ตอนที่ 9
“ขอบคุณนะที่ยกเว้นฉันไว้ ฉันจะช่วยคุณหาคำตอบเองว่าวังเฟยหลงเป็นใคร เพราะเขาคือคนที่เปลี่ยนชีวิตฉัน เฮนรี่ และป๊าของฉัน ไม่ต่างจากที่เขาเปลี่ยนชีวิตคุณ เขาทำให้เรากลายเป็นสัตว์กระหายเลือดที่ต้องคอยรับใช้เขา ฉันอยากส่งเขาลงนรกไปไวๆ”
“คิดดีแล้วแน่นะ สู้กับพรายดำก็เท่ากับคุณต้องสู้กับเฮนรี่พี่ของคุณเองด้วย”
“นั่นน่ะสิ เฮนรี่เป็นคนเดียวในครอบครัวที่ฉันเหลืออยู่...ฉันจะลองหาทางพูดกับเขาอีกสักครั้งเผื่อว่าเขาจะฟังฉันบ้าง”
“แล้วถ้าเขาไม่ฟังล่ะ”
“ถ้าไม่ฟัง ฉันก็คงไม่มีทางเลือก” แจ๊สมินสรุปอย่างจริงจัง
ooooooo
เพราะมีชีวิตเชิดวุธเป็นเดิมพัน สนธยาจึงจำยอมทำการทดลองสายลับล่องหน ซึ่งเธออยากให้ตรวจสภาพร่างกายฟอกซ์ก่อน แต่ฟอกซ์ปฏิเสธเพราะมั่นใจว่าตัวเองแข็งแรงและพร้อมมาก
ในขณะที่สนธยาทำการทดลองเพื่อให้ฟอกซ์กลายเป็นมนุษย์ล่องหน เชิดวุธกำลังโดนอาทิตย์ตำหนิเรื่องที่อำพลส่งเอกสารร้องเรียนมา
“ทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้ ผมเตือนคุณแล้วนะเชิดวุธ...คุณอำพลเขาร้องเรียนมา แล้วก็ยืนยันว่าจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด ทีนี้คุณจะเอายังไง”
“ผมจะทำอย่างที่ประกาศไว้กับสื่อ ผมจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ว่านายอำพลเกี่ยวข้องกับพวกพรายดำ และองค์กรการกุศลอย่าง Human Light Foundation ก็เป็นแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น”
“คุณจะทำให้มันยิ่งบานปลายไปกันใหญ่ คุณเอาเอกสารนี้ไปอ่านให้ละเอียด คิดทบทวนตัวเองให้ดีๆ แล้วค่อยกลับมาให้คำตอบผมใหม่”
เชิดวุธกลับออกไปพร้อมเอกสาร เขาเข้ามานั่งในรถตัวเองโดยไม่รู้ว่ามีระเบิดผูกติดอยู่ และมันอาจทำงานทันทีที่สนธยาตุกติกไม่ทำการทดลอง แต่สุดท้ายสนธยาก็ทำสำเร็จหลังจากเฮนรี่นำอัญมณีแห่งแมนจูเรียมา ฟอกซ์เจ็บปวดร่างกายในตอนแรก แต่พอผลการทดลองสำเร็จก็คุยโวว่ารู้สึกดีมากๆ
เฮนรี่ใจร้อนอยากทดสอบสายลับล่องหนคนแรกของพรายดำ จึงพาฟอกซ์นั่งรถไปที่ธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งโดยไม่ฟังคำทัดทานของหงวนและสนธยาที่กลัวเกิดข้อผิดพลาด อ้างว่าเขาได้รับอนุญาตจากวังเฟยหลงแล้ว
ในเมื่อวังเฟยหลงต้องการพิสูจน์ว่าสายลับล่องหนทำงานได้จริง หงวนจึงต้องปล่อยเฮนรี่ไป ปรากฏว่าฟอกซ์ลอบเข้าไปในธนาคารที่มีระบบป้องกันแน่นหนาแล้วขโมยรหัสผ่านเข้าสู่ข้อมูลความลับสูงสุดได้สำเร็จสมดังใจโดยไม่มีใครรู้เห็นสักคน
ไม่นานจากนั้นข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปตามสื่อต่างๆ โดยเฉพาะโทรทัศน์ที่รายงานข่าวอย่างตื่นเต้นว่า










