ตอนที่ 15
ตอนที่ 15 เงื่อนไขของปรมาจารย์เวทย์
ตงป๋อเสวี่ยอิงรีบสะพายกล่อง “หอกเทพหิมะเหิน” ขึ้นมา มือขวากดปุ่มกลไกบนขอบกล่อง ฉึบ ฉึบ ด้านบนสุดของกล่องอาวุธที่สะพายอยู่ก็มีหอกยาวสองท่อนโผล่ออกมา จากนั้นสองมือที่ว่องไวของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ดึงเอาหอกยาวสองท่อนที่อยู่ด้านหลังขึ้นมา จากนั้นจึงสอดไปด้านหลัง หอกก็เข้าไปในกล่องอาวุธอย่างง่ายดาย มีเสียงแกร๊กหนึ่งครั้ง กล่องปิดตายอย่างสมบูรณ์
“ท่านพี่หล่อเหลายิ่งนัก” ชิงสือตาเป็นประกายทันที
“อีกหน่อยเจ้าเป็นปรมาจารย์เวทย์ก็ยิ่งหล่อกว่านี้อีก” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มมองน้องชาย
“ฮ่า ๆ กล่องอาวุธนี่ ข้าสร้างมาใส่เองต่างหาก” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงขายสินค้าที่ดองไว้มานานปีออกไปได้ก็อารมณ์ดียิ่งนัก “บนขอบยังมีกลไกอีกหลายที่ เมื่อออกไปพเนจรผจญภัยอยู่ข้างนอก ของพวกเชือกต่าง ๆ ก็ล้วนวางในกล่องอาวุธได้”
กล่องอาวุธนั้นเบามาก ทั้งยังเก็บของได้หลายอย่าง
ทั้งยังสามารถเก็บและหยิบพวกอาวุธที่หนักและยาวได้อย่างรวดเร็วยิ่ง
“กล่องอาวุธที่สร้างมาใส่เองอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามยิ้ม ๆ “ผู้หล่อหอกหิมะเหินไม่ได้สร้างกล่องเฉพาะขึ้นมาใส่ นี่ไม่ถูกต้องนักกระมัง”
ปรมาจารย์เวทย์แปรธาตุบางคน หลังหล่ออาวุธชั้นดีเสร็จชิ้นหนึ่งแล้ว ก็จะสร้างของใช้คู่กันขึ้นมาด้วย บรรจุภัณฑ์ล้วนแล้วแต่ประณีตงดงาม
แต่กล่องอาวุธของหอกยาวชิ้นนี้กลับเป็นกล่องอาวุธที่สร้างขึ้นมาใส่เองเช่นนั้นหรือ
ตงป๋อเสวี่ยอิงสนใจอยากรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของหอกนี้มาก
เพราะว่าผู้หล่อหอกเล่มนี้ขึ้นมานั้น ย่อมรู้ถึงส่วนที่ล้ำค่าของหอกด้ามนี้เป็นอย่างดี ว่ากันตามหลักแล้ว ราคาควรจะสูงเทียมฟ้า แต่ท่านชายฉวนเถ้าแก่เจ้าของร้านนี้ เพียงแค่หนึ่งหมื่นแปดพันตำลึงทองก็ขายให้ตนแล้ว นี่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งอยากรู้ความเป็นมาของหอกยาวเล่มนี้
“วางใจเถิด ในเมื่อซื้อมาแล้ว ข้าไม่มีทางเสียใจภายหลังแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดอีก
“อา...” ชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงลังเลครู่หนึ่งแล้วก็พูดว่า “น้องเสวี่ยอิง ข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้านะ เมื่อตอนข้าทำการค้าอยู่ข้างนอก เคยพบกับขอทานชราผู้หนึ่ง มากินบนที่ของข้าแล้วไม่จ่ายเงิน…ข้ารู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา จึงยอมให้เขากินดื่ม สามปีต่อมาเขาก็เปิดเตาหลอมหอกยาวอันนี้ขึ้นมา บอกว่าพอชดใช้ค่าสุราอาหารที่กินดื่มไป แล้วคนก็จากไป ตอนนั้นข้าตื่นเต้นมากจริง ๆ ได้พบยอดคนที่เก่งกาจเข้าให้แล้วจริงด้วย จึงรีบส่งไปตีค่า ตีค่ามาหลายครั้ง ก็พบว่ามีประโยชน์แค่ทำให้เกล็ดหิมะหลงได้บ้าง แต่ก็ไม่มีคุณสมบัติพิเศษอันใด โชคดีที่สามารถรับพลังที่แข็งแกร่งได้มากพอ จึงถูกจัดให้เป็นอาวุธแปรธาตุขั้นสอง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเล็กน้อย
……
ซื้ออาวุธเสร็จแล้ว พวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไปเยี่ยมคารวะปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือ
“ที่อยู่ของท่านปรมาจารย์เวทย์ก็อยู่ที่สุดตรอกนี้แหละ”
“ลงจากม้า คนอื่นรออยู่ที่นี่แหละ ท่านอาจง เจ้าก้อนหิน พวกเราเข้าไปกันเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงจูงมือน้องชาย เดินเลียบซอยเก่าโบราณนี้ไป
“นึกไม่ถึงว่าปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือจะไม่อาศัยในเขตของคนชั้นสูง กลับมาอยู่ในที่อันห่างไกลนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“เขตชนชั้นสูงวุ่นวายเกินไป อยู่ที่นี่สงบจิตใจศึกษาได้มากกว่า” จงหลิงพูดบ้าง
เดินเข้าไปจนสุดตรอก
ก็เห็นจวนที่กินพื้นที่กว้างใหญ่หลังหนึ่ง ประตูใหญ่ปิดสนิท ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปเคาะประตูด้วยตนเอง
“ผลัวะ” ประตูเปิดออก หนุ่มน้อยผมสั้นคนหนึ่งถามอย่างงุนงงว่า “พวกท่านมาหาใครหรือ”
“ข้าคือตงป๋อเสวี่ยอิงแห่งดินแดนอินทรีหิมะ มาเยี่ยมคารวะปรมาจารย์เวทย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ท่านก็คือมารหอกผู้นั้นหรือ” หนุ่มน้อยผมสั้นร้องเสียงหลง แล้วก็รีบเอามือปิดปากทันที
“ศิษย์น้อง ผู้ใดกัน” ในจวนมีเสียงของหนุ่มน้อยสาวน้อยจำนวนหนึ่ง
“อาจารย์กำลังปิดประตูทดลองอยู่ ใครก็ไม่กล้าไปรบกวนทั้งนั้น เกรงว่าท่านชายตงป๋อคงต้องรอสักครึ่งชั่วยาม” หนุ่มน้อยอธิบาย “รออาจารย์ออกมา ข้าจะรีบมาบอก ตอนนี้ข้าเองก็ไม่กล้าปล่อยท่านเข้าไป”
“ได้ ข้าไม่รีบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงมีความอดทนสูงนัก
……
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ไป๋หยวนจือสวมอาภรณ์สีขาวตัวหลวม ผิวมีรอยเหี่ยวย่นอยู่บ้าง หนวดสีดำยาวไปถึงเหนือท้อง ปีนี้เขาอายุเก้าสิบต้น ๆ แล้ว เขามองหนุ่มน้อยชุดดำที่สะพายกล่องอาวุธผู้นั่งอยู่ตรงหน้าก็แอบตกตะลึงอยู่บ้าง เขารู้สึกได้ว่ากลิ่นอายคมเข้มบนร่างของเขานั้น ย่อมไม่ใช่ยอดฝีมือวิถีหอกธรรมดาเป็นแน่
“ท่านปรมาจารย์เวทย์” ท่าทีของตงป๋อเสวี่ยอิงนอบน้อมยิ่ง
“มีเรื่องอันใด เชิญพูดมาเถิด ข้ายังมีเรื่องต้องทำอีกมาก” ไป๋หยวนจือพูดตรงยิ่งนัก
“ท่านปรมาจารย์เวทย์ตรงไปตรงมายิ่ง เช่นนั้นข้าก็พูดตรง ๆ เลยแล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “หลังปีใหม่น้องชายข้าก็สิบขวบแล้ว เขามีพรสวรรค์ด้านเวทย์สูงยิ่ง ข้าหวังว่าเขาจะสามารถคารวะท่านปรมาจารย์เวทย์ เป็นศิษย์ในสำนักของท่านได้”
“รับศิษย์ในนามสักคนไม่ยากหรอก แค่ต้องมีเงื่อนไขบ้างเท่านั้น” ไป๋หยวนจือพูดส่ง ๆ
“ไม่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้าเบา ๆ “ข้าหวังให้น้องชายข้าเป็นศิษย์ถ่ายทอดเองของท่านปรมาจารย์เวทย์”
“ถ่ายทอดเองหรือ” ไป๋หยวนจือขมวดคิ้ว “แม้ข้าจะอายุเกินเก้าสิบแล้ว แต่ในหมู่ปรมาจารย์เวทย์ชั้นดวงดารากลับไม่นับว่าชรา ข้ายังอยากเดินไปในโลกปรมาจารย์เวทย์ให้ได้ไกลอีกสักหน่อย ดังนั้นจึงสิ้นเปลืองพลังงานไปอย่างง่าย ๆ ไม่ได้ จนถึงวันนี้ข้ารับศิษย์ถ่ายทอดเองเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เจ้าจะให้ข้ารับน้องชายเจ้าเป็นศิษย์ถ่ายทอดเอง…ก็มิใช่ว่าไม่ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขสองข้อ ทำได้เพียงข้อเดียว ข้าก็จะรับน้องชายเจ้าเป็นศิษย์ถ่ายทอดเอง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เวทย์พูดมาเถิด”
“ข้ารีบร้อนต้องการวัตถุดิบสัตว์มารชิ้นหนึ่งคือหัวใจจันทร์เงิน” นัยน์ตาทั้งสองของไป๋หยวนจือสาดแสง “ซึ่งก็คือหัวใจของสัตว์มารขั้นสี่ “ราชันย์หมาป่าจันทร์เงิน” จำเป็นต้องสดที่สุด ระยะเวลาเก็บรักษาเกินสามวันไม่ได้”
“แล้วเงื่อนไขอีกข้อหนึ่งเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
หัวใจของราชันย์หมาป่าจันทร์เงิน ทั้งยังต้องสดอีกเช่นนั้นหรือ
เงื่อนไขสูงเกินไปแล้ว
“ปรมาจารย์เวทย์ต้องใช้เงินมาก” ไป๋หยวนจือถอนหายใจ “การทดลองต่าง ๆ ต้องใช้เงิน แต่หาเงินกลับไม่ง่าย หากได้ห้าหมื่นตำลึงทอง ข้าก็รับศิษย์ถ่ายทอดเองได้อีกคนหนึ่ง”
พวกชนชั้นสูงทั้งเมืองอี๋สุ่ย ต่อให้ขายแดนใต้อาณัติเอาเงิน ผู้ที่จะหาได้ห้าหมื่นตำลึงทองก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง
แต่แดนใต้อาณัติเป็นรากฐานของชนชั้นสูง แม้จะได้ห้าหมื่นตำลึงทองจริง ก็ยังน้อยเสียจนน่าสงสาร
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืดกายขึ้น
ไป๋หยวนจือถอนหายใจ
เขารู้ดีว่าเงื่อนไขของตนนั้นสูงเกินไป
“ภายในหนึ่งเดือน ข้าจะนำหัวใจจันทร์เงิน หรือไม่ก็ห้าหมื่นตำลึงทองมาพบท่านปรมาจารย์เวทย์ให้ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนขึ้นพูด
ปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือสะดุ้ง
รับปากแล้วหรือ
ปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจืออดตื่นเต้นไม่ได้
“ก็ต้องรอท่านเจ้าแดนมาแล้ว” ปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือก็ยืนขึ้นมา ท่าทีเกรงใจขึ้นมาก ศิษย์ถ่ายทอดเองที่เขารับไว้คนแรกเป็นบุตรของเพื่อนรักที่ทิ้งเอาไว้ หากไม่มีเงื่อนไขที่ดีพอเขาก็ขี้เกียจจะเปลืองแรงจริง ๆ เขายื่นข้อเสนอสูงเพียงนี้ จวบจนบัดนี้ชนชั้นสูงเมืองอี๋สุ่ยไม่เคยมีใครรับปากเขา แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับรับปากแล้ว
“ข้าขอตัวก่อน ท่านปรมาจารย์เวทย์ไม่ต้องส่งขอรับ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืดกายขึ้นแล้วออกมาข้างนอก
ปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือยืนอยู่ตรงหน้าต่างแล้วมองไปในลานเบื้องล่าง ตงป๋อเสวี่ยอิงจูงมือน้องชายเดินออกจากจวนไป พญางูหกกรจงหลิงผู้มีผมสีเงินอยู่ด้านข้างตลอด
“ดูท่าเจ้าแดนวัยเยาว์ผู้นี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว” ปรมาจารย์เวทย์ไป๋หยวนจือเผยรอยยิ้มน้อย ๆ ออกมา
……
“ท่านพี่ เป็นอย่างไรบ้าง” ชิงสือถามอย่างรอคอย
“รอหลังปีใหม่ถึงจะรู้ผล” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้ม ๆ “วางใจเถอะ ชิงสือ ปรมาจารย์เวทย์น่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ รออีกหน่อย รอถึงหลังปีใหม่ก็แล้วกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงแอบดีดลูกคิดในใจ
ในหนึ่งเดือนหาหัวใจจันทร์เงินหรือไม่ก็ห้าหมื่นตำลึงทองมาให้ได้…
เวลาที่ตนกำหนดนั้นถือว่าสบายมากแล้ว คงจะไม่เป็นปัญหาอะไร รอเรียบร้อยแล้วค่อยบอกน้อง ตอนนี้จะไปพูดโม้กับน้องชายไม่ได้