ตอนที่ 24
ตอนที่ 24 เหตุบังเอิญ
ได้ยินเสียงสังหารของเจินเหยียนลอยมา เจินเมี่ยวจึงรีบเงยหน้าขึ้น เผยรอยยิ้มเต็มหน้า “พี่รอง ท่านวางใจ ข้ามีแผนการในใจแล้ว”
เจินเหยียนถลึงตาให้เจินเมี่ยว เห็นนางยังคงเผยรอยยิ้มเจิดจ้า จึงถอนหายใจออกมา “เจ้ามีแผนในใจไว้แล้วก็ดี”
เจินเมี่ยวผ่อนลมหายใจโล่งอก นี่นับว่ารอดไปได้แล้ว ทว่ากลับได้ยินเจินเหยียนเอ่ยถามขึ้น “เจ้ามีแผนเช่นไรหรือ”
เจินเมี่ยว “...”
“น้องสี่ เจ้าต้องระวังไว้บ้าง น้องสามนั้นไม่ธรรมดาเลย” เจินเหยียนอธิบายให้เจินเมี่ยวฟังอย่างละเอียด “เจ้าเห็นสาวใช้ที่นางเลือกหรือไม่ ดูแล้วธรรมดาไม่มีอันใด ทว่าย่าของนางนั้นเคยปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่า บิดาเป็นผู้จัดซื้อสิ่งของเล็กๆ นอกจวน พี่ชายทำงานที่ร้านยา แม้ต่างเป็นฐานะที่มิได้มีหน้ามีตา ทว่าบางครา กลับเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง”
“พี่สามรอบคอบจริงๆ ” เจินเมี่ยวพูดพลางกระตุกมือเจินเหยียน “แต่ว่าพี่รองก็เก่งกาจไม่เบา”
เจินเหยียนเคาะหน้าผากเจินเมี่ยวอย่างไร้หนทาง “ต่อให้ข้าเก่งกาจกว่านี้ก็ไม่มีทางกลั่นแกล้งเจ้า แต่น้องสามไม่แน่ เวลาที่ผ่านมานี้ข้าเฝ้ามองอยู่ตลอด ความแค้นในใจของนางที่มีต่อเจ้านั้นน่ากลัวว่าจะยังมิหมดไป”
กล่าวถึงตรงนี้ เจินเมี่ยวก็ถอนหายใจออกมา
“เอาเถิด เจ้าระวังตัวเองไว้ก็พอ มิใช่พี่น้องในเรือนเดียวกัน คิดจะกลั่นแกล้งเจ้าก็มิใช่จะทำได้โดยง่าย”
สองพี่น้องพูดคุยกันเสร็จก็แยกจากกันไป
เมื่อกลับถึงสวนเฉินเซียง เจินเมี่ยวก็สั่งให้จื่อซูเรียกสาวใช้ในเรือนมายืนรวมตัวกันกับผู้มาใหม่อีกห้าคน
เจินเมี่ยวมองไปโดยรอบครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “วันนี้คนในเรือนของเราก็นับว่าครบแล้ว ข้าจะขอพูดสักหน่อย พี่จื่อซูเป็นสาวใช้ขั้นหนึ่งเคยปรนนิบัติข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า วันหน้าย่อมต้องคอยดูแลพวกเจ้า ส่วนลำดับขั้นของคนอื่นๆ ผ่านไปสักพักค่อยรายงานขึ้นไปก็ไม่สาย ”
ครั้นนางเอ่ยวาจานี้ขึ้น บรรดาสาวใช้แต่ละคนก็แสดงสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป ทุกคนทราบดีว่าการจะได้ลำดับขั้นใดนั้นล้วนต้องดูการปฏิบัติตนในช่วงเวลาหลังจากนี้แล้ว
เจินเมี่ยวตั้งชื่อให้กับคนที่มาใหม่ห้าคน ผู้ที่มีรูปโฉมงดงามที่สุดชื่ออาหลวน อายุน้อยที่สุดชื่อเสี่ยวฉาน ผู้ที่มีท่าทางฉลาดเฉียบแหลมชื่อว่าไป่หลิง คนที่ดูแล้วมีความสุขุมอยู่สักหน่อยนั้นชื่อเยี่ยอิง ส่วนสาวใช้ร่างท้วมชื่อชิงเกอ และเชวี่ยเอ๋อร์สาวใช้ที่ไม่นานมานี้ถูกนางยกให้เป็นสาวใช้ขั้นสาม ทั้งหมดจึงครบพอดี
วันเวลาต่อจากนั้น เจินเมี่ยวก็ผ่านมันไปอย่างยุ่งวุ่นวายที่สุด
นอกจากการฝึกยุทธ์และคัดตัวอักษรที่ทำเป็นประจำแล้ว ยังต้องไปห้องครัวใหญ่ทำอาหารบำรุงร่างกายให้นางเวินทุกวันและยกไปให้พร้อมดูนางกินจึงนับว่าเสร็จสิ้น
ทั้งยังคิดจะปักผ้าเช็ดหน้าที่ใช้ได้ทั้งสองด้านสักหลายผืนให้กับเจินเหยียนก่อนที่นางจะออกเรือนอีกด้วย
ครั้นเห็นด้ายที่รับมาจากห้องเย็บปัก เจินเมี่ยวก็มิได้พอใจนัก
ด้ายพวกนี้มิใช่คุณภาพไม่ดี เพียงแต่สีสันน้อยไปหน่อย ทั้งยังเก่าไปนิด
“คุณหนู หากท่านไม่พอใจ มิสู้ไปซื้อจากข้างนอก” ไป่หลิงที่เป็นผู้รับผิดชอบไปรับด้ายมาเสนอขึ้น
“ข้างนอกหรือ” เจินเมี่ยวรู้สึกลังเลอยู่บ้าง
ไป่หลิงรีบพูดขึ้นทันที “ใช่เจ้าค่ะ บ่าวสอบถามมากับห้องเย็บปักแล้ว ด้ายของร้านเทียนซิ่วดีที่สุดเจ้าค่ะ สีสันหลากหลายและสดใส เพียงแต่ราคาค่อนข้างแพง คนทั่วไปมินิยมซื้อ”
เรื่องด้ายของร้านเทียนซิ่วดีแต่ราคาค่อนข้างสูงนั้นเจินเมี่ยวก็เคยได้ยิน นางคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปบอกเขาว่าให้คนที่ดูแลเรื่องนี้ซื้อมาให้สักหน่อยเถิด”
“เจ้าค่ะ” ไป่หลิงตอบรับด้วยเสียงสดใส
ไป่หลิงไปรับด้ายที่ซื้อมาใหม่ในวันถัดไป ครั้นเห็นด้ายที่มีสีสันสดใสสวยงาม เจินเมี่ยวก็พยักหน้าอย่างพอใจและเริ่มปักผ้าเช็ดหน้า
นางมีความสามารถในการเย็บปักของร่างเดิมอยู่แล้ว แต่เพราะมิได้แตะต้องมานานจึงไม่คุ้นมืออยู่บ้าง ทำให้ปักช้าไปสักหน่อย ดีที่ลายผ้าเช็ดหน้านั้นมิได้ซับซ้อนเท่าใด...นางยังพอมีเวลา
วันนี้นางอวี๋มาหาที่เรือนจึงเห็นเจินเมี่ยวกำลังนั่งปักผ้าอยู่ใต้ต้นไม้ สาวใช้หน้าตาสดใสสองคนผลัดเปลี่ยนกันพัดวีให้นาง นางอวี๋หัวเราะพลางเอ่ยว่า “น้องสี่ หลายวันนี้ไม่เห็นเจ้าออกจากเรือน ตอนนี้ไม่ฝึกย่อเข่าแล้วแต่เปลี่ยนเป็นเย็บปักแทน ทั้งยังมีสาวใช้แสนสวยคอยปรนนิบัติพัดวี ช่างสุขอิสระดีแท้”
นางอวี๋เป็นสตรีชาตินักรบ บิดาเป็นขุนนางยศไม่สูงนัก ยามอยู่ในจวนก็มิได้มีชีวิตสุขสบายเช่นบุตรสาวของผู้มีบรรดาศักดิ์ทั่วไป ตอนที่แต่งเข้ามาใหม่ๆ ก็ออกจะไม่ชินอยู่บ้าง บัดนี้นับว่าค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว
เจินเมี่ยวกำลังเทียบสีกับแสง เมื่อได้ยินเสียงก็รีบวางทุกอย่างลง ลุกขึ้นยืนต้อนรับ นางเอ่ยพลางยิ้มตาหยี “พี่สะใภ้มาแล้ว การเย็บปักพวกนี้มิใช่ต้องทำเมื่อมีแสงสว่างจึงจะดีหรอกหรือ หากทำตอนฟ้ามืดตาจะเสียเอา แต่ฝึกย่อเข่าทำเมื่อใดก็ได้ อีกสักประเดี๋ยวพี่สะใภ้ช่วยชี้แนะข้าสักหน่อยเถิด”
ส่วนสาวใช้ที่คอยพัดวีอยู่ด้านหลังยิ่งมิต้องเอ่ยถึง ความจริงนางยังไม่ชินกับการเรียกคนมาปรนนิบัติเช่นนี้สักเท่าใด ทว่าระยะนี้สาวใช้ที่มาใหม่ล้วนพยายามแข่งกันแสดงฝีมือ จึงได้แต่ตามใจพวกนางแล้ว
เจินเมี่ยวนำนางอวี๋ไปนั่งใต้ต้นไม้
นางอวี๋เหลือบมองผ้าปักแวบหนึ่งแล้วต้องตกตะลึงเป็นการใหญ่
บนผ้าเช็ดหน้าสีขาวบริสุทธิ์นั้นถูกปักด้วยช่อกุหลาบงาม ทุกดอกล้วนกำลังรอเวลาผลิบาน ที่น่าตกใจที่สุดคือสีแดงของกุหลาบทั้งสวยงามและสดใส ให้ความรู้สึกเสมือนจริงอย่างบอกไม่ถูก คล้ายว่าดอกไม้ที่ถูกปักลงไปนั้นเป็นของจริงก็มิปาน
นางอวี๋อดยื่นมือออกไปลูบคลำมิได้ นางเอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “น้องสี่ ฝีมือการปักของเจ้าดีเหลือเกิน ดอกไม้นี้คล้ายมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ทำให้รู้สึกว่าหากยื่นมือออกไปก็สามารถเด็ดมันออกมาได้กระนั้น”
เจินเมี่ยวเองก็ตกใจในฝีมือเย็บปักของร่างเดิมเช่นกัน แต่ก็มิอาจชมฝีมือตนได้ จึงหยิบผ้าปักขึ้นมาเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ ข้าเลือกสีได้สวยมากเลย โดยเฉพาะสีแดงนี้ ข้ามิเคยเห็นสีสว่างสดใสเช่นนี้มาก่อน ปักดอกกุหลาบแดงนั้นเหมาะอย่างยิ่ง”
นางหวังว่าพี่รองของนาง สตรีที่ฉลาดสง่างามผู้นั้นจะมีความรักที่ค่อยๆ ผลิบานไปทีละน้อย...
นางอวี๋ไม่ชำนาญเรื่องเย็บปัก จึงมองดูครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าคล้อยตาม ทั้งยังลูบคลำดอกกุหลาบนั้นอย่างวางไม่ลง นางก้มหน้าสูดดมดูคราหนึ่ง แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ข้าถึงกับอดดมดูไม่ได้ว่ามีกลิ่นหอมของดอกไม้หรือไม่ น่าเสียดาย ไม่ใช่แค่ไม่มีกลิ่น แต่กลิ่นยังไม่ดีอีกด้วย ตอนปักเย็บ น้องสี่มิได้ล้างมือหรอกหรือ”
เจินเมี่ยวหัวเราะเสียงดัง “พี่สะใภ้ หากท่านชอบจริงๆ รอข้าปักผืนนี้เสร็จจะปักให้ท่านสักผืน เป็นการตอบแทนบุญคุณอาจารย์ รับรองว่าข้าจะล้างมือให้สะอาดทุกคราที่มือแตะเข็มปักเลยทีเดียว”
เจินเมี่ยวมีใบหน้ารูปไข่ห่าน อายุเท่านี้แล้วแต่ก็ยังมีแก้มเหมือนเด็ก แม้รูปร่างจะผอม แต่หน้ายังคงมีเนื้ออยู่ เมื่อหัวเราะลักยิ้มคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้น เห็นแล้วทำให้คนชมชอบยิ่งนัก
ความสัมพันธ์ของพี่สะใภ้และน้องสามีนับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ นางอวี๋อดยื่นมือไปหยิกใบหน้ารูปไข่ของนางมิได้ “น้องสี่พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น พี่สะใภ้จะจำไว้”
เวลานี้ชิงเกอก็ยกลูกท้อหน้าตาน่ากินมาจานหนึ่ง “คุณหนู ต้าไหน่ไหน่ ลูกท้อมาแล้วเจ้าค่ะ”
ครั้นเห็นสาวใช้ร่างใหญ่ นางอวี๋ก็ต้องตกตะลึงขึ้นมา ทำให้อดชำเลืองมองสาวใช้สองคนซึ่งงดงามราวบุปผาที่ยืนอยู่ด้านหลังเจินเมี่ยวอีกครามิได้
ในใจของเสี่ยวฉานและไป่หลิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเจินเมี่ยวนั้นรู้สึกแปลกปร่าอย่างบอกไม่ถูก
จากที่เฝ้าสังเกตดูพบว่าระยะนี้คุณหนูดูชมชอบสาวใช้ร่างท้วมผู้นี้มาก ที่แท้เป็นเพราะสาเหตุใดกัน!
เจินเมี่ยวหยิบลูกท้อชิ้นหนึ่งขึ้นมาให้นางอวี๋ “พี่สะใภ้นี้เป็นลูกท้อในเรือนของข้าที่เพิ่งเก็บมาสดๆ เลย ท่านลองชิมดู”
ยามนี้นางอวี๋กินสิ่งใดล้วนอร่อย เมื่อเห็นท้อสีชมพูลูกใหญ่ก็น้ำลายสอแล้ว จึงรับผ้ามาเช็ดมือแล้วกัดไปคำหนึ่ง เนื้อท้อสดใหม่ฉ่ำน้ำยิ่ง รสชาตินั้นดีกว่าซื้อจากข้างนอกเสียอีก
เพราะมีครรภ์จึงมิกล้ากินลูกท้อมากเกินไป กินเพียงคำก็หยุดปากเสียแล้ว นางนั่งพักอยู่ครู่หนึ่งก็ขอตัวลากลับ
ครั้นถึงเรือนได้ไม่นาน นางอวี๋ก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย นางคันยุบยิบในลำคอจึงอ้าปากอาเจียนออกมา
อวี้เอ๋อร์ตกใจตนหน้าขาวซีด รีบวิ่งไปที่ห้องตำราด้านนอก
“มีอันใด” เจินฮ่วนกำลังเดินหมากรุกอยู่กับเจี่ยงเฉิน เห็นเช่นนั้นจึงวางมือลง
“คุณชายใหญ่ ต้าไหน่ไหน่อาเจียน ทั้งยังปวดท้องด้วยเจ้าค่ะ! ”
เจินฮ่วนได้ฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปโดยพลัน เขาเอ่ยขออภัยต่อเจี่ยงเฉินแล้วรีบตามสาวใช้กลับไปทันที