icon member

ระบบปั้นอัจฉริยะ

ตอนที่ 33

ตอนที่ 33 แมลงสาบที่ดื้อด้าน

หลังจากอธิบายทุกอย่างแล้ว คุณหยางก็ออกจากบ้านไป

ลู่โจวยืนอยู่หน้าห้องหานเมิ่งฉี เขามองกุญแจในมือแล้วครุ่นคิดเล็กน้อย ในที่สุดก็เก็บกุญแจใส่กระเป๋าแล้วเคาะประตู

ก๊อก ก๊อก!

ลู่โจวได้ยินเสียงอู้อี้เบาๆ

ดูเหมือนประตูจะถูกกระแทกด้วยหมอน

"ออกไป ฉันขอเตือน ถ้าเข้ามา ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ"

ผู้หญิงคนนี้มีทัศนคติที่ไม่ดีเลย...

แต่เสียงของเธอค่อนข้างดี

ลู่โจวยักไหล่โดยไม่รู้สึกโกรธ เขากล่าวผ่านประตู "ผมไม่สน แถมผมยังถูกว่าจ้างโดยจะได้พันหยวนในห้าชั่วโมง คุณต้องการให้เป็นแบบนี้เหรอ?"

ใครที่ได้ยินพันหยวนต้องรู้สึกแย่ใช่ไหม?

ลู่โจวพยายามเปลี่ยนวิธีการ แต่เขาประเมินทัศนคติของคนรวยต่ำไป

"โอ้" น้ำเสียงเย็นชาดังผ่านประตูออกมา หานเมิ่งฉีกล่าวอย่างไม่แยแสและเสียงดัง "ทำตามใจเลย ผู้หญิงคนนั้นมีเงินมากอยู่แล้ว ใครจะสนว่าเธอจ่ายเงินไปเท่าไหร่ นายอาจถูกเธอเลี้ยงเช่นกัน"

ผู้หญิงคนนี้...

ตัดสินจากน้ำเสียง ความเกลียดชังระหว่างแม่กับลูกสาวต้องลึกมากแน่

ลู่โจวหยุดอยู่นอกประตูชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จะมาเปิดประตูให้ เลยไม่อยากเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เขาจึงไปห้องหนังสือแล้วนำพวกอุปกรณ์การเรียนทั้งหมดไปห้องนั่งเล่น

เขาไม่ได้แตะเนื้อหามัธยมมาเป็นปีแล้ว แต่เมื่อหยิบมาดู เหมือนเนื้อหาจะค่อนข้างง่ายเพราะสุดท้ายแล้วเขาก็อยู่ในหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในจีน เขาเอาชนะทหารหลายพันจนเข้ามาได้ นี่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา

ลู่โจวนั่งบนโซฟาแล้วมองดูหนังสือเรียน จู่ๆ ก็สังเกตเห็นแก้วแตกบนพื้นแล้วก็อดหน้างอไม่ได้

อาการย้ำคิดย้ำทำของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

เขาถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน และเดินไปห้องน้ำเพื่อหาไม้กวาด เขาอยากทำความสะอาดเศษสกปรกก่อน

อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังวางไม้กวาด ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องที่ถูกล็อกไว้

"กรี๊ด! "

ลู่โจวช็อก เขาคิดว่ามันมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น เขารีบโยนไม้กวาดทิ้งก่อนจะรีบไปห้องนั้น

เขาใช้กุญแจไขประตูแล้วผลักประตูเข้าไป วัตถุปริศนาสีดำก็พุ่งมาทางเขา

แมลงสาบ?

ลู่โจวเหยียบมันจนตายโดยสัญชาตญาณ เขาเดินเข้าไปในห้องแล้วรีบถาม

"เกิดอะไรขึ้น? "

ห้องมืดมาก เพราะผ้าม่านปิดไว้สนิท

มันจินตนาการได้ยากว่านี่เป็นห้องของผู้หญิงและที่ยากไปกว่านั้นนี่คือห้องในอะพาร์ตเมนต์หรู

เพราะความเละเทะของห้องนี้มันเทียบได้กับที่หอพักเขาเลยทีเดียว

หนังสือและของเล่นถูกกองรวมกันไว้ที่มุมห้อง ถุงอาหารขยะเรี่ยราดระเกะระกะบนพื้น เขาเห็นกระทั่งเศษมันฝรั่งทอด...ไม่แปลกใจเลยว่าแมลงสาบจะมาหาอาหาร มันได้กลิ่นน้ำมันของอาหารขยะดึงดูดมา

มีร่างเล็กๆ ผมยาวนั่งอยู่มุมเตียง มือของเธอกำลังจับหมอนเอาไว้ เข่าของเธอสั่นเทา เธอสวมชุดนอนหลวมๆ ใบหน้าขาวเนียนของเธอดูแข็งๆ ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีฟ้า มันราวกับว่าเธอพึ่งเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ

"ตาย ตาย..."

"ตาย? "

"มันตายยัง? " หานเมิ่งฉีถาม เธอกัดริมฝีปากและมองใต้เตียงอย่างกล้าหาญ เธอกลัวจนไม่อยากเหยียบพื้น

ลู่โจวชะงักชั่วครู่แล้วมองดูแมลงสาบข้างเท้า

"เธอกำลังพูดถึง...แมลงสาบ? "

หานเมิ่งฉีพยักหน้าอย่างเป็นกังวล

"มันตายแล้ว มันอยู่ตรงนี้" ลู่โจวถอนหายใจแล้วใช้นิ้วชี้

เขาคิดว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น แต่มันเป็นแค่แมลง

ฉันเหยียบมันจนตายแล้ว

ทำไมเธอถึงกลัวขนาดนั้น?

เมื่อหานเมิ่งฉีได้ยินว่าศัตรูของเธอตายแล้ว ในที่สุดเธอก็ใจเย็นและร่างกายเกร็งๆ ก็คลายตัวลง

อย่างไรก็ตามแทบจะในพริบตา เธอก็จ้องมองลู่โจวราวกับเขาเป็นศัตรูเธอ เธอโบกมือถือแล้วเตือน "ใคร ใครให้นายเข้ามา! ออกไป หรือจะให้ฉันโทรหาตำรวจ! แล้วนายเปิดไฟทำไม เจ้าคนหยาบคาย! "

ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างส่องเข้าไปในดวงตาของหานเมิ่งฉี เธอยกแขนขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง

ลู่โจวไม่ได้ตอบ เขาไปห้องน้ำแล้วหยิบไม้กวาดมา

เขาทำความสะอาดทั่วห้องเธอ ยกเว้นใต้เตียงและมุมห้อง

หลังทำความสะอาดเสร็จ เขาก็ช็อก

เมื่อลู่โจวเห็นกองขยะที่เขาทำความสะอาด เขาก็ปัดฝุ่นออกจากหน้าแล้วอดวิจารณ์ไม่ได้ "ทำไมถึงมีอาหารขยะในห้องมากขนาดนี้? แมลงพวกนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของเธอเหรอ? "

ผู้หญิงบนเตียงหน้าแดง แล้วตอบด้วยความโกรธ "ทำธุระของนายเถอะ! "

ลู่โจวมองเธอและกล่องอาหารขยะก่อนจะถามว่า "เธอกินนี่เป็นมื้อเที่ยง? "

"..."

หญิงสาวเงียบและไม่ได้พูดอะไร

ลู่โจวไม่ได้พูดอะไร เขาลากถุงขยะไปข้างนอก เดินออกไปและปิดประตูห้อง

หานเมิ่งฉีเห็นประตูถูกปิดแล้วประหลาดใจ เธอหยุดจับหมอนและแปลกใจที่ครูสอนพิเศษที่แม่เธอจ้างมา'ยอมประนีประนอม'แล้ว เธอวางแผนระยะยาวพร้อมเสร็จสรรพ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนการเตรียมพร้อมของเธอนั้นไม่จำเป็น...

ลู่โจวกลับห้องนั่งเล่นแล้วเริ่มอ่านหนังสือคณิตศาสตร์ระดับมัธยม เขาวางหนังสือไว้ทั่วโต๊ะกาแฟ

มันไม่ใช่แค่หนังสือเท่านั้น มันมีสื่อการเรียนอย่างอื่นด้วย และคุณหยางยังทิ้งข้อสอบของเดือนก่อนไว้ มันเป็นเรื่องจริงที่เกรดวิชาคณิตศาสตร์ของลูกสาวเธอค่อนข้างแย่

จากร้อยห้าสิบคะแนนเธอได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ มากสุดเธอได้แปดสิบคะแนน

ด้วยเกรดแบบนี้ มันจะเป็นปัญหากับการเข้ามหาวิทยาลัยแน่

อย่างไรก็ตามเกรดภาษาจีนของเธอไม่เลวเลย ลู่โจวอ่านเรียงความของเธอแล้วประหลาดใจที่เห็นว่ามันถูกเขียนเป็นวรรณกรรม ภาษาอังกฤษของเธอก็ไม่ได้แย่เช่นกัน เธอได้ร้อยยี่สิบคะแนนขึ้นไปเสมอ ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์ บางอันก็ดี บางอันก็แย่ ดังนั้นจึงตัดสินได้ยาก

"ทำไมเธอถึงอยากเรียนสายวิทย์...ทำไมไม่เรียนสายศิลป์? "

ลู่โจวส่ายหน้าแล้วหยิบปากกาจากโต๊ะ เขาเริ่มเขียนบนกระดาษเอสี่เปล่า

คณิตศาสตร์มัธยมนั้นไม่ยาก มันไม่ได้ทดสอบความสามารถในการนำความรู้ไปใช้ มันแค่ตัดสินความสามารถในการจดจำความรู้

หัวข้อที่จำเป็นก็มีเซตกับฟังก์ชันพื้นฐาน มันจะใช้เวลาสอนประมาณสี่สิบชั่วโมง การบรรยายคาบพีชคณิตขั้นสูงของมหาวิทยาลัยคาบนึงก็มีข้อมูลมากกว่าแล้ว

นี่เป็นเหตุผลเช่นกันว่าทำไมนักศึกษาหลายคนที่ได้เกรดช่วงมัธยมค่อนข้างสูงถึงได้กระเสือกกระสนเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย มันเป็นเพราะการบรรยายของมหาวิทยาลัยไม่ได้สอนด้วยความเร็วเท่ารถไฟ พวกเขาสอนด้วยความเร็วของจรวด

พื้นฐานคณิตศาสตร์ของหานเมิ่งฉีนั้นย่ำแย่ แต่ลู่โจวยังเห็นโอกาสรอด

สุดท้ายแล้วการสอบก็ไม่ใช่การแข่งขัน มันเป็นเพียงการทดสอบพื้นฐานเท่านั้น

เมื่อเธอเรียนรู้พื้นฐาน เธออาจไม่ได้หนึ่งร้อยสี่สิบคะแนน แต่หนึ่งร้อยยี่สิบคะแนนมันยังพอเป็นไปได้

หนังสือเรียนสี่เล่มอาจดูน่ากลัว แต่หัวข้อข้างในนั้นเหมือนกัน...อย่างน้อยมันเหมือนกันในสายตาลู่โจวที่อ่านหนังสือเรขาคณิตวิเคราะห์ทั้งเล่มให้จบในหนึ่งคืน... 

ก่อนอื่นเขาต้องร่างโครงและสรุปหัวข้อทั้งหมดในหนังสือจากนั้นเขาก็ต้องอ้างอิงจากข้อสอบครั้งก่อนของหานเมิ่งฉีแล้วชี้ให้เห็นจุดที่เธอพลาด...

อันที่จริงเธอควรทำเรื่องนี้ด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตามมันไม่สำคัญว่าลูกค้า เขาจะมีทัศนคติแย่แค่ไหน ลู่โจวรู้สึกว่าเนื่องจากรับงานมาแล้ว เขาก็ควรพยายามให้ดีที่สุด

อย่างน้อยก็ต้องทำให้คุ้มค่าเงินสองร้อยหยวนต่อชั่วโมง แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับตลาดครูสอนพิเศษ แต่ก็รู้ว่าค่าจ้างนี้สูงจนผิดปกติ

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป

มันก็เกือบห้าโมงครึ่งแล้ว ลู่โจวบิดขี้เกียจแล้วขยับไหล่แก้เมื่อย

ลู่โจวมองดูกระดาษเอสี่ที่เป็นระเบียบซึ่งเต็มไปด้วยงานเขียนของเขาแล้วอดยิ้มไม่ได้

แม้ว่าตอนแรกมันจะลำบากเล็กน้อย แต่มันก็ค่อนข้างคุ้มค่าเมื่อกลับมาดูสิ่งที่เขาทำเสร็จ

เกือบหกโมง

เขาสามารถแสดงกระดาษเหล่านี้เพื่อรายงานผลการทำงาน

มีเสียงดังเล็กน้อยดังมาจากประตูใกล้ๆ มีร่างเล็กๆ เดินออกมา

ลู่โจวมองแล้วเห็นว่าชุดนอนของเธอถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกางเกงยีน แต่ผมเธอยังคงยุ่งอยู่

มันอาจเป็นภาพลวงตา แต่เขารู้สึกเหมือนเธอตัวเล็กลงเมื่อเทียบกับตอนที่ขดอยู่บนเตียง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกายไม้กระดานของเธอ มันไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งเลย

ตรงกันข้ามกับลูกพี่ลูกน้องของเธออย่างสิ้นเชิง

"นาย...กำลังดูอะไร? ฉันจะโทรเรียกตำรวจ! "

ลู่โจวถอนหายใจ "เลิกขู่ผมด้วยตำรวจได้แล้ว ผมไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ และคุณก็ต้องมีเหตุผลเพื่อโทรเรียกตำรวจ ก่อกวนเจ้าหน้าที่ก็ผิดกฎหมายเช่นกัน ดังนั้นควรคิดให้ดีก่อน"

"..."

หานเมิ่งฉีอึ้งกับความสงบของลู่โจว เธอไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำ

ลู่โจวเห็นประตูห้องน้ำปิดแล้วตระหนักว่าเธอต้องฉี่แตกแน่เลย

ก็สงสัยอยู่ว่าเธอออกมาทำไม

หลังจากนั้นไม่นานร่างเล็กๆ ก็ออกมาจากห้องอาบน้ำ หานเมิ่งฉีล้างหน้าแล้วเดินออกมาด้วยใบหน้าตึงเครียด

เธอเดินผ่านห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นสิ่งของบนโต๊ะกาแฟ เธอก็ขมวดคิ้วแล้วถาม "นี่คืออะไร? "

"เธอจำหนังสือเรียนตัวเองไม่ได้เหรอ? ครั้งสุดท้ายที่เธอเรียนนั่นมันเมื่อไหร่? "

หานเมิ่งฉีมองดูกระดาษเอสี่ แล้วกล่าว "ไม่ใช่เรื่องของนาย" เธอหันหลังและเดินไปห้องครัว "ฉันหิว นายอยากกินอะไรก็กิน"

"แม่เธอใกล้กลับมาแล้ว ไม่รอแม่หน่อยเหรอ? " ลู่โจวถามพร้อมเอนตัวพิงโซฟาแล้วยกขาขึ้นเขามองหานเมิ่งฉีแล้วกล่าวอย่างจริงจัง "ผมคิดว่าครอบครัวทานข้าวร่วมกันจะดีกว่านะ"

หานเมิ่งฉีหันหน้ามาแล้วหัวเราะอย่างเย็นชา

เสียงหัวเราะนั้นไม่เหมือนกับเสียงหัวเราะของเด็กอายุสิบหกถึงสิบเจ็ด

"รอเธอ? เธอไม่ได้ส่งข้อความมาหานายหรือไง? "

ระบบปั้นอัจฉริยะ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด