icon member

วาสนาบันดาลรัก

ตอนที่ 51

ตอนที่ 51 การเปลี่ยนแปลง

โบราณกล่าวไว้ได้ดียิ่ง ยินยอมเป็นภรรยาผู้ยากไร้ มิคิดเป็นอนุผู้มั่งคั่ง

คุณหนูผู้มีชาติตระกูลดีใดมิคิดเช่นนี้บ้าง

มิต้องพูดไปไกล ท่านลุงมีฐานะเป็นถึงผู้สืบทอดของจวนเจี้ยนอานปั๋วแล้วอย่างไรเล่า เห็นชัดว่ารักใคร่หลานอี๋เหนียงทว่ากล้าแสดงออกอันใดต่อหน้าท่านป้าสักนิดหรือไม่

ส่วนงานมงคลของเจินจิ้ง ก็จำต้องขอร้องให้ท่านป้าช่วยจัดการ

เหล่าขุนนางหรือผู้มีบรรดาศักดิ์นั้นหรือจะมีสักกี่คนที่กล้าโปรดปรานอนุภรรยาออกหน้าทำลายเกียรติภรรยาเอกอย่างเปิดเผย น่าขบขันยิ่ง ไม่ทราบมีคนมากมายเท่าใดที่คอยจับจ้องตำแหน่งขุนนางของเจ้าอยู่

กล่าวไปแล้วท่านพ่อก็เป็นเพียงคนเลอะเลือน สตรีที่มาจากหอโคมเขียวนั้นคงคิดว่าตนวางแผนไว้ดียิ่ง แค่เดินพยุงครรภ์เข้าจวนมาก็คิดว่าท่านพ่อจะปกป้องนางได้ แล้วเป็นอย่างไร ต่อให้ท่านพ่อโกรธเกรี้ยวมากเพียงใด แต่ครั้นบอกว่าขายก็ต้องขายอยู่วันยังค่ำ

ท่านพ่อสูญเสียตำแหน่งหน้าที่การงาน ออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ทั้งวัน แต่ก็มิกล้าแตะต้องท่านแม่แม้เพียงปลายก้อย หากกล้าลงมือทำอันใดขึ้นมา โต๊ะตัวเล็กของท่านย่าคงได้ทุ่มท่านพ่อตายแน่! 

เจินเหยียนคิดไปไกลและเมื่อย้อนกลับมาคิดเรื่องเจินจิ้งเช่นเดิมก็ยิ่งโมโห จึงเอ่ยด่าทอว่า “ช่างต่ำช้าเสียจริง บุรุษหนุ่มมากความสามารถมิต้องการแต่กลับอยากไปเป็นอนุภรรยา!” 

ต่อให้เป็นองค์ชายแล้วอย่างไร ขอเพียงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนั้น นอกจากพระชายาเอก ผู้อื่นก็ล้วนเป็นสนมให้คนอื่นดูถูก ตั้งแต่นี้ไปบุตรีที่ให้กำเนิดออกมาย่อมต้องมีศักดิ์ต่ำกว่าผู้อื่นหนึ่งขั้น ชั่วชีวิตก็มิอาจฟื้นตัวขึ้นมาได้

คิดๆ ดู หากเจินจิ้งเข้าวังองค์ชายหกไปก็ไม่ทราบว่าตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลายจะขบขันจวนเจี้ยนอานปั๋วเช่นใดบ้าง

เจินเมี่ยวเลือกปิ่นทองผีเสื้อฝังมุกชิ้นหนึ่งออกมาแล้วเลือกปิ่นทองอีกชิ้นที่เหมือนกับเหล่าพี่สาวน้องสาวพลางเอ่ยว่า “ประเดี๋ยวข้าจะส่งสาวใช้นำไปให้พี่สาม” 

เจินเหยียนกวาดตามองครั้งหนึ่ง จึงเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “เดิมก็เป็นสิ่งที่นางควรได้รับ จะให้ก็ให้เถิด แต่มีอยู่ข้อหนึ่ง น้องสี่ ต่อไปเจ้าอยู่ให้ห่างนางสักหน่อย เดือนหน้าข้าก็จะออกเรือนแล้ว มิอาจดูแลเจ้าได้อีก” 

เจินเมี่ยวพยักหน้า “พี่รองวางใจเถิด ไม่ว่าผู้อาวุโสจะจัดการกับพี่สามอย่างไร แต่ระยะนี้คงมิให้นางก้าวเท้าออกจากเรือนแน่ ต่อให้ข้าคิดจะไปเยี่ยมก็คงไม่มีทาง” 

เจินเหยียนเม้มริมฝีปากตน “เจ้าอย่าได้คิดเชียว แค่คิดว่าจวนของเราต้องมีพี่สาวน้องสาวเป็นอนุผู้ใด ข้าก็จะอาเจียนออกมาแล้ว” 

“ใช่ ใช่” เจินเมี่ยวรีบพยักหน้าโดยไว เมื่อคิดได้ว่าเจินเหยียนใกล้จะออกเรือนแล้ว จึงถอดกำไลหยกขาวออกจากข้อมือตน “พี่รอง ท่านใกล้จะออกเรือนแล้ว น้องสาวไม่มีสิ่งดีอันใดจะให้ กำไลนี้ท่านรับไปเถิด” 

เจินเหยียนปฏิเสธไม่รับ “กำไลนี้ไม่ว่าจะดีหรือไม่ก็เป็นของที่ท่านย่าให้เจ้า ไหนเลยจะยกให้ข้าได้ ข้าก็มีปิ่นทองนี้แล้วมิใช่หรือ หากคิดว่ายังไม่พอก็รอให้ในวันมอบสินเดิมเถิด ทำผ้าเช็ดหน้าหรือถุงหอมก็พอแล้ว ฝีมือเจ้านั้นดีกว่าข้ายิ่งนัก” 

เจินเมี่ยวเอ่ยอึกๆ อักๆ ว่า “ข้าไม่กล้าทำผ้าเช็ดหน้าแล้ว” 

ตามธรรมเนียมปฏิบัตินั้นเมื่อพี่สาวน้องสาวออกเรือน เหล่าพี่น้องที่ยังมิออกเรือนก็จะมอบพวกผ้าเช็ดหน้า ถุงหอมหรือไม่ก็เป็นของเล็กๆ น้อยๆ มิได้สูงค่ามากให้ไป

นางให้ของขวัญกับเจินเหยียนก่อนเพราะมิอยากมอบของที่ล้ำค่าเกินไปในวันนั้น ซึ่งอาจทำให้ผู้อาวุโสกระทำตัวลำบาก และเหล่าพี่น้องมิเบิกบาน

ครั้นเห็นเจินเหยียนยืนยันว่าไม่รับ เจินเมี่ยวก็มิคิดบังคับ คิดในใจว่าอีกสักสองสามวันจะออกจากจวนไปร้านเป่าหวาเลือกเครื่องประดับสักชิ้นถึงตอนนั้นก็ไม่มีเหตุผลอันใดให้ปฏิเสธแล้ว

เมื่อได้ยินเจินเมี่ยวพูดถึงผ้าเช็ดหน้า เจินเหยียนก็ยิ่งโมโหให้เจินจิ้งเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน จึงไม่เอ่ยถึงนางอีก ทั้งสองพูดคุยสนทนาทั่วไปอีกครู่ เจินเหยียนก็ลุกขึ้นขอตัวกลับ

เจินเมี่ยวกำชับเสี่ยวฉานให้นำเครื่องประดับไปให้เจินจิ้ง

เสี่ยวฉานกระโดดโลดเต้นไปยังเรือนเซี่ยเยียน แต่ผู้ที่มาขวางกลับเป็นแม่นมหลิวของฮูหยินผู้เฒ่า “เสี่ยวฉานเรือนคุณหนูสี่หรอกหรือ มีเรื่องอันใด คุณหนูป่วย มิอาจพบให้ได้” 

แม้นแม่นมหลิวเทียบไม่ได้กับแม่นมหวัง แต่ก็มีความสำคัญไม่น้อยในเรือนหนิงโซ่ว แม่นมที่สามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้นั้นย่อมฉลาดมีไหวพริบยิ่ง สาวใช้ที่มีระดับขั้นซึ่งคอยรับใช้เจ้านายทุกท่านล้วนเข้าใจในเรื่องนี้ดี

แม่นมลอบกล่าวในใจว่าเสี่ยวฉานของเรือนคุณหนูสี่ผู้นี้นั้นฉลาดคล่องแคล่วอย่างยิ่ง หรือคุณหนูสี่ได้ยินสิ่งใดจึงคิดส่งนางมาสืบข่าว คิดถึงตรงนี้ก็ลอบส่ายศีรษะไปมา รู้สึกว่าเจินเมี่ยวช่างมิรู้ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ เป็นเพียงคุณหนูที่ยังมิออกเรือนผู้หนึ่ง เรื่องที่เหล่าผู้อาวุโสมิอยากให้เจ้ารู้ก็อย่าได้คิดสืบเสาะเด็ดขาด...ช่างเจ้าเล่ห์นัก

เมื่อพบกับแม่นมหลิว เสี่ยวฉานก็สงบเสงี่ยมลงมาก นางยกกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งขึ้นแล้วเอ่ยว่า “แม่นมหลิว ในเทศกาลชีซีนั้นมีคนท้าพนันกับคุณหนู คุณหนูข้าตกลงเข้าร่วมการประชันด้วย คุณหนูทั้งหลายจึงได้นำของตนร่วมเป็นรางวัลด้วย คุณหนูรอง คุณหนูห้า คุณหนูหกล้วนเอาเครื่องประดับตนกลับไปหมดแล้ว นี้เป็นของคุณหนูสาม คุณหนูข้าให้นำมาส่งเจ้าค่ะ” 

“เป็นเช่นนี้เอง เช่นนั้นนำมาให้ข้าเถิด ข้าจะเอาไปให้คุณหนูสามเอง” 

“อืม เช่นนั้นขอบคุณแม่นมหลิวมากเจ้าค่ะ” เสี่ยวฉานส่งกล่องใบเล็กนั้นให้แม่นมหลิวด้วยรอยยิ้มหวาน เมื่อเห็นนางเดินเข้าไป นัยน์ตากลับกลอกกลิ้งอยู่ครู่หนึ่ง

วันที่ไปเทศกาลชีซีนั้นคุณหนูสามก็ยังดีๆ อยู่ เหตุใดจึงป่วยกระทั่งมิอาจพบคนได้เล่า หรือมีความลับอันใด 

เมื่อคิดถึงจิ่นเหยียนที่ตนทำหายจึงอยากจะชดเชยเรื่องที่ทำผิดไป 

เสี่ยวฉานมองไปทั่วทิศแล้วค่อยๆ ย่องไปด้านหลังเรือนเซี่ยเยียน นางจำได้ว่าที่นั่นมีรูสุนัขลอดอยู่

แม่นมหลิวถือกล่องใบเล็กนั้นเข้าไป เจินจิ้งกำลังนั่งวาดคิ้วอย่างประณีตอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

ไม่ทราบด้วยเหตุใด เมื่อเห็นนางสวมชุดแดงรวมทั้งท่าทางที่ค่อยๆ บรรจงวาดคิ้วนั้นแล้วก็คล้ายมีลมเย็นยะเยือกสายหนึ่งปะทุขึ้นในก้นบึ้งหัวใจของแม่นมหลิว

“มีอันใด” เจินจิ้งค่อยๆ หันกลับไปมองแม่นมหลิว

ยามคิมหันต์อากาศร้อน หน้าต่างทุกบานจึงถูกเปิดออก เสี่ยวฉานที่แอบอยู่ใต้หน้าต่างนั้นค่อยๆ โผล่ศีรษะขึ้น เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเจินจิ้งถนัดตาก็ต้องปิดปากตนไว้เพราะเกือบส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ

คุณหนูสามเก็บผมม้าของตนขึ้นจนหมดเผยให้เห็นหน้าผากอันขาวผ่อง กลางกระหม่อมมี ดอกเหมยติดประดับอยู่ หางตามีรอยเขียนตาสีแดงจางๆ เมื่อสวมใส่ชุดสีแดงสดทั้งร่างทำให้เกิดความรู้สึกงดงามราวปีศาจ

ไหนเลยจะเป็นคุณหนูสามที่ทุกคนต่างบอกว่าป่วยหนัก ไม่...ไม่...แม้นในอดีตคุณหนูสามก็มิได้งดงามปานนี้

หากมิได้เห็นอยู่ในเรือน นางคงจำไม่ได้แน่! 

คุณหนูสาม เปลี่ยนไปราวกับคนละคน! 

แม่นมหลิวก็มึนงงไปครู่หนึ่งเช่นกัน เมื่อมีสติคืนมาจึงยื่นกล่องใบเล็กนั้นไปตรงหน้าเจินจิ้ง “คุณหนูสาม นี้เป็นเครื่องประดับที่คุณหนูสี่ให้สาวใช้นำมาให้ บอกว่าเป็นของที่ท่านร่วมใช้เป็นเดิมพันเจ้าค่ะ” 

“วางไว้ตรงนั้นเถิด” เจินจิ้งกล่าวจบก็หันหลังให้

แม่นมหลิวเอากล่องวางไว้ แล้วมองแผ่นหลังอันตั้งตรงนั้นครู่หนึ่งจึงค่อยๆ ถอยออกไป

เจินจิ้งเปิดกล่องใบเล็กนั้นดู พบว่านอกจากปิ่นผีเสื้อของตนแล้วยังมีปิ่นทองอันประณีตอีกหนึ่งชิ้น นางหยิบมันขึ้นมา

เจินเมี่ยว ช่างดีเหลือเกินจริงๆ คอยกดศีรษะนางให้ต่ำอยู่ทุกๆ ครา

ทั้งที่อยู่ในเวลาเช่นนั้น คนผู้นั้นกลับถามออกมาว่า แตงสลักที่ถูกยกให้เป็นสุดยอดผลงานคือฝีมือของน้องสาวนางมิใช่หรือ! 

นางมิอาจลืมแววตาเปล่งประกายของคนผู้นั้นขณะถามคำถามนี้ได้เลย มันเป็นแววตาแห่งความสนใจของบุรุษเพศ แม้นฐานะเช่นเขาคงมิหวั่นไหวใจอันใด อย่างมากก็เห็นเป็นเพียงของเล่นอย่างที่กระทำต่อนาง แต่ต่อให้เป็นแค่ของเล่น เจินเมี่ยวก็ยังจะยืนอยู่ข้างหน้านางอีกหรือ! 

นางจะยินยอมได้อย่างไร! 

เพื่อให้มีวันนั้น นางตัดสินใจเช่นไรและจ่ายค่าตอบแทนใดไปบ้าง! 

ยังมีท่านแม่อีก ฮูหยินใหญ่สั่งโบยท่านแม่ต่อหน้านางถึงยี่สิบไม้! 

เจินจิ้งยิ่งคิดยิ่งแค้น ยกมือขึ้นโยนปิ่นทองนั้นออกไปทางหน้าต่างทันที

เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันเช่นนั้น เสี่ยวฉานจึงตกใจจนร้องออกมา

“ผู้ใด!” 

วาสนาบันดาลรัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด