ตอนที่ 3
พอตกเย็นยายเจียมก็วิ่งหน้าตาตื่นไปหายายพุดบอกข่าวเรื่องพิม แล้วย่าพุดกับยายเจียมรีบไปหาครูหมายขอให้ช่วยพิม เจอยุทธกำลังบอกครูหมายว่าเพชรกับเอแย่แล้ว มีคนบอกว่าพวกฝังธนส่งคนมาเก็บเอ พวกที่มีบ้านอยู่แถวโรงงานร้างได้ยินเสียงปืนรัวสนั่น ถามครูว่าจะทำยังไงดี
แต่พิมถูกส่งถึงมือเสี่ยพงษ์แล้ว เสี่ยพงษ์ลวนลามพิมอย่างหื่น ไม่สนใจว่าพิมจะอ้อนวอนอย่างไร แต่เสี่ยก็ถูกขัดจังหวะเมื่อลูกน้องเข้ามาบอกว่ามีเรื่อง เสี่ยให้ลูกน้องเอาพิมไปเก็บไว้ในห้อง แล้วไปโทรศัพท์หน้าเครียด
ที่โรงงานร้าง นักเลงจากฝั่งธนเอารถมอเตอร์ไซค์สองคันซ้อนกันไล่ตามรถของเพชรกับป๋องไปทันที
เอค้นหาปืนในรถ สบถหัวเสียที่ไม่มีสักกระบอก บอกเพชรว่าตนไม่ยอมเป็นเป้านิ่งให้พวกมัน ถามเพชรว่าไม่เป็นไรใช่ไหม เพชรบอกว่าไม่เป็นไร ชี้ให้ดูแยกหน้า เอบอกว่าซอยเล็กมาก จะทำอะไร
“ต้องวัดกับมันพี่ ว่ามันจะบ้าบิ่นแค่ไหน” เพชรบอกแล้วเร่งเครื่องห่างพวกนักเลง พวกมันร้องบอกกัน
“เฮ้ย...เร็วสิวะ มันเผ่นแล้ว” แล้วรถมอเตอร์ไซค์สองคันก็เร่งความเร็วตามรถของเพชรไป
เพชรขับรถเข้าไปในซอยแคบขนาดรถเก๋งคันเดียวที่ข้างๆเป็นพงหญ้า เอบอกเพชรให้หลบไปก่อนตนจะลุยเอง เพชรบอกไม่ทันแล้ว พวกมันมาแล้ว ถามเอว่าพี่พร้อมแล้วใช่ไหม
แล้วเพชรก็เร่งเครื่องสวนออกไปทำเอานักเลงต่างถิ่นตกใจรับมือไม่ทัน มันพยายามถอยหนีแต่ถูกรถของเพชรพุ่งเข้าหาและเปิดประตูกระแทกมันอย่างแรงจนล้มกลิ้งกันไม่เป็นท่า
เอโดดลงไปแย่งปืนจากมันเล็งใส่พวกมันที่กองกับพื้น เพชรวิ่งตามมาร้องห้าม
“พี่เอ...อย่านะพี่” เอบอกว่าเอ็งไม่ต้องยุ่ง
ถ้าไม่ฆ่ามันก็ต้องถูกมันฆ่า ยกปืนเล็งใส่มันคำราม...เอ็งพลาด เอ็งตาย “พี่เอ ถ้าพี่ข้ามเส้นนี้ไปชีวิตของพี่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อย่าทำแบบนี้เลยนะพี่”
เอนิ่งจ้องหน้าเพชรที่มายืนขวาง ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้นข้างหลังเอ เอกับเพชรสะดุ้ง นักเลงเล็งปืนที่เอ
“มึงก็พลาดที่ไม่จัดการพวกกูตั้งแต่แรก”
“แกก็พลาดนะ ที่ลืมไปว่าบ้านเมืองนี้ยังมีตำรวจอยู่” เสียงชาญวิทย์แทรกขึ้นแล้วเดินเข้ามาพร้อมตำรวจอาวุธครบมือ เย้ยพวกนักเลงว่า “แกไม่เร็วไปกว่าฉันหรอกไอ้ดำ”
เอจ้องหน้าดำ จำได้ว่ามันเป็นมือขวาของเฮียหลง ขยับจะเข้าไปหามัน เพชรรีบห้าม นักเลงเย้ยว่าตำรวจจะทำอะไรตนได้ แล้วทำท่าจะลั่นไก แต่ถูกชาญวิทย์ยิงที่แขนจนล้มกลิ้ง แล้วตรงเข้าไปเตะปืนออก ตำรวจที่เหลือรีบเข้ารวบตัวพวกนักเลงทันที ชาญวิทย์ถามว่าพวกมันแค่สามคนใช่ไหม เพชรจะตอบ แต่เอชิงบอกก่อนว่า “ใช่...พวกมันมีแค่นี้”










