ตอนที่ 7
ตอนที่ 7 คนอื่นเป็นขยะเมื่อเทียบกับนักเรียนอัจฉริยะ
ในที่สุดเหตุผลก็เอาชนะความโลภ ลู่โจวกำจัดความคิดที่ไม่สมจริงทิ้งไป
น้องใหม่ตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการวิทยาศาสตร์ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ไม่ต้องพูดถึงเอกสารจำนวนมากที่อยู่ในวารสารทางวิชาการคณิตศาสตร์จีนระดับต่ำกว่ามาตรฐาน ตราบใดที่เขายังสามารถใช้ภาษาอังกฤษในระดับพอใช้ได้อยู่ เขาอาจเอางานที่ต่ำกว่ามาตรฐานตีพิมพ์ลงวารสารทางวิชาการได้
พฤติกรรมปลอมงานนี้ถูกเปิดโปงโดยบุคคลที่ถูกจัดอันดับในวารสารทางวิชาการที่ต่ำกว่า วารสารทางวิชาการที่ถูกจัดอันดับเป็นอันดับหนึ่งคือคณิตศาสตร์ประยุกต์ AMC มันมีชื่อเสียงในด้านการเผยแพร่งานที่ไม่ได้มาตรฐาน
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นเพียงมหาลัยเดียวที่เผยแพร่วิทยานิพนธ์ลง AMC นับร้อยในเวลาเพียงสี่ปี มันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่จะมีคนเผยแพร่วิทยานิพนธ์ที่ไม่ได้มาตรฐานกว่ายี่สิบเรื่องต่อปี
เพื่อป้องกันคุณภาพทางวิชาการของวิทยานิพนธ์ วารสารทางวิชาการเก่าแก่บางวารสารทางวิชาการมักจะจำกัดวิทยานิพนธ์ที่ถูกตีพิมพ์ประจำปีไม่เกินหนึ่งร้อยวิทยานิพนธ์หรือน้อยกว่านั้นอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม 'วารสารทางวิชาการจวี้อู๋ป้า' อันนี้ไม่สนใจ มันตีพิมพ์วิทยานิพนธ์มากกว่าหนึ่งพันเรื่องในทุกๆ ปี ควบคู่ไปกับปรากฏการณ์แอบอ้างซึ่งกันและกันเพื่อสร้างปัจจัยกระทบให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีบทวิจารณ์ปลอมจำนวนมาก คณะผู้จัดทำวารสารหนึ่งจึงเผยแพร่วิทยานิพนธ์มากกว่าร้อยฉบับ! ถ้าจะพูดให้ทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือ วิทยานิพนธ์หนึ่ง มีข้อมูลอ้างอิงจาก วิทยานิพนธ์สอง แล้วสอง ก็อ้างหนึ่ง อ้างกันไปอ้างกันมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ลู่โจวไม่มั่นใจในการเผยแพร่วิทยานิพนธ์ในวารสารทางวิชาการอื่น แต่สำหรับ AMC...
เขาอาจมั่นใจหรือกล้าพูดด้วยความโอ้อวด
สรุปคือเขารู้สึกว่ามันไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตามมันจะเป็นเรื่องยากถ้าเขาอยากเผยแพร่ค่าประมาณของโจวลงในวารสารทางวิชาการวิทยาศาสตร์ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มันจะถูกลงวารสารทางวิชาการไหม เพราะเขาคงผ่านอย่างง่ายดาย กุญแจสำคัญคือหลังจากตีพิมพ์ไปแล้ว เขาจะทนอยู่จุดนั้นได้ไหม
สุดท้ายลู่โจวก็ยังเลือกภารกิจที่สาม เขาไม่มีแผนใช้ค่าประมาณของโจว แต่เขาวางแผนจะเขียนวิทยานิพนธ์หลอกเพื่อให้ผ่านภารกิจ
ความรู้ด้านคณิตศาสตร์ขั้นสูงและคณิตวิเคราะห์ของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่านักศึกษาปริญญาโทคนอื่นเลย ถ้าเขาอยากเขียนวิทยานิพนธ์ด้วยภาษาอังกฤษระดับสี่ของเขา เขาก็แค่เรียนรู้ศัพท์เทคนิคเพิ่มบางคำ มันไม่มีอะไรที่ดิกชันนารีไม่สามารถแก้ไขได้
เมื่อเทียบกันแล้ว เขาไม่ได้มีเส้นสายหรือความฉลาดทางอารมณ์ EQ ที่จำเป็นพอจะผ่านภารกิจแรก
ส่วนภารกิจที่สอง มหาลัยไม่ได้ให้คลาสฟิสิกส์กับนักศึกษาใหม่ด้วยซ้ำ เขากลัวว่าระบบจะสร้างคำถามฟิสิกส์ระดับมัธยมปลายและมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าระดับความยากมันจะต่ำแค่ไหน นอกจากนี้เขาไม่ได้สนใจระดับฟิสิกส์มากนัก ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ฟิสิกส์ในตอนนี้ ถ้ามันจำเป็นต้องใช้ความรู้ในเรื่องนี้จริงๆ เขาสามารถเรียนรู้มันทีหลังก็ได้
หลังจากลู่โจวเลือกภารกิจ เขาก็ผุดลุกขึ้นยืน เขาฮัมเพลงและเดินตรงไปยังหอพัก
หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน หลิวรุ่ยคงจะเสียสติถ้าลู่โจวไม่ได้กลับมาที่หอพักเร็วๆ นี้
เจ้าหมอนั่นเป็นคนแปลก เขาเป็นคนค่อนข้างใจกว้าง แต่เมื่อพูดถึงการเรียน เขาก็มักจะคนชอบเปรียบเทียบและเห็นแก่ตัวจนคนอื่นพูดไม่ออก เขาจะไล่ล่าคุณสุดถนนถ้าหากคุณแอบดูสมุดโน้ตเขา แถมเขายังจะกลอกตามองบนใส่หากคุณถามคำถามกับเขา ในสายตาของเขา มันเหมือนกับว่าทุกคนบนโลกล้วนแต่เป็นคู่แข่ง สิ่งที่มุ่งหมายไม่ใช่ความสำเร็จทางวิชาการอะไรเทือกนั้น แต่เป็นการถูกยอมรับจากเหล่านักเรียนและบรรดาอาจารย์ของตนเองว่าเขาคือ 'อัจฉริยะ'
คนประเภทนี้ถือเป็นอัจฉริยะได้ไหม?
ลู่โจวคิดว่าไม่
ในสายตาของอัจฉริยะ... คนอื่นล้วนแต่เป็นขยะ ใครจะสนใจว่าคุณจะดูสมุดโน้ตของฉันหรือไม่? คุณรู้เกี่ยวกับค่าประมาณของโจวไหม? ต่อให้มันอยู่ตรงหน้าคุณ คุณก็ไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ!
ลู่โจวยอมรับนับถือคนๆ เดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง
ใช่แล้ว ถูกต้อง
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องคาดเดาด้วยซ้ำ เขากำลังพูดถึงตนเอง
.....
เมื่อเขาเปิดประตูเข้าห้อง มันก็สี่ทุ่มแล้ว
หลิวรุ่ยกำลังถือหนังสือแบบฝึกหัด อีกสองคนไม่ได้อยู่ด้วย พวกเขาอาจกำลังเล่นไพ่อยู่ห้องข้างๆ สือช่างเป็นคนประเภทที่จะตั้งใจฟังในชั้นเรียนเท่านั้น เขาไม่ได้อ่านหนังสือสอบ ส่วนหวงกวงหมิง เขาถูกเรียกว่าเป็นเทพแห่งการเรียน เขาไม่ได้ฟังในชั้นเรียน เขาจะอัดทุกอย่างก่อนสอบและยังทำได้ดีอีกด้วย
ลู่โจวโยนกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วหาบัตรอาบน้ำในลิ้นชัก
ในเวลานั้นเอง หลิวรุ่ยก็วางหนังสือแบบฝึกหัดลงแล้วหันมามองทางลู่โจว
"สหาย ทำไมนายถึงขยันขนาดนี้ล่ะ?"
"ฉันจำเป็นต้องขยัน ฉันไม่ได้แตะหนังสือมาครึ่งเทอม ถ้าฉันไม่เริ่มตอนนี้ มันจะสายเกินไป" ลู่โจวกล่าวก่อนจะเอาผ้าเช็ดตัวพาดไหล่แล้วลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
หลิวรุ่ยเห็นว่าลู่โจวกำลังจะไปอาบน้ำ เขาจึงเอ่ยถาม "ฉันแก้โจทย์นี้ไม่ได้ นายช่วยดูให้ฉันหน่อยได้ไหม?"
โอ้ ช่างน่าแปลกใจเสียจริง
มีโจทย์ที่หลิวรุ่ยแก้ไม่ได้ด้วยเหรอ?
"ไหนฉันขอดูหน่อย"
เมื่อลู่โจวยื่นมือออกไปรับ หลิวรุ่ยก็ดันกรอบแว่นแล้วส่งหนังสือแบบฝึกหัดให้ เขาชี้ไปที่โจทย์แล้วถาม "โจทย์นี้"
"โจทย์แคลคูลัส? มันไม่น่ายาก..." ลู่โจวกล่าว เขาเหลือบมองโจทย์แล้วรู้สึกประหลาดใจที่ไม่เคยเห็นโจทย์แบบนี้มาก่อน เขารู้สึกตื่นเต้น ใครจะสนเรื่องอาบน้ำกัน? เขารับหนังสือแบบฝึกหัด นั่งลงแล้วเริ่มแก้โจทย์
ก่อนหน้านี้ถ้าหลิวรุ่ยแก้โจทย์ไม่ได้ มันก็ไม่มีทางเลยที่ลู่โจวจะแก้ได้ เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่ตอนนี้แม้แต่คำว่า 'เป็นไปไม่ได้' ก็ไม่ได้อยู่ในหัวของเขา
หลังจากลู่โจวใช้เวลาพยายามแก้โจทย์ หลิวรุ่ยคลายใจลงเล็กน้อย คนโง่ที่เขาแอบดูถูกก็ยังเป็นคนโง่ แก้ไม่ได้ก็ยังอวดฉลาดอีก
ส่วนโจทย์นี้ หลิวรุ่ยแก้ไม่ได้จริงๆ ทว่าในหนังสือคำตอบมีวิธีแก้โจทย์พร้อมเสร็จสรรพ เหตุผลที่เขาเอาโจทย์นี้มาถามลู่โจวไม่ใช่เพราะเขาต้องการความช่วยเหลือ แต่เป็นเพราะเขาอยาก 'สอดแนมศัตรู'
ที่จริงแล้ว ถ้าหากเขาอยากหาคนช่วยแก้โจทย์คณิตจริงๆ ล่ะก็ เขาคงไม่มาถามคนโง่อย่างลู่โจวหรอก
หลิวรุ่ยคิดเรื่องนี้แล้วถามขึ้นมาว่า "ทำไมนายไม่ลอกโจทย์ลงไปก่อนล่ะ? ฉันจะได้ข้ามไปทำโจทย์หน้าก่อน"
ความหมายที่ซ่อนอยู่ก็คือไม่มีทางที่ลู่โจวจะแก้โจทย์ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสียเวลาเปล่า
อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของลู่โจวไม่ได้เป็นไปตามที่หลิวรุ่ยคาดหวังไว้
"...ไม่จำเป็น ฉันแก้เสร็จแล้ว"
แก้...แก้เสร็จแล้ว?!
ดวงตาของหลิวรุ่ยเบิกกว้างจนแทบถลนออกมา
"ใช่ นายได้ยินไม่ผิดหรอก" ลู่โจวกล่าว เขาอธิบายสูตรลงกระดาษทดและควงปากกาไปพลาง "มันเป็นโจทย์สองขั้นตอนปกติ ก่อนอื่นนายแปลงพิกัดคาร์ทีเซียนเป็นพิกัดเชิงขั้ว เนื่องจากช่วงสมมาตร นายจะสามารถตัดส่วนนี้เป็น cot^2(x)..."
"จากนั้นก็คำนวณอนุพันธ์เป็น csx^2(x)! แล้วแทนค่ากลับเป็นฟังก์ชันดั้งเดิม!" รูม่านตาของหลิวรุ่ยหดตัวลงเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็เข้าใจแนวคิดพื้นฐานในการแก้โจทย์นี้ ที่เหลือก็ง่ายแล้ว เขาแค่ต้องคำนวณออกมาเท่านั้นเอง
เวรเอ้ย ฉันไม่เคยคิดถึงขั้นตอนนี้มาก่อน...
"บิงโก! แก้ได้แล้วใช่มั้ยล่ะ" ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม บางครั้งแม้แต่เด็กเล็กก็สอนคนอื่นได้
"ขอบใจ...ฉันขอยืมกระดาษทดหน่อย ฉันจะลองศึกษาดู"
"เอาไปสิ ตามสบาย!" ลู่โจวกล่าวและโบกมืออย่างใจกว้าง จากนั้นเขาก็เดินไปยังห้องน้ำ
หลิวรุ่ยดูกระดาษทดของลู่โจวแล้วนั่งลง เขาดันกรอบแว่นแล้วอ่านโจทย์ เขาขมวดคิ้วและเข้าสู่โหมดสมาธิ
แม้ว่าเทคนิคนี้จะเป็นของใหม่สำหรับเขา แต่วิธีแก้โจทย์ถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน มันไม่ได้อยู่นอกเหนือความรู้ของเขา ดังนั้นเขาจึงเข้าใจอย่างง่ายดายแม้ว่าจะไม่มีคำอธิบายจากลู่โจวก็ตาม
อย่างไรก็ตามสิ่งนึงที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ลู่โจวมันคิดวิธีนี้ออกได้ยังไง?
แถมมันยังเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ...
บางทีมันอาจเคยเจอโจทย์ประเภทนี้มาก่อนงั้นเหรอ?
หลิวรุ่ยคิดว่านี่คือความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว ไม่งั้นเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนโง่ที่ทำงานพาร์ทไทม์จะแก้โจทย์นี้ได้เร็วกว่าอัจฉริยะอย่างเขาได้อย่างไร
เขาพลิกไปด้านหลังหนังสือแบบฝึกหัด เมื่อหลิวรุ่ยดูคำตอบ เขาก็ตัวแข็งทื่อ
"ไม่มีทางน่า..."
คำตอบถูกต้อง...แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก
ประเด็นหลักก็คือวิธีของลู่โจวมันง่ายกว่าของคำตอบ! คำตอบไม่ได้คิดถึงการแปลงพิกัดคาร์ทีเซียนเป็นพิกัดเชิงขั้ว กลับกันคำตอบดันใช้อินทิกรัลแทนซึ่งส่งผลให้มีการคำนวณเป็นจำนวนมาก
และนี่ก็เป็นวิธีที่เขาคิด...
เป็นไปได้ยังไง?
หลิวรุ่ยขบริมฝีปาก
จู่ๆ เขาก็รู้สึกกังขาในชีวิต