ตอนที่ 42
ตอนที่ 42 ผมอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์
ลู่โจวเห็นว่าผู้บริหารซุนเฟิง ระบุชื่อเขาในโพสต์ เขาจึงคิดว่ามันเป็นแค่การล้อเล่น เขาไม่คาดหวังหรอกว่าเขาได้รับข้อเสนอจากซุนเฟิงกรุปจริงๆ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาไม่มีอีเมล ข้อเสนอจึงถูกส่งผ่านไปรษณีย์มายังมหาลัย
โชคร้ายทางมหาลัยโทรมาหาเขาแล้วบอกให้เขาไปรับพัสดุ เขาไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่ามันเป็นข้อเสนอ เขาเปิดพัสดุทันทีที่ได้รับแล้วก็มีนักศึกษาสองสามคนที่อยู่รอบข้างเห็น
บางทีอาจมีคนไปสมัครงานที่ซุนเฟิง เพราะพวกเขาจำโลโก้ของพัสดุได้
พวกเขาคิดถึงโพสต์ที่มาแรงของซุนเฟิง...
ในตอนนี้ทุกคนก็ได้รู้แล้วว่าผู้บริหารของซุนเฟิงจริงจัง!
ไม่เพียงแค่เขาจะมีชื่อเสียงในเว่ยป๋อเท่านั้น แต่เขามีชื่อเสียงในฟีดข่าวของเพื่อนวีแชทด้วย เพื่อนๆ เขาโพสต์เรื่องอย่างบูชาเทพเจ้าและบูชาอัจฉริยะ เขาไม่อาจถ่อมตนได้ตามต้องการอีก
แม้ว่าจะมีอัจฉริยะมากมายอยู่ในสถานที่อย่างมหาลัยจินหลิง แต่มันก็มีไม่มากนักที่อยู่ในระดับเดียวกับลู่โจว!
เขาได้รับข้อเสนอครึ่งล้านหยวนตั้งแต่ปีหนึ่ง ลองจินตนาการตอนที่เขาเรียนจบสิ!
ส่วนเหล่านักศึกษาที่เรียนจบไปแล้ว พวกเขารู้สึกเหมือนตนเองใช้เวลาสี่ปีในมหาลัยอย่างเปล่าประโยชน์ พวกเขาศึกษาเอกที่เป็นที่นิยมที่สุด ได้รับประกาศนียบัตรจำนวนมาก ทำงานสักสามปีห้าปี ย้ายที่ทำงานสักสองสามแห่ง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็จะมีรายได้เพียง สองถึงสามหมื่นหยวนต่อเดือนเท่านั้น
เมื่อพวกเขามองกระจก พวกเขาก็จะเห็นว่าตัวเองเป็นวัยกลางคนที่ใกล้เกษียณแล้ว
เงินเดือนครึ่งล้านต่อปีเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ได้แต่ฝันถึง
อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
เขาติด เขาควรทำยังไงกับข้อเสนอนี้ดี?
นับตั้งแต่ที่เขาได้รับข้อเสนอเมื่อวาน เขาก็ได้อ่านมันหลายครั้ง ข้อเสนอของซุนเฟิงน่าดึงดูดมาก เงินเดือนครึ่งล้านต่อปี ผลตอบแทนหุ้นในสามปีเป็นต้น
พูดตามตรง เมื่อลู่โจวเห็นเงินเดือนจำนวนนี้ เขาก็ตื่นเต้นมาก
แน่นอนอยู่แล้วที่เขาจะตื่นเต้น เขาทำงานแค่ไม่กี่ปี จากนั้นก็ซื้อบ้านซื้อรถ จากนั้นเขาก็แค่ต้องหาภรรยาแสนสวยสักคนที่ควรคู่กับเขาแล้วชีวิตของเขาก็จะสมบูรณ์!
อย่างไรก็ตามเขานึกถึงระบบแล้วเงียบ
แม้ว่าระบบจะวางกับดักเขานับครั้งไม่ถ้วน แต่ระบบก็ยังทำให้เขามีคุณค่ามากขึ้น
อย่างน้อยมันก็มีค่ามากกว่าเงินเดือนครึ่งล้าน...
"โจว...พี่โจว นายตัดสินใจเรื่องข้อเสนอยัง? " หลิวรุ่ยถาม เขาอยากตะโกนเรียกชื่อลู่โจว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกถูกกดทับอยู่ภายใต้ความสำเร็จของลู่โจว เขาจึงเปลี่ยนคำพูด
ลู่โจวมองหลิวรุ่ย เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว "นายอิจฉา? "
หลิวรุ่ยอึ้ง เขาตอบ "อย่ามาเหลวไหล! ใครจะอิจฉากัน? "
คำถามนี้มันจำเป็นด้วยเหรอ?
ลู่โจวถอนหายใจ "แต่ฉัน...อยากปฏิเสธข้อเสนอ"
หลิวรุ่ย "?"
แม้เขาจะรู้ว่าลู่โจวแสร้งทำ เขาก็ยังอดถามไม่ได้
"ทำไม? นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก"
ลู่โจวแหงนมองท้องฟ้าแล้วกล่าว "ฉันไม่อยากมีวิถีชีวิตแบบนั้น"
เมื่อเขาเห็นสีหน้าของหลิวรุ่ย เขาก็ตัดสินใจในที่สุด
เงินเดือนครึ่งล้านหยวนต่อปีเพียงพอที่จะทำให้คนจำนวนมากแหงนหน้ามอง แต่มันยังเป็นเป้าหมายของคนธรรมดา แม้แต่เงินเดือนหนึ่งล้านหยวนยังเหมือนกัน
เขามีระบบ แล้วทำไมเขาต้องทำงานให้คนอื่นด้วย?
ลู่โจวตัดสินใจ
เขาไม่มีทางทำงานให้คนอื่น
หลิวรุ่ยเงียบไปสักพักก่อนจะถาม "แล้วนายต้องการใช้ชีวิตแบบไหน? ชีวิตแบบไหนที่ใช้เงินสร้างไม่ได้? "
"ฉันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์"
หลิวรุ่ย "..."
ฉันอยากต่อยกับเจ้าหมอนี่...
...
ท้ายที่สุดพวกเขาก็ส่งข้อเสนอมาผ่านจดหมาย
ลู่โจวรู้สึกว่าถ้าเขาตอบกลับด้วยอีเมล มันอาจไม่สุภาพเล็กน้อย ดังนั้นหลังจากพิจารณาชั่วครู่ เขาก็ตัดสินใจโทรเข้าไปในเบอร์ที่ถูกพิมพ์ไว้ในข้อเสนอแล้วปฏิเสธพวกเขาอย่างอ่อนโยน
พวกเขาฟังคำพูดของเขาแล้วเงียบไปประมาณสิบวิก่อนจะพูดว่า "น้อยเกินไปเหรอ? มาเซินเจิ้น เราจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้ เรามาคุยกันตรงๆ ได้"
ลู่โจว "?"
ทำไมฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ถึงอำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้?
ปลายสายไม่ได้ยินลู่โจวพูด ดังนั้นเขาจึงกระแอมแล้วกล่าวอย่างใจเย็น "มาให้ฉันแนะนำตัวก่อน ฉันคือหวังเหว่ย"
เดี๋ยวนะ?
เบอร์บนข้อเสนอไม่ใช่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์?
ผู้บริหารคนนี้มีเวลาว่างมากเลยเหรอ...
ถ้าหวังเหว่ยรู้ที่ลู่โจวคิด เขาคงโกรธมาก
ลู่โจวไม่ได้ตกใจกับชายที่ติดอันดับร่ำรวยในรายชื่อฟอร์บ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว "มันไม่เกี่ยวกับเงิน ผมคิดว่าผมยังเรียนรู้ไม่พอ มีอะไรอีกมากมายให้เรียนรู้ ดังนั้นแม้ว่าข้อเสนอของคุณจะน่าดึงดูด แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีความตั้งใจที่จะทำงาน ผมเสียใจจริงๆ"
ปลายสายไม่ยอมแพ้ เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงของชายชรา "มีหลายสิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้ทั้งในสังคมโรงเรียนและในที่ทำงาน ฉันเชื่อว่าถ้าเธอมากับเรา เธอจะเรียนรู้สิ่งที่เธอสนใจได้มากมาย และฉันจะบอกความจริงกับเธอให้ ถ้าเธอเขียนอัลกอริทึมได้แบบนี้ มหาลัยคงช่วยเหลือเธอไม่ได้มากนัก สิ่งที่เธอต้องการคือโอกาสและเงินที่ทางมหาลัยมอบให้เธอไม่ได้ แต่ฉันทำได้"
เขาพูดจนถึงจุดนี้ก่อนจะหยุด จากนั้นเขาก็หัวเราะแล้วกล่าวต่อ "ถ้าเธอกังวลว่าวุฒิการศึกษาจะเป็นอุปสรรคในการเลื่อนตำแหน่ง งั้นเธอก็ไม่ควรกังวล พื้นหลังการศึกษาใช้คัดกรองพรสวรรค์ของคนธรรมดาเท่านั้น มันไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์แบบเธอ ฉันคิดว่าความสามารถสำคัญกว่าความสำเร็จและวุฒิการศึกษา"
ลู่โจวถอนหายใจในใจและแอบชื่นชมชายคนนี้
ไม่แปลกใจเลยที่ชายคนนี้อยู่ในรายชื่อฟอร์บ ความกระหายของเขาสูงมาก ถ้านี่เป็นเมื่อสองเดือนก่อน ฉันอาจบูชาชายคนนี้ไปแล้ว
แต่ตอนนี้ฉันตระหนักแล้วว่าฉันยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมาย
"ขอโทษครับ" ลู่โจวกล่าวและส่ายหน้า เขากล่าวด้วยน้ำเสียงชัดเจน "แม้ว่าผมจะซาบซึ้งที่คุณประเมินผมไว้สูงขนาดนี้ แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีแผนจะทำงาน ผมหวังว่าครั้งหน้าที่เราพบกัน เราจะพบกันในฐานะหุ้นส่วนทางธุรกิจ"
ปลายสายชะงักก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้น
"ฮ่าๆ ฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอ"
เขาถูกปฏิเสธ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้พูดมากนัก
หวังเหว่ยวางสาย เขาส่ายหน้าแล้วโยนโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ
"เด็กคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ"
เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของซุนเฟิง? ทะเยอทะยานไม่เบา
เธอควรไปคิดก่อนดีกว่าว่าจะไปหาแหล่งเงินกู้ที่ใจดีมาจากไหน!
มีผู้ประกอบการมากเกินไปที่ล้มเหลว หากไม่มีเงินทุนสนับสนุน มันไม่มีโอกาสเลยที่จะทำให้เทคโนโลยีเป็นจริง
เขาเคยเห็นคนจำนวนมากเหลือเกินที่ลาออกจากตำแหน่งผู้ประกอบการ