ตอนที่ 13
ถ้าเมไม่หลับก็คงจะชวนคุย เมคิดว่าพี่ยชญ์เขาคงเหนื่อยเลยหลับในถึงได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น”
“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะน้องเม รอดูอาการอีกสักพัก คนดีๆอย่างคุณยชญ์ พระย่อมคุ้มครองนะคะ”
เมื่อกลับถึงบ้าน อิงอรไปรินน้ำจากตู้เย็นมานั่งดื่ม ปรารภว่า
“น่าสงสารน้องเมนะคะ อรเข้าใจความรู้สึกของแกดีเลยว่าแย่แค่ไหน เพราะคงเหมือนอรตอนที่พี่กรณ์เข้าโรงพยาบาล...อาการของคุณยชญ์เหมือนกับพี่กรณ์เลย ทุกอย่างปกติ แต่ไม่ยอมฟื้น”
ปกรณ์ฟังแล้วลุกขึ้นทันที อิงอรถามว่าจะไปไหน? ปกรณ์ไม่ตอบแต่เดินขึ้นไปที่ห้องพระ จุดเทียนหน้า โต๊ะหมู่บูชาแล้วถอยมานั่งทำสมาธิ ดวงจิตที่ได้รับการปฏิบัติมานานของปกรณ์เข้าสู่ฌานได้อย่างเร็ว
อิงอรค่อยๆเปิดประตูห้องพระแอบดูปกรณ์อย่างสงสัย
ooooooo
ที่โรงพยาบาล ขณะมิ่งนั่งทอดถอนใจเป็นห่วงเมอยู่นั้น ธวัชก็มาหาพร้อมอาหาร พยายามทำร่าเริงให้ผ่อนคลาย
“ฉันซื้อของอร่อยๆมาเพียบเลย เผื่อเธอหิว” แล้วปะเหลาะให้กิน
มิ่งบอกว่าตนเป็นห่วงเม นั่งเฝ้าพี่ยชญ์ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้นอนเลย กลัวเมจะเป็นอะไรไปอีกคน
“ก็แค่เนียะ...ถ้านอนไม่หลับเราก็ช่วยกันทำให้หลับสิ”
“ยังไง”
ธวัชไม่ตอบแต่ยิ้มมีเลศนัย
ครู่หนึ่งมิ่งก็ยื่นน้ำหวานให้เม เมบอกว่าตนกินไม่ลง แล้วหันมองยชญ์อย่างเป็นห่วง
“น้องเม กินหน่อยนะครับ นิดเดียวก็ยังดีจะได้สดชื่น น้องเมจะได้มีแรงอยู่เฝ้าคุณยชญ์ไง”
ธวัชปะเหลาะจนเมยอมดื่มน้ำหวาน มิ่งกับธวัชแอบมองหน้ายิ้มให้กัน ครู่หนึ่งเมลุกขึ้นจะไปเอาน้ำ มาเช็ดตัวให้ยชญ์ก็รู้สึกมึนๆจะล้ม ธวัชกับมิ่งรีบเข้าประคอง มิ่งนึกกลัวถามธวัชว่า
“เมจะไม่เป็นไรจริงๆนะ”
“ยานอนหลับแค่เม็ดเดียวไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวตื่นขึ้นมาเมก็จะดีขึ้น”
แล้วธวัชก็อุ้มเมที่หลับอยู่กลับไปที่ห้องพักคนป่วยของเมเอง
ooooooo
ที่กระท่อมกลางป่า...เมหลับอยู่บนแคร่ ตื่นขึ้นมาไม่เห็นยชญ์ มองรอบๆก็ไม่เห็นจึงลุกเดินหา เห็นเงาใครบางคนวิ่งตัดหน้าหายไปหลังกระท่อมจึงตามไปดู แต่จู่ๆยชญ์ก็วิ่งพรวดเข้ามาชนอย่างจัง
“พี่ยชญ์”
แพรในร่างเมเรียก “พี่ยชญ์” ติดปากผิดกับเมที่เรียก “นายยชญ์” ทุกคำ เมจะเข้าไปหายชญ์ เขาห้ามเสียงดัง
“อย่าเข้ามา!!!”
“พี่ยชญ์...พี่เป็นอะไร”
“เธอไม่ใช่เม” แพรยืนยันว่าตนคือเม “เลิกโกหกได้แล้ว เธอไม่ใช่เม”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”
“ฉันสงสัยตั้งแต่ที่เธอสีซอไม่ได้แล้ว และฉันก็ยิ่งมั่นใจว่าเธอไม่ใช่เม เพราะเธอจำครั้งแรกที่เราเจอกันไม่ได้”
“ทำไมจำไม่ได้ ตอนนั้นเราก็ชนกันเหมือนเมื่อกี๊เลย”
เมเล่าเหตุการณ์วันนั้นว่า ทั้งยชญ์และตนต่างเดินมาอย่างเร็วและจะวิ่งขึ้นคณะแต่ชนกันอย่างจังจนล้มไปทั้งคู่ เมโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“เดินประสาอะไรเนี่ย คนตัวเบ้อเร่อ มองไม่เห็นรึไง”
“เธอเป็นคนชนฉันนะ แทนที่จะขอโทษกลับมาพูดจาท่าทางนักเลง”
ยชญ์มองเมอย่างสำรวจพูดอย่างไม่ไว้หน้า
“อยู่แค่ปีหนึ่งยังซ่าขนาดนี้ ไม่รู้จักรุ่นพี่รุ่นน้องซะเลย”
“ถ้ารุ่นพี่กวนประสาทอย่างนาย ฉันไม่เห็นต้องเคารพเลย เป็นคนชนฉันแท้ๆยังมาโยนความผิดให้คนอื่นอีก งี่เง่า”
ด่าสะใจแล้วเมวิ่งขึ้นตึกไปเลย ยชญ์ด่าไม่ทันมองตามอย่างคาดไม่ถึง แล้วส่ายหน้าอ่อนใจ...










