icon member

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 34

ตอนที่ 8 หกปีต่อมา

ภาคที่ 2 ตระกูลซือแห่งตำบลชิงเหอ

    หลังปีใหม่

ใต้เท้าซืออานมายังปราการเมืองศิลาหิมะอีกครั้ง

      “งานใหญ่สำเร็จแล้ว” ใต้เท้าซืออานพูดยิ้มๆ “ปรมาจารย์แปรธาตุแห่งโรงหลอมแปรธาตุแห่งทะเลสาบหอมบูรพาท่านนั้นรับเงินหนึ่งแสนตำลึงทองไว้แล้ว ตามที่ข้าตรวจสอบมา ตงป๋อเลี่ยบิดาท่านถูกเรียกให้ไปทำงานบางอย่างในเจดีย์นักเวทย์แล้ว แม้จะหนักหนาดังเดิม แต่บิดาท่านเป็นถึงอัศวินชั้นฟ้า สามารถทนรับได้สบาย อย่างไรเสียโองการตระกูลม่อหยางบอกให้เป็นแรงงานหนักร้อยปี ปรมาจารย์แปรธาตุท่านนั้นเพียงแค่รักษาชีวิตเขาเอาไว้ แต่กลับไม่ยอมฝ่าฝืนโองการ ให้บิดาท่านได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเกินไป”

    “ไม่มีปัญหา สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ก็ประเสริฐที่สุดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดอย่างอดไม่ได้ “ท่านพ่อข้าอยู่ในเจดีย์นักเวทย์ ปลอดภัยดีหรือไม่ จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดหรือเปล่า”

    “เรื่องนี้ท่านวางใจได้เต็มที่” ใต้เท้าซืออานพูด “เจดีย์นักเวทย์ของปรมาจารย์แปรธาตุนั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามอย่างเด็ดขาด ต่อให้เป็นเสมือนเหนือธรรมดาของตระกูลม่อหยางคนนั้น...อยากจะเข้าไปยังเจดีย์นักเวทย์ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากปรมาจารย์แปรธาตุเสียก่อน เพราะต้องให้ความเคารพต่อปรมาจารย์แปรธาตุท่านนี้ อีกทั้งในเจดีย์นักเวทย์มีกลไกมากมาย อันตรายนับไม่ถ้วน ที่นั่นมีผลงานค้นคว้าทั้งชีวิตของปรมาจารย์แปรธาตุผู้แกร่งกล้า ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าออกมั่วซั่วหรอก ม่อหยางเฉินไป๋อยู่ในฐานะอะไร ต่อให้เขาเองก็ไม่กล้าเข้าไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เขาส่งมาแล้ว บิดาท่านย่อมปลอดภัยแน่นอน”

    “ขอบคุณใต้เท้าซืออาน”ตงป๋อเสวี่ยอิงวางใจได้แล้ว จึงพูดอย่างซาบซึ้งใจ

    สำหรับเขาแล้ว เงินทองเป็นเพียงของนอกกาย

    ท่านพ่อสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ นี่สิจึงจะสำคัญที่สุด

“โชคดีที่ได้ใต้เท้าซืออาน มิเช่นนั้นครั้งนี้พวกตงป๋อคงวุ่นวายแน่แล้ว” จงหลิงถอนหายใจพูด เขาและถงซานล้วนถอนใจออกมาเบาๆ คราหนึ่ง

“ฮ่าฮ่า ใช้แรงเหมือนยกมือขึ้นเท่านั้น” ใต้เท้าซืออานพูด “ถึงอย่างไรตงป๋อเลี่ยก็เป็นชาวเมืองอี๋สุ่ยของเรา หากช่วยได้ ข้าย่อมทำสุดกำลังอยู่แล้ว”

    ตงป๋อเสวี่ยอิงเบาใจลงไปได้บ้าง

    แต่ด้วยสถานการณ์ของท่านพ่อในยามนี้แล้ว ยังคงไม่มีทางพอใจได้ดังเดิม

ท่านแม่ถูกกักบริเวณอย่างโดดเดี่ยวในที่แห่งหนึ่งตลอดกาล นี่มีค่าเท่ากับการจองจำอันยาวนาน อีกทั้งโดยทั่วไปแล้ว คนที่ถูกขังก็ล้วนมีเพื่อนให้ปลดเปลื้องความทุกข์ได้ แต่การกักบริเวณนั้น...กลับโดดเดี่ยวเดียวดาย

       ท่านพ่อก็ต้องทำงานหนักเหนื่อยตลอดเวลา

    “พลังของข้านั้นอ่อนแอเกินไปแล้ว”

“แม้แต่ชั้นสมญาก็ยังมิใช่”

“อยากจะทำบรรดาศักดิ์โหวเจวี๋ยกิตติมศักดิ์ให้ท่านพ่อก็ไม่มีหวัง ต้องรีบสุดกำลังแล้ว หลังสายเลือดโบราณกาลของข้าตื่นรู้ ร่างกายก็เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยิ่งฝึกฝนมากขึ้น ก็ทำให้ร่างกายของข้ายกระดับได้รวดเร็วยิ่งขึ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงแอบพูดเบาๆ

    ก็เหมือนกับมังกรยักษ์ในตำนาน

    พวกมันล้วนเป็นชีวิตเหนือธรรมดาทั้งสิ้น มังกรยักษ์เหล่านี้ขอเพียงโตเต็มที่ก็เป็นชีวิตเหนือธรรมดาแล้ว แต่มังกรยักษ์บางตัวที่รู้จักฝึกฝนบำเพ็ญนั้นมีพลังสูงส่งกว่ามังกรยักษ์ตัวอื่นมากมายนัก

    เหตุผลอย่างเดียวกัน

    “สายเลือดพลัง” ตื่นรู้เช่นเดียวกัน ฝึกฝนอย่างหนักหน่วง และนอนหลับให้เต็มที่ทุกวัน พลังย่อมแตกต่างกันมากมาย

    ตงป๋อเสวี่ยอิงจะทำให้พลังของตนยกระดับขึ้นสูงให้ได้มากที่สุด

  ……

ในที่ว่างผืนหนึ่งข้างหอไม้ไผ่ในภูเขาด้านหลัง ตั้งหุ่นแปรธาตุเอาไว้สองตัว  หุ่นแปรธาตุตัวหนึ่งราคาห้าพันตำลึงทอง หากเป็นชั้นสมญาลงไปแล้วย่อมไม่มีทางทำลายได้แม้แต่น้อย ต่อให้เป็นชั้นสมญา โดยทั่วไปแล้วหากพอทำลายได้เล็กน้อย พลังฟื้นฟูตนเองของหุ่นแปรธาตุก็สามารถฟื้นฟูได้ ดังนั้นจึงเป็นเครื่องมือที่เหล่าปรมาจารย์เวทย์ใช้ทดลองเป็นประจำ

    หุ่นแปรธาตุเหล่านี้ต้องเข้าไปในเมืองอี๋สุ่ยแล้วซื้อมาโดยเฉพาะ ทั้งยังต้องเชิญนักเวทย์มาตั้งหุ่นให้โดยเฉพาะ อยากจะยกย้ายไปนั้นยากนัก ลองคิดเอาเถิดว่าแม้แต่วิถีหอกยาวของตงป๋อเสวี่ยอิงก็สั่นคลอนพวกมันมิได้ ก็จะรู้ว่าหุ่นเหล่านี้มั่นคงเพียงใด

 “ปัง” 

“ปัง”

    หอกยาวดุจสายฟ้าฟาด ทั้งวาด ตี ผ่าและทลาย ระหว่างที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนไหวนั้น ทุกกระบวนท่าล้วนทรงอานุภาพยิ่งใหญ่

    แม้จะถึงเขตแดนปรมาจารย์วิถีหอกยาวแล้ว หากพูดถึงการยกระดับเขตแดน การฝึกวิถีหอกยาวนั้นแทบจะมองข้ามไปได้ แต่หากพูดถึงการบีบคั้นร่างกายแล้วกลับมีประโยชน์มากมาย ด้านหนึ่งก็คือหลังสายเลือดพลังตื่นรู้นั้น พลังฟื้นฟูร่างกายช่างน่าตกใจ ทุกครั้งที่ฟื้นฟูนั้น กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูกก็จะค่อยๆ วิวัฒน์ทีละเล็กทีละน้อยในหนึ่งครั้ง การวิวัฒน์เช่นนี้เมื่อสะสมไปเรื่อยๆ จนนับไม่ถ้วน ก็เท่ากับว่าพลังได้ยกระดับขึ้นอย่างมากมายแล้ว ส่วนอีกด้านหนึ่งคือการฟื้นฟูร่างกายใช้พลังมากมาย เช่นนั้นแล้วเมื่อฝึกวิถีพรางอัคนีสามขั้น ก็จะสามารถดูดซับพลังอัคนีจากโลกภายนอกเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น

    อีกทั้ง...

    การรับรู้ฟ้าดินและธรรมชาติ ก็สามารถทดลองได้ระหว่างฝึกหอกเช่นกัน

    “ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…” หยาดเหงื่อชุ่มเสื่อผ้า พลังของตงป๋อเสวี่ยอิงครบสมบูรณ์เป็นหนึ่ง สามารถสัมผัสได้ถึงความเหน็ดเหนื่อยของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูกทุกแห่งในร่างกาย ที่ใดที่ยังฝึกฝนไม่เพียงพอก็ย่อมจะเข้มแข็งขึ้นได้อีก

    ภายใต้การบีบคั้นเช่นนี้ ความสามารถที่ซ่อนอยู่ของสายเลือดพลังก็ถูกเผยออกมาอย่างไม่ขาดสาย

  *****

    ต้นหญ้าบนภูเขาศิลาหิมะ เมื่อเหี่ยวเฉาครั้งหนึ่งก็คือหนึ่งปี มันเหี่ยวเฉาครั้งแล้วครั้งเล่า

    พริบตาเดียวก็ผ่านไปหกปีแล้ว

    ข่งโยวเยวี่ยสาวน้อยที่ยังอ่อนวัย ตงป๋อชิงสือที่ซุกซนยิ่ง และตงป๋อเสวี่ยอิงที่เผยคมดาบให้เห็นตั้งแต่ยังวัยเยาว์ในตอนนั้น...มาบัดนี้ล้วนเติบใหญ่แล้ว

    “ซู่ ซู่ ซู่...”

    น้ำพุตกกระทบลงในบึงน้ำ เสียงนั้นสะท้อนกลับมา ยิ่งเห็นได้ชัดว่าโดยรอบนั้นเงียบสงบ

    หนุ่มน้อยชุดดำคนหนึ่งกำลังหลับตานั่งขัดสมาธิอยู่บนหินก้อนใหญ่อย่างเงียบๆ ใบหน้าของเขาคมดุจมีดสลัก หน้าตาละม้ายคล้ายไปทางบิดา  ใบหน้านั้นสามัญยิ่ง มิอาจนับได้ว่าหล่อเหลา แต่ท่าทีไเก็บตัวดุจหินผานั้นดูไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ในยามนี้เขาหายใจช้าเสียจนแทบสัมผัสไม่ได้ หัวใจก็เต้นช้าเสียจนผิดปกติ เกรงว่าจะเต้นเพียงหนึ่่งครั้งในหนึ่งนาที เลือดก็ไหลเวียนอย่างเชื่องช้ายิ่ง

    “หายใจออก…หายใจเข้า...”

    เขาลืมตาขึ้นในฉับพลัน การหายใจทำให้กระดูกสันหลังของเขาเคลื่อนไหวขึ้นลงราวกับมังกรใหญ่     เมื่อ起伏เข้าท้องก็พองขึ้นเล็กน้อย ราวกับอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนถูกสูดเข้าไปในร่างกาย

หายใจออก    

      เมื่อหายใจออกนั้น แรงอากาศสายหนึ่งพุ่งออกมาจากปากอย่างรุนแรง พุ่งไปกระทบกับผิวน้ำในบึงด้านหน้า บึงน้ำที่เรียบนิ่งมาตลอดนั้นกลับระเบิดออกเสียงดังลั่น ผิวน้ำพลันลึกลงไปเป็นโพรง สายน้ำจำนวนมากพรั่งพรูขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วสาดกระจายไปทั้งสี่ทิศ

    เมื่อหายใจเข้าออกครั้งหนึ่ง เส้นเลือดทั้งกายจากเดิมที่นิ่งสงบเชื่องช้านั้นกลับเริ่มพลุ่งพล่านเพิ่มความเร็วขึ้น หัวใจก็ฟื้นกลับมาเต้นตามจังหวะปกติอย่างรวดเร็ว

    เขาลุกขึ้นยืน พลังการต่อสู้ที่ผิวกายพลุ่งพล่าน  พลังการต่อสู้สีแดงเพลิงจับตัวกันเป็นชั้นป้องกัน ทั้งร่างราวกับเทพนักรบพรางอัคนี วิถีพรางอัคนีสามขั้นที่เขาฝึกมาไม่รู้กี่รอบในหลายปีมานี้ เป็นเพียงวิถีการต่อสู้ระดับกลางเท่านั้น ในการแสดงของเขานั้นกลับอ่อนแข็งผสานกัน เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แปลกประหลาด 

    บางช่วงกระบวนท่าเชื่องช้า แต่บางครั้งก็เพิ่มความเร็วแล้วระเบิดออกมากะทันหัน

    “บึ้ม”ฝ่ามือนั้นพลันผ่าออกไป ฝ่ามือนั้นกลึงอากาศจนก่อตัวเป็นกระแสอากาศแรงดันสูง   กระแสอากาศทรงโค้งสีขาวสายนี้แหวกผ่านอากาศดังฟิ้ว ผ่าลงบนก้อนหินไกลออกไป หินใหญ่ก้อนนั้นพลันปรากฏรอยแยกมหึมาขึ้นมา เศษหินจำนวนมากปลิวว่อน กลิ้งหล่นลงในธารภูเขาไกลลิบ

    ตงป๋อเสวี่ยอิงแสดงการฝึกวิถีหมัด

    ทุกกระบวนท่านั้น

    เมื่อระเบิดกระแสอากาศแรงดันสูงที่เกิดจากหมัดและฝ่ามือออกไปนั้น ก็สามารถแยกก้อนหินใหญ่ออกจากกันได้อย่างง่ายดาย 

    “เก็บ” เมื่อเก็บกระบวนท่ากลับ กลิ่นอายทั้งหมดล้วนสงบลง พลังการต่อสู้ที่ผิวกายก็ถูกเก็บกลับจนสิ้น

    “พลังของข้าเริ่มเติบโตได้ช้าลงแล้ว”ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “รอพลังการต่อสู้ของข้าบรรลุถึงชั้นจันทร์เงินเสียก่อน ร่างกายจึงจะสามารถยกระดับได้อย่างรวดเร็วอีกครั้งกระมัง”

    “ทว่าเพียงพอแล้ว”

    การฝึกฝนอย่างหนัก เผยความสามารถที่ซ่อนอยู่ของสายเลือดพลังของตนออกมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้บัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงมีพลังที่เหลือเชื่อ

เพราะพลังของเขาครบสมบูรณ์เป็นหนึ่ง ดังนั้นพลังการต่อสู้จากชั้นฟ้าจึงก้าวเข้าสู่ชั้นดาวตกอย่างไร้อุปสรรคแม้แต่น้อย หากสะสมได้มากพอก็ย่อมบรรลุได้แน่นอน พลังการต่อสู้ที่แปรเป็นของเหลวนั้นยิ่งช่วยเรื่องการวิวัฒน์ร่างกายได้มาก ครึ่งปีมานี้ ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด แต่ช่วงไม่นานมานี้ก็เริ่มจะช้าลงแล้ว

    “พลังการต่อสู้ของข้า แม้จะเป็นเพียงชั้นดาวตก แต่สายเลือดพลังของข้าตื่นรู้ ที่สุดแล้วร่างกายของข้าก็แข็งแกร่งกว่านั้น”

    “เพิ่งตื่นรู้เมื่อหกปีก่อน พลังของข้าก็ถึงจุดยอดของชั้นดาวตกแล้ว มาบัดนี้ ตามการทดสอบกับหุ่นแปรธาตุแล้ว ตามปกติพลังร่างกายของข้าควรถึงจุดยอดของชั้นสมญาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงแอบรำพึง “แม้จนถึงบัดนี้ข้ายังไม่สามารถไปถึงขั้นฟ้าและคนรวมเป็นหนึ่งได้ นี่ก็คือข้อแตกต่างของข้าและอัศวินสมญา แต่ร่างกายของข้าแข็งแกร่งมากพอ อีกทั้งเมื่อสายเลือดพลังระเบิดออก พลังยังเพิ่มทวีคูณได้อีก”

    อาศัยพลังโดยเปรียบเทียบแล้ว

    โดยเปรียบเทียบแล้ว ในชั้นสมญาเขาก็จัดอยู่ในแถวหน้าแล้ว แต่น่าเสียดายว่าเขาไม่สามารถไปถึงขั้น “ฟ้าและคนรวมเป็นหนึ่ง” ได้

    “ถึงเวลาอันควรที่จะไปรับภารกิจแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้ดี

    “ท่านพี่เสวี่ยอิง ท่านพี่เสวี่ยอิง”

    ทันใดนั้นเสียงไพเราะนุ่มนวลของหญิงสาวก็ลอยมาแต่ไกล

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด