icon member

ระบบปั้นอัจฉริยะ

ตอนที่ 39

ตอนที่ 39 เข้าใจจดหมายทนาย

วันนี้จูฟางไฉรู้สึกดีมากจริงๆ

ปกติเขาจะแค่วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นทั้งวัน เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นกระทู้มาแรงอันดับแรก

แม้ว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงกับกองบรรณาธิการของเทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์และการสื่อสารสมัยใหม่ จะออกมาตอบว่าวิทยานิพนธ์เหล่านี้มันไม่มีปัญหาใดๆ แต่สาธารณชนก็ไม่เชื่อมั่นเนื่องจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์

มหาวิทยาลัยจินหลิงไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขากระทั่งส่งจดหมายทนายให้จูฟางไฉ!

ในจดหมายทนาย มหาวิทยาลัยจินหลิงกล่าวอย่างชอบด้วยธรรมว่าวิทยานิพนธ์เหล่านี้ไม่มีปัญหาเลย มหาวิทยาลัยจินหลิงไม่ใช่แค่ให้เขาถอนบทความทันทีเท่านั้น แต่พวกเขายังขอให้ออกมาขอโทษอีกด้วย ไม่งั้นมหาวิทยาลัยจินหลิงจะฟ้องร้องเพื่อรักษาสิทธิ์ของตน

นอกจากนี้มันยังถูกโพสต์บนบัญชีเว่ยป๋ออย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัยจินหลิง มันแสดงคำตอบจากคณะตรวจสอบจากเทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์และการสื่อสารสมัยใหม่ ซึ่งพิสูจน์คุณค่าทางวิชาการของวิทยานิพนธ์ ในที่สุดชาวเน็ตก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง มันทำให้พวกเขารู้สึกสงสัยว่าพวกเขาถูกหลอกหรือไม่

อย่างไรก็ตาม'ปากใหญ่'ไม่กลัว

ใครจะสนใจกลยุทธ์ทางการตลาดของแก?

ใครจะสนใจจดหมายทนายของแก?

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนขู่จะฟ้องฉัน

เรื่องนี้จะทำให้เขาเป็นกระแสต่อ!

เขาได้รับผู้ติดตามมาสี่แสนคนในเวลาสองวัน มันทำให้เขามีผู้ติดตามกว่าสามล้านคน! รายได้จากโฆษณาของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก เขาแค่ต้องด่าทนายคนนี้หน่อย เขาก็จะมีผู้ติดตามกว่าสี่ล้านคน!

ดังนั้นจูฟางไฉจึงไม่ตอบจดหมายของทนายความจางเลย ไม่ใช่แค่นั้น เขาเปิดเว่ยป๋อบนคอมพิวเตอร์ทันทีแล้วเริ่มเขียนโพสต์ที่สอง

กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ มันเป็นโพสต์ต่อสู้ของเขา!

[สุภาพบุรุษจอมปลอมที่อับอายกลายเป็นโทสะ: พูดจากจดหมายทนาย]

จูฟางไฉมองหัวข้อด้วยความพึงพอใจแล้วพิมพ์บนคีย์บอร์ดต่อ เขาทำตามแบบที่คิดไว้แล้วเริ่มพิมพ์ข้อความ

"มหาวิทยาลัยจินหลิงให้คำตอบว่าไม่มีปัญหากับวิทยานิพนธ์ มันเป็นทางการมาก"

"ฉันมาลองคิดๆ ดู แม้ว่าวิทยานิพนธ์จะไม่มีปัญหา แต่นักศึกษาปริญญาตรีจะตีพิมพ์วิทยานิพนธ์เก้าฉบับในหนึ่งเดือนได้อย่างไร?! ใครจะพิสูจน์ได้ว่าเขาเขียนเอง? เขาต้องลอกผลงานมาหรือไม่ก็มีคนอื่นเขียนให้! "

"...หลังจากมหาวิทยาลัยพบนักศึกษาทุจริต พวกเขาก็ไม่ได้ตรวจสอบนักศึกษาด้วยซ้ำ กลับกันพวกเขาพยายามปิดปากผู้เขียนด้วยจดหมายทนาย วิธีการแบบนี้ทำให้ประชาชนทุกคนที่สนใจกับการศึกษารู้สึกผิดหวัง! นักศึกษาคนนี้ต้องมีภูมิหลังครอบครัวที่ไม่ธรรมดา!"

"ผมขอบอกเลยผมขอโทษถ้าผมไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตเข้า แต่ผมจะไม่ขอโทษสำหรับเรื่องนี้! ทำไมผมต้องขอโทษในสิ่งที่ถูกต้อง? ผมเป็นนักวิจัยวิทยาศาสตร์ ผมคิดว่าการเขียนวิทยานิพนธ์เก้าฉบับในหนึ่งเดือนมันเป็นไปไม่ได้ ผมเป็นนักวิจารณ์ทางการศึกษาเช่นกัน ผมคิดว่าผมกับประชาชนมีสิทธิ์สงสัย"

"ผมขอโทษถ้าผมจะไปเจอกับคนแซ่ลู่แล้วทำให้เขาตอบข้อสงสัยทั้งหมดของผม แต่เขาจะกล้าไหม"

เมื่อจูฟางไฉพิมพ์คำว่า'คนแซ่ลู่' เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แววตาเขาเปลี่ยนไป เขายิ้มอย่างน่ากลัว เขากดปุ่มลบบนคีย์บอร์ดแล้วพิมพ์คำว่า'นักศึกษาชื่อโจว'แทน

ฉันจะไม่ใช่แค่เปิดเผยแซ่ของเขาเท่านั้น ฉันจะเปิดเผยชื่อโจวด้วยเช่นกัน!

กดส่ง!

จูฟางไฉกดส่ง เขาไขว่ห้างแล้วยกขาขึ้นมา

หลังจากนั้นไม่นาน ยอดกดถูกใจและคอมเมนต์ก็เริ่มปรากฏขึ้นมา

[น่าตกใจ เขาเป็นปีหนึ่ง!]

[ฉันคิดว่านักศึกษาปริญญาตรีชื่อลู่โฉว! เรื่องนี้ในที่สุดก็ได้รับการแก้ไข]

[ฉันรู้สึกเสียใจกับระบบการศึกษา...]

[สนับสนุนครูจู! ต่อต้านคนหลอกลวงในโลกวิชาการ! อิโมจิกำปั้น อิโมจิกำปั้น]

[ถ้านี่อยู่ในเมืองเอ็กตำรวจคงไปจับคนหลอกลวงในโลกวิชาการแบบนี้ไปแล้ว...]

[ผู้คนคิดยังไงเมื่อพวกเขาบอกว่าวิทยานิพนธ์ไม่มีปัญหา เห็นได้ชัดว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงช่วยเหลือนักศึกษาของตนเพื่อประโยชน์ต่อชื่อเสียงของพวกเขา แต่นักศึกษาคนนี้มีปัญหามากไป เขาจบแล้ว อิโมจิยิ้ม]

[...]

ฮ่าๆ!

จูฟางไฉมองดูตัวเลขการค้นหาที่เพิ่มขึ้นแล้วมีความสุข

ในเวลานั้นเองโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น

เขากระแอมแล้วรับสาย

"ฮัลโหล? "

.    "ฮัลโหลคุณจู นี่คณบดีของมหาวิทยาลัยจินหลิง..."

"ว้าว น่าประทับใจ พวกคุณรู้เบอร์ฉันได้ไง? ฉันจะบอกบางอย่างให้พวกคุณ ฉันไม่ใช่นักศึกษาของคุณ ข้ามขั้นตอนเหลวไหลทิ้งไปแล้วเข้าประเด็นซะ" จูฟางไฉกล่าวขณะหยิบบุหรี่เข้าปากแล้วจุดไฟ

ท่าทีเย่อหยิ่งของจูฟางไฉทำให้อาจารย์จากปลายสายตกใจ อย่างไรก็ตามเธอก็ยังรักษาความสงบของตนเองได้ "งั้นฉันจะเข้าประเด็น คำกล่าวหาของคุณทำให้เกิดปัญหากับนักศึกษาของเรา ฉันหวังว่าคุณจะจริงจังกับสถานการณ์นี้แล้วออกมาขอโทษ"

จูฟางไฉหัวเราะ เขาเล่นกับขี้เถ้าแล้วตอบ "ปัญหา? ผมไม่คิดเลยว่าจะมีปัญหา คุณถามมาได้เลย แต่พวกคุณก็ไม่สามารถเอาเสรีภาพในการพูดของผมไป"

"คุณ! " อาจารย์โกรธมากกับท่าทีของจูฟางไฉ แต่เธอก็หยุดหลังพูดไปคำนึง

เธอไม่อาจดูเบาระดับความไร้ยางอายของขยะ ถ้าเขาบันทึกบทสนทนาแล้วตัดต่อมัน พาดหัวข่าวพรุ่งนี้อาจจะเป็น มหาวิทยาลัยข่มขู่นักข่าว

อาจารย์ที่โกรธเกรี้ยวไม่ได้พูดอะไร ดังนั้นจูฟางไฉจึงใช้มืออีกข้างถือโทรศัพท์แล้วกล่าว "ไม่เป็นไร อย่าเสียเวลาของผมเลย ผมขอโทษได้ แต่มีสองสิ่งที่คุณต้องพิสูจน์ให้ผม หนึ่งวิทยานิพนธ์ไม่ใช่ของปลอมและมีคุณค่า! ผมกำลังเตือนคุณ ผมอยากพิสูจน์จากผู้มีอำนาจสูงกว่าไม่ใช่จากพวกคุณ สองเป็นเขาที่เขียนวิทยานิพนธ์เหล่านี้จริงๆ! ถ้าพวกคุณไม่สามารถพิสูจน์สองประเด็นนี้ได้ งั้นผมจะสนับสนุนความเห็นของผมต่อไป! ผมจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องของโลกการศึกษา! "

เมื่อจูฟางไฉพูดจบ เขาก็วางสายทันที

...

ลู่โจวรู้สึกเหมือนเขากลายเป็นแพนด้า เขาไม่รู้ว่าใครทำวีแชทเขาหลุดไป แต่มีคนจำนวนมากเพิ่มวีแชทเขาเป็นเพื่อน

[อาจารย์ ช่วยฉันเขียนวิทยานิพนธ์ด้วย]

[ฉันอยากถามเรื่องเอสซีไอ มันผ่านง่ายเหรอ?]

[ช่วยฉันเขียนวิทยานิพนธ์ด้วย เราคุยเรื่องราคากันได้]

ฉันคิดว่ามีคนรู้สึกพรสวรรค์ที่แท้จริงของเขา

แม้ว่าวิธีสนับสนุนของพวกเขาจะค่อนข้างแปลกก็ตาม...

แน่นอนมันมีคนมากมายที่กำลังดูถูกเขาเช่นกัน พวกเขาอาจเป็นติ่งของคุณจู

ตอนนี้ลู่โจวรู้สึกชินแล้ว คนพวกนี้แค่ใช้คำดูถูกแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา มันไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง

ส่วนครอบครัวของเขา พวกเขาไม่ได้เล่นเว่ยป๋อ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเห็นบทความนี้ มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวเขามากนักเช่นกัน เมื่อวานนี้เขายังคงไปบ้านของหานเมิ่งฉีเพื่อไปสอนคณิตศาสตร์อยู่เลย

ไม่มีใครบนท้องถนนรู้ว่าเขาคือลู่โจว แถมช่วงวันหยุดของมหาวิทยาลัยก็มีคนอยู่กันไม่มากนัก

ในเวลานี้ลู่โจวพลันสังเกตเห็นว่าเฉินยู่ซานส่งข้อความมาให้เขา

[เฉินยู่ซาน : ช่วงนี้ฉันไม่เห็นนายที่ห้องสมุด นายเป็นไรไหม?]

[เฉินยู่ซาน : คนคนนั้นเลวมาก! นายพยายามอย่างหนักเพื่อเขียน...]

[เฉินยู่ซาน : เอางี้ไหม...คืนนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวนาย?]

ลู่โจวรู้สึกอบอุ่นที่มีคนเห็นห่วงเขามากขนาดนี้ นิ้วเขาแตะที่โทรศัพท์แล้วพิมพ์ว่า [วันหลัง ผมยังต้องไปสัมภาษณ์กับจินหลิงไดอารี่ ผมไม่รู้ว่าผมจะเสร็จตอนไหน]

[เฉินยู่ซาน : นายจะขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์?]

[ลู่โจว : แม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นเพราะเรื่องดีก็ตาม...]

ลู่โจวรอสักครู่ เฉินยู่ซานก็ส่งข้อความมาสองข้อความ

[ฉันเชื่อนาย]

[สู้ๆ นะ!]

อะไรนะ?

ลู่โจวหัวเราะแล้วมองดูเวลาบนโทรศัพท์

มันเกือบถึงเวลาแล้ว!

ลู่โจวมาถึงห้องเรียน นอกจากคณบดีลู่ มีผู้นำคนอื่นอีกสองคนที่มาจากสาขาคณิตศาสตร์เช่นกัน

เมื่อพวกเขาเห็นวิทยานิพนธ์ของลู่โจว ความประทับใจของศาสตราจารย์ที่มีต่อเขาก็ดีมาก ลู่โจวทักทายพวกเขาแล้วพวกเขาก็ส่งยิ้มให้เขา

นักศึกษาของพวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เห็นได้ชัดว่าพวกเขารวมกำลังกันต่อต้านโลกภายนอก

นักข่าวจากจินหลิงไดอารี่กำลังเตรียมสัมภาษณ์ คณบดีหลู่ใช้เวลานี้ลากตัวลู่โจวไปถามข้างๆ "เธอพร้อมไหม? นักข่าวจะถามเธอ เธอก็แค่ตอบคำถามที่เธอตอบได้ก็พอ"

"ผมเข้าใจ" ลู่โจวกล่าวแล้วพยักหน้า

คณบดีหลู่ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาตบบ่าลู่โจวแล้วกล่าว "ไปกันเถอะ"

การสัมภาษณ์เริ่มต้นขึ้น

ลู่โจวนั่งบนเก้าอี้ในห้องเรียนและเผชิญหน้ากับกล้องและไมโครโฟน เขาแปลกใจที่พบว่าตนเองสงบกว่าที่คาดไว้

นักข่าวหญิงที่ไว้ผมหางม้ายิ้มให้เขา เมื่อเธอได้สัญญาณเริ่ม เธอก็กล่าวด้วยน้ำเสียงนักข่าว "สวัสดีค่ะ ฉันเป็นนักข่าวจากจินหลิงไดอารี่ ฉันถามได้ไหมว่าเธอเขียนวิทยานิพนธ์เก้าฉบับในหนึ่งเดือนได้อย่างไร? "

คำถามนี้เป็นไปตามคาด

ลู่โจวคิดแล้วกล่าว "อันที่จริงผมไม่ได้รู้สึกว่ามันยากนัก เก้าวิทยานิพนธ์ล้วนเกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งมันเป็นวิชาที่ค่อนข้างใหม่ ผมรู้สึกว่าผลงานของผมไม่ได้ยากนัก นอกจากนี้ผมได้ค้นคว้ามาสักพักหนึ่งแล้ว ผมแค่พึ่งเริ่มเขียนช่วงนี้..."

นักข่าวสาวพยักหน้าแล้วมองเขาอย่างสนับสนุน เธอถามคำถามที่สองต่อ "เธอมีอะไรจะพูดเกี่ยวกับคำถามของคุณจูที่ถามเรื่องคุณค่าของวิทยานิพนธ์ของเธอไหม? "

"ผมคิดว่าเรื่องวิทยานิพนธ์ของผมไม่มีคุณค่านั้นเป็นการกล่าวหากันแบบผิดๆ เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับวิทยาการคอมพิวเตอร์ เขาสามารถเข้าใจวิทยานิพนธ์ของผมหรือ? เขากระทั่งตรวจสอบการคำนวณของผม? บางทีเขาอาจไม่ได้อ่านด้วยซ้ำหรือบางทีเขาอาจไม่เข้าใจ..." ลู่โจวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

"ฉันคิดว่าคุณจูคงไม่พอใจที่ได้ยินแบบนี้ เพราะเขาเป็นคนที่อ้างตัวเองเป็นนักเขียนแนววิทยาศาสตร์" นักข่าวกล่าวพร้อมกับหัวเราะ จากนั้นเธอก็กล่าวต่อ "แต่ปีหนึ่ง...หรือนักศึกษาที่กำลังจะขึ้นปีสองตีพิมพ์วิทยานิพนธ์เอสซีไอเก้าฉบับในหนึ่งเดือนมันเหลวไหลไปเล็กน้อย นี่เป็นเหตุผลที่ประชาชนตั้งคำถามกับเธอ นอกจากนี้คุณจูยังกล่าวอีกว่าวิทยานิพนธ์อาจถูกขโมยผลงานมาหรือว่ามันอาจไม่ได้เขียนด้วยตัวเธอเอง..."

"เรื่องนี้เป็นการกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริง" ลู่โจวยักไหล่ เขาพยายามรักษาความเยือกเย็นไว้ "ผมเขียนวิทยานิพนธ์ทุกฉบับในห้องสมุด ถ้าคุณต้องการ ผมขอคลิปกล้องวงจรปิดให้คุณได้"

"ไม่จำเป็นต้องใช้คลิปกล้องวงจรปิด เธอเคยพูดว่าเธอส่งวิทยานิพนธ์คณิตศาสตร์ด้วยใช่ไหม? " นักข่าวหยิบยกเอาคำพูดของลู่โจวมาใช้อย่างรวดเร็วแล้วอยากขยายความอีก

ลู่โจวไม่สามารถเก็บซ่อนมันไว้ แทนที่จะปล่อยให้คนอื่นขุดมาใช้เป็นหัวข้อโจมตีเขา สู้เขาพูดมาเองดีกว่า

ลู่โจวพยักหน้ายอมรับ "ใช่ นอกจากวิทยานิพนธ์วิทยาการคอมพิวเตอร์ ผมส่งวิทยานิพนธ์สองฉบับในวารสาร วารสารนานาชาติ ทฤษฎีและคณิตศาสตร์ประยุกต์ หนึ่งในนั้นเป็นช่วงที่ผมเขียนวิทยานิพนธ์ทั้งเก้า ดังนั้นอันที่จริงผมเขียนวิทยานิพนธ์สิบเรื่องในหนึ่งเดือน"

นักข่าวได้ยินคำพูดของเขาแล้วแววตาเปล่งประกาย สีหน้าของคณบดีหลู่กลายเป็นสีฟ้า เขามองลู่โจวอย่างแรงกล้าโดยหวังว่าจะโน้มน้าวเขาไม่ให้พูดหัวข้อนี้ต่อ

อย่างไรก็ตามลู่โจวจงใจไม่มองคณบดีหลู่

เนื่องจากผู้อื่นเลือกที่จะโปรไฟล์สูงให้ลู่โจว มันจึงไม่มีประโยชน์ถ้าเขาจะทำตัวโปรไฟล์ต่ำ เขาต้องทำตัวโปรไฟล์สูงเพื่อสวนกลับ

สุดท้ายแล้วนี่ก็ไม่ใช่การถกเถียงกันอย่างเรียบง่าย มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะพิสูจน์เพื่อหักล้างกับข้อกล่าวหา ถ้าเขาบอกว่าผู้ประเมินทางวิชาการสามารถพิสูจน์คุณค่าของวิทยานิพนธ์ของฉัน พวกเขาก็จะกระโดดออกมาแล้วสงสัยในความน่าเชื่อถือของผู้ประเมินทางวิชาการ พวกเขาจะสงสัยว่าวารสารกับทางมหาวิทยาลัยกำลังช่วยเหลือเขาเพื่อชื่อเสียงของตน

บางทีประชาชนอาจมีการคิดวิเคราะห์เป็นของตนเอง...

ช่างมันเถอะ นั่นมันเป็นไปไม่ได้เลย

มติมหาชนหมู่จะล้มล้างเขาโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง

ดังนั้นลู่โจวจึงตัดสินใจแล้ว

เขาไม่อาจเป็นคนธรรมดา อัจฉริยะไม่ใช่คนธรรมดา

ถ้าคุณวาดแต่งให้ฉันเป็นมะเร็งโลกวิชาการ งั้นฉันก็จะวาดแต่งให้ตนเองเป็นอัจฉริยะ!

นักข่าวพยักหน้า เธอกำลังจะถามคำถามต่อไป แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูเสียงดังมาจากนอกห้องเรียน

นักข่าวถูกขัดจังหวะ คณบดีหลู่ขมวดคิ้ว แต่อาจารย์ที่เข้ามาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข

"คณบดีหลู่! มหาวิทยาลัยของเราได้รับจดหมายขอบคุณจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ผู้รับคือ...ลู่โจว! "

ระบบปั้นอัจฉริยะ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด