบได้ที่หนึ่งของชั้นเรียน