ตอนที่ 6
ตอนที่ 6 ฝึกฝน
ในที่สุดก็แทงไปได้หนึ่งพันห้าร้อยครั้ง ทั้งกายเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แขนขวานั้นใกล้จะไม่เป็นของตนเองแล้ว นิ้วทั้งห้าของมือขวาล้วนชาจนสูญเสียความรู้สึกไปอย่างสิ้นเชิง สุดท้ายอาศัยสัญชาตญาณล้วน ๆ จึงยืนหยัดมาได้จนถึงหนึ่งพันห้าร้อยครั้ง
“น้ำ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเสียงแหบแห้ง
“นายท่าน น้ำขอรับ” คนรับใช้ด้านข้างยืนมองตาลอยมานานแล้ว รีบส่งน้ำมาให้
ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือซ้ายออกไปรับแก้วน้ำใบใหญ่ ดื่มจนเกลี้ยงหมดในอึกเดียว
จากนั้นก็เริ่มฝึกวิถีพรางอัคนีสามขั้นต่อทันที
เมื่อฝึกฝนวิถีการต่อสู้ เอ็นและกระดูกทั้งร่างกายล้วนคันยิบ ครั้งนี้ที่ชัดเจนที่สุดก็คือแขนและมือขวาของตน เห็นได้ชัดว่าพละกำลังลี้ลับระหว่างฟ้าดินนั้นแทรกซึมเข้าสู่แขนและมือขวาไม่หยุด ยิ่งเหนื่อยล้า...ผลของการฝึกฝนการต่อสู้ก็ยิ่งดี แน่นอนว่าร่างกายไม่สามารถฝึกจนพังสลายไปได้ หากทุ่มสุดชีวิตเช่นตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว คนทั่วไปนั้นเกรงว่าในเวลาสิบวันมือก็คงเสียไปแล้ว แต่เขานั้น ทุกวันล้วนมียาอาบอันเลอค่า ใช้ยานี้ไปหนึ่งปี ชนชั้นสูงธรรมดาทั่วไปย่อมต้องล้มละลายแน่
ฝึกไปสามรอบเต็ม ๆ เขาอ่อนแอมากจากการดูดซับพละกำลังระหว่างฟ้าดินจึงหยุดการฝึกลง ในเวลานี้มือและแขนซ้ายไม่ล้าแม้แต่น้อยแล้ว ส่วนมือขวายังเมื่อยอยู่บ้าง
“เริ่มใช้มือซ้ายถือหอก”
“มา” ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงเจิดจ้า ตรึงไว้ที่หุ่นแปรธาตุด้านหน้า มือขวากำด้ามหอกไว้หลวมๆ มือซ้ายจับท้ายหอก พุ่งแทงออกไปในทันใด
……
“ถงซาน เจ้าเห็นเสวี่ยอิงบ้างหรือยัง”
“ยังไม่เห็น”
จงหลิงและถงซานตกใจและงุนงงสงสัยอยู่บ้าง นี่ก็ใกล้เวลากินข้าวเที่ยงแล้ว เหตุใดจึงยังไม่เห็นเสวี่ยอิง อีกทั้งตงป๋อเลี่ยและภรรยาเพิ่งถูกจับไป พวกเขาก็ไม่ค่อยวางใจเสวี่ยอิงนัก
“ท่านเจ้าแดนล่ะ” จงหลิงและถงซานถามสาวใช้นางหนึ่ง
สาวใช้ตอบว่า “นายท่านอยู่ที่ลานฝึกยุทธ์มาตลอดตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงตอนนี้เจ้าค่ะ”
“ยังอยู่ที่ลานฝึกยุทธ์งั้นรึ นี่ก็จวนเที่ยงแล้ว” ถงซานแปลกใจอยู่บ้าง “ปกติตอนเช้าเสวี่ยอิงฝึกอย่างมากก็แค่ชั่วยามสองชั่วยาม ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงตอนนี้ก็เกือบสามชั่วยามแล้วกระมัง”
จงหลิงกลับไม่พูดอะไร รีบมุ่งตรงไปยังลานฝึกยุทธ์อย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้าใกล้ลานฝึกยุทธ์ก็ได้ยินเสียง “ปึง ปึง ปึง” อย่างต่อเนื่องลอยออกมาจากข้างใน เสียงนั้นต่ำลึกมีพลัง จงหลิงและถงซานมองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วผลักประตูลานฝึกยุทธ์เปิดออก
“นี่…” พวกเขาทั้งสองถูกตรึงเอาไว้
ผู้เยาว์ที่แต่ก่อนผิวทั้งกายแดงเรื่อนั้นกำลังใช้สองมือถือหอกยาวเล่มหนึ่ง ออกแรงโจมตีหุ่นแปรธาตุไม่หยุด
ส่วนเอวออกแรง หอกยาวโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง...กระบวนท่าเดียวกันต่อเนื่องไม่หยุด เมื่อหอกยาววาดผ่านอากาศนั้นกักพลังเอาไว้ ในพริบตาที่โจมตีหุ่นแปรธาตุนั้น ความเร็วสูงที่สุด พลังก็รุนแรงที่สุด
ผู้เยาว์ผิวทั้งกายแดงเรื่อ ผิวชั้นนอกกำลังปล่อยควัน นั่นเพราะความร้อนในกายเดือดพล่าน
“ลมปราณทั้งร่างไหลเวียนถึงขั้นนี้แล้วหรือ” จงหลิงตกตะลึง
“เสวี่ยอิง เจ้ารีบพักสิ รีบพักสักพักหนึ่งก่อน เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร” ถงซานกลับร้อนใจขึ้นมา ที่ผ่านมาเคยเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงขยันขันแข็งเพียงนี้ที่ไหนกัน อีกทั้งฝึกหอกยาวจนถึงระดับนี้ก็จวนจะถึงขีดสุดของร่างกายอยู่รอมร่อแล้ว
“ยังอีกพักหนึ่ง ยังไม่จบเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“อย่าร้อนใจไปเลย ทุกวันเสวี่ยอิงล้วนแช่ยาอาบ ร่างกายน่ะไม่พังหรอก ให้เขาได้ระบายออกมาบ้างเถอะ” ในใจจงหลิงกังวลนัก แต่เขากลับไม่กลัวว่าการฝึกจะทำให้ร่างกายบาดเจ็บ อย่างไรเสียยาอาบที่แช่ทุกวันก็สามารถช่วยลดความชื้น ฟื้นฟูซ่อมแซมร่างกาย ที่เขากลัวคือจากนี้ไปสภาพจิตใจของเสวี่ยอิงเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เขาเห็นเสวี่ยอิงเติบโตขึ้นมา จึงไม่หวังให้นิสัยเขาแปลกประหลาดไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงหันศีรษะ มองไปยังท่านอาทั้งสองของตนแวบหนึ่งแล้วยิ้มพูดว่า “ท่านอาจง ท่านอาถง วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไรหรอก” เขาไม่ได้ระบายอารมณ์ แต่เป็นแผนที่กำหนดให้ตนเองหลังจากได้ชมคัมภีร์หอกยาวลับของอัศวินเหนือธรรมดาแล้วต่างหาก
หากไม่มีความขยันพอ อาศัยเพียงคัมภีร์ลับเล่มหนึ่งจะกลายเป็นผู้แกร่งกล้าได้อย่างไร
เวลาผ่านไปอีกชั่วจอกชาหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงฝึกวิถีพรางอัคนีสามขั้นไปอีกสองรอบ การฝึกฝนในช่วงเช้าจึงนับว่าเสร็จสิ้น
……
หลังอาหารเที่ยง อยู่เป็นเพื่อนน้องชายครู่หนึ่งแล้ว ก็เริ่มหยิบหอกยาวมาฝึกอีก
“เฮอะ”
สองมือออกแรงพร้อมกัน หอกยาวแทงออกไป กำลังทั้งกายถ่ายทอดเข้าสู่หอกยาวเล่มหนึ่งผ่านสองแขน พละกำลังรุนแรงขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
หอกยาวแทงเข้าที่หุ่นแปรธาตุครั้งแล้วครั้งเล่า แทงถูกตำแหน่งต่างๆ ที่ทำจุดสีแดงไว้ ทั้งตรงใบหน้า คอหอย และหน้าอกอย่างแม่นยำยิ่งโดยต่อเนื่อง
ตรงกับแผนการฝึกหอกยาวที่ตงป๋อเสวี่ยอิงวางเอาไว้เป็นช่วงที่สี่...แทงสองมือ
……
แทงหอกสองมือสองพันครั้ง ฝึกวิถีการต่อสู้
“ยิงศร” ตงป๋อเสวี่ยอิงแค่นเสียงเฮอะ
“ขอรับ นายท่าน” คนรับใช้สิบนายที่ยืนห่างออกไปกว่าสิบเมตรรับคำ แต่ละคนหยิบคันธนูขึ้นมา ลูกธนูนั้นล้วนเอาหัวธนูออกหมดแล้ว เหลือเพียงก้านธนูเท่านั้น พวกเขาล้วนมองกันไปมาด้วยความลังเลอยู่บ้าง ที่ผ่านมานั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงฝึกการปัดป้องล้วนมีบิดาร่วมฝึกเป็นเพื่อนด้วย แต่ตอนนี้ใช้ลูกธนูมาฝึกโดยตรง...หากป้องกันไม่ได้ ยิงถูกร่างกายแล้ว แม้จะไม่มีหัวธนูก็ยังคงเจ็บปวดมากเช่นเดิม อาจถึงขั้นผิวหนังปริแตกเลือดออกก็นับว่าปกติ
คนรับใช้เหล่านี้หวั่นใจอยู่บ้าง
“เร็วเข้า ทำตามคำสั่งเมื่อครู่ของข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงเปล่งเสียงออกคำสั่ง คนรับใช้ก็ได้แต่น้อมรับโดยดี
ฟิ้ว...
เริ่มจากลูกศรดอกหนึ่งยิงมาก่อน มือตงป๋อเสวี่ยอิงถือหอกยาวปัดป้องในทันที เมื่อยืดไปข้างหน้า ก็สกัดกั้นธนูดอกนี้หักลอยไป
หนึ่งครั้งหนึ่งดอก
แม้จะเป็นระยะห่างเพียงสิบเมตร แต่คนรับใช้เหล่านี้ไม่ได้ฝึกการต่อสู้มา ความเร็วของลูกธนูนั้นแม้จะเร็ว แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังสกัดกั้นได้ทัน นำเอากระบวนท่าหอกยาว “สกัด” “หยิบ” “ทำลาย” มาใช้ได้อย่างคล่องแคล่วยิ่งนัก
จากนั้นก็เป็นลูกศรสองดอกยิงมาพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าเริ่มกินแรงของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ในสิบครั้งมีสามสี่ครั้งที่กระบวนท่าสกัดไว้ได้ ผิวของตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มมีจ้ำแดงบ้างม่วงบ้าง ทั้งยังมีบางจุดที่ผิวหนังเสียหาย แต่บาดแผลเล็กน้อยเท่านี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว
……
วิถีหอกยาวดั่งจิตนั้น เป็นจุดกำเนิดของวิถีทั้งมวล เรียกได้ว่าเป็นวิถีหอกยาวที่เป็นพื้นฐานที่สุดของทั้งชนเผ่าเซี่ย หากฝึกเป็นชุดทีละรอบ ๆ ก็จะได้เพียงผิวเผินเท่านั้น จำเป็นต้องนำวิถีหอกยาวมาแยกแยะแล้วฝึกเป็นครั้ง ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถทำให้กระบวนท่าธรรมดา ๆ แปรเปลี่ยนเป็นพละกำลังที่ทำให้คนตกตะลึงได้
การฝึกวิถีหอกยาวมีทั้งหมดหกช่วง แบ่งเป็นมือซ้ายแทงหอก มือขวาแทงหอก วาดฟาดฟันสองมือแทงหอก ปัดป้องและโจมตีอิสระ ระหว่างนั้นก็รวมเอาวิถีการต่อสู้เข้ามาเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าของร่างกาย มิเช่นนั้นจะไร้ทางยืนหยัดต่อการฝึกฝนที่เข้มข้นยิ่ง...
วันหนึ่งฝึกถึงหกชั่วยามเต็ม
หลังฝึกเสร็จแล้วก็ไปแช่ยาอาบ ยาอาบไม่เพียงทำให้ร่างกายของเขาไม่แหลกสลาย ยังทำให้ขณะฝึกฝนร่างกายฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งขึ้น ร่างกายของเขา โดยเฉพาะเอ็น กระดูกและกล้ามเนื้อที่แขนและฝ่ามือนั้นพละกำลังล้วนแปรผันไปไม่หยุด
ยามค่ำเป็นเวลาพักผ่อน เขากินข้า่วกับน้องชาย เล่นเป็นเพื่อนน้องชาย แล้วอ่านตำราอีกเล็กน้อย จากนั้นก็เข้านอน
******
ดูราวกับจะเหนื่อยมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็เหมือนกับคนทั่วไปที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาวันหนึ่งเท่านั้น เมื่อเคยชินแล้วก็รู้สึกว่าปกติ ตงป๋อเสวี่ยอิงยังรู้สึกได้ว่าวิถีหอกยาวของตนก้าวหน้าขึ้นโดยตลอด ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ไม่เพียงไม่เหนื่อยล้า หากยังแบกรับได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ถึงขั้นแย้มยิ้มขณะฝึกวิถีหอกยาว บางครั้งยังหยุดแล้วขมวดคิ้วครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่าซึมลึกเข้าไปในความเร้นลับของวิถีหอกยาวอย่างแท้จริงแล้ว...นี่ทำให้วิถีหอกยาวของตงป๋อเสวี่ยอิงยกระดับขึ้นด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
……
เหมันตฤดูของสองปีให้หลัง
หิมะหนักปลิวว่อน
คนวัยเยาว์ผู้องอาจผู้หนึ่งถือหอกยาวสีดำ กำลังฝึกแทงหอก ในยามนี้ คนรับใช้คนหนึ่งมือถือแผ่นโล่ บนแผ่นโล่หุ้มด้วยหนังสัตว์และสำลีหนาๆ แม้จะดูเทอะทะ แต่หากไม่มีพวกหนังสัตว์และสำลีเหล่านี้หุ้มเพื่อช่วยผ่อนแรง คนรับใช้เหล่านี้ย่อมไม่มีทางยึดโล่เอาไว้ได้
คนรับใช้หลบซ้ายหลีกขวาอยู่ตลอด ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับพุ่งหอกออกไปในทันใด หอกยาวราวมังกรร่อน พลิกหมุนแทงออกมาทำให้เกิดเสียงหวีดแหลม พริบตาเดียวก็แทงเข้าไปในแผ่นโล่แล้ว คนรับใช้รู้สึกว่าสายพลังที่ถ่ายทอดมาจากแผ่นโล่นั้นทำให้สะเทือนไปทั้งร่าง การแทงหอกนี้แม้นับว่าดี แต่เมื่อฟาดฟันโดยทั่วไปนั้น ยังคงต้องเพิ่มแรงขึ้นอีก
“นายท่าน เหตุใดจึงล้วนหลบไม่พ้นเล่า” คนรับใช้ชายร่างบึกบึนพูดด้วยสีหน้าขมขื่น
“ขอเพียงหลบพ้นแค่ครั้งเดียว ก็จะได้หนึ่งตำลึงเงิน พวกเจ้าฝึกให้ดีๆเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด คนรับใช้คนอื่นข้าง ๆ ต่างมองตาลุกวาว หนึ่งตำลึงเงินมีค่าเท่ากับรายได้เดือนหนึ่งทีเดียว เมื่อนานมาแล้วบังเอิญมีคนรับใช้คนหนึ่งหลบหลีกได้สำเร็จ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้ตกรางวัลให้หลายร้อยตำลึงเงิน แต่หลังจากนั้นมาอยากจะได้สักหนึ่งตำลึงเงินก็ยากยิ่งนัก
“วิถีหอกยาวของข้า ไม่ได้ก้าวหน้ามาหลายวันแล้ว การปล่อยพลังแข็งแกร่งรุนแรงนี้เดินมาถึงคอขวดเสียแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำเบา ๆ “ตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ของผู้อาวุโสอัศวินมวลน้ำแข็ง ข้าควรจะเริ่มฝึก “เก็บ” แล้วหรือไม่หนอ”
พลังนี่ ต้องปล่อยเป็น ต้องเก็บเป็น
ทันใดนั้น...
“นายท่าน นายท่าน ไม่ดีแล้วเจ้าค่ะ ไม่ดีแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้นางหนึ่งพุ่งเข้ามาจากนอกลานฝึกยุทธ์ นางมีท่าทีตื่นตระหนก
ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกตะโกนเรียกจนใจสั่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ พูดขึ้นมาในทันทีว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“เป็นใต้เท้าจงหลิง ใต้เท้าจงหลิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเจ้าค่ะ” สาวใช้พูดละล่ำละลัก “มีแต่เลือด”
“ท่านอาจง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง สองปีมานี้ เรื่องน้อยใหญ่ไร้สาระในแดนใต้อาณัติล้วนเป็นท่านอาจงที่ลงแรง ตัวเขาจึงไร้เรื่องกวนใจ สามารถทุ่มเทให้กับการฝึกหอกยาวได้เต็มที่ “ท่านอาจงตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่บ้านใต้เท้าจงหลิงเองเจ้าค่ะ ท่านผู้ปกครองดินแดนร่วมก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน” สาวใช้พูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงวางหอกยาวลง รีบบินเหาะตรงไปยังที่อยู่ของท่านอาจงทันที