นิยายไทยรัฐ
เรือนหอรอเฮี้ยน

- แนว
- :
- บทประพันธ์โดย
- :
- บทโทรทัศน์โดย
- :
- กำกับการแสดงโดย
- :
- ผลิตโดย
- :
- ช่องออกอากาศ
- :
- อื่นๆ
- นักแสดงนำ
- :
เรือนหอรอเฮี้ยน ตอนล่าสุด
ตะวันฉาย หนุ่มมาดกวนเซอร์ๆ แต่เท่ ลูกชายเศรษฐีเจ้าของตลาดร้อยล้าน เพิ่งเรียนจบจากอเมริกา และกำลังเดินทางกลับประเทศ เขาดวงดีที่ได้อัพเกรดจากชั้นประหยัดมาเป็นชั้นเฟิร์สคลาส เพราะความผิดพลาดในการออกตั๋วของพนักงาน
เขาเดินตามแอร์โฮสเตสไปที่ชั้นเฟิร์สคลาสอย่างเท่ แอร์โฮสเตสฉีกยิ้มให้ตลอดเวลาตามสโลแกนของสายการบินซันไชน์ที่ว่า “การให้บริการที่ดีที่สุด เพื่อการเดินทางที่ดีที่สุด และรอยยิ้มพิมพ์ใจ”
แต่รอยฉีกยิ้มของแอร์โฮสเตสที่ตะวันฉายเห็นตลอดเวลาที่เธอให้บริการนั้น กลับทำให้เขารู้สึกอึดอัด กระทั่งบางครั้งสยองมากกว่าอบอุ่นเป็นกันเอง ดังนั้น เมื่อเธอพาเขามานั่งตามบอร์ดดิ้งพาสและฉีกยิ้มให้อีกทีก่อนเดินไป ตะวันฉายมองตามพึมพำแหยงๆ
“กว่าจะถึงเมืองไทยสงสัยจะเหงือกแห้ง”
แต่ในความโชคดีของตะวันฉาย ก็มีโชคร้ายแฝงอยู่และกำลังคืบคลานเข้ามาหาเขา...
ระหว่างที่ตะวันฉายกำลังกระเย้อกระแหย่งยัดกระเป๋าเป้ในช่องเก็บของเหนือหัวนั่นเอง...
รัตติกาล นักแสดงสาวสวยดาวรุ่งในฟากฟ้าบันเทิงของไทย ก็เดินเชิดเข้ามา เธอมาทำงาน และกำลังจะเดินทางกลับในเที่ยวบินนี้เช่นกัน แมรี่ผู้จัดการส่วนตัวเดินมาส่งที่ชั้นเฟิร์สคลาส เธอบอกแมรี่ว่า อยากพักผ่อนให้แมรี่กลับไปที่นั่งของตัวเองได้แล้ว
แมรี่บ่นอุบอิบว่ามาก็มาด้วยกัน กลับก็กลับด้วยกันทำไมตนไม่ได้นั่งชั้นเฟิร์สคลาสด้วยกัน รัตติกาลอ้างว่า ตนเหนื่อยมากอยากพักผ่อนต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ พอดีแอร์โฮสเตสมาตามบอกว่าชั้นประหยัดเชิญทางนี้ แมรี่เลยเดินหน้าง้ำตามไป
ตะวันฉายยังกระเย้อกระแหย่งยัดกระเป๋าเป้ใส่ที่เก็บของเหนือหัว พอยัดได้สำเร็จก็จะนั่ง เป็นเวลาที่รัตติกาลเจอที่นั่งของตัวเองหย่อนตัวจะนั่งเหมือนกัน
“โป๊ก!!” หัวต่อหัวโขกกันอย่างจัง จนรัตติกาลร้องโอ๊ย ส่วนตะวันฉายรีบขอโทษตามแบบสุภาพบุรุษ แต่คำขอโทษของเขาไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีเลย กลับด่ามาอย่างหัวเสียว่า
“ตาอยู่ที่ตาตุ่มรึไง ไม่เห็นเหรอว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้ ซุ่มซ่าม”
ถูกเหวี่ยงใส่ขนาดนี้ ตะวันฉายก็ยังใจเย็นบอกว่าไม่เห็น ขอโทษที่ไม่ได้สนใจ
คำว่า “ไม่ได้สนใจ” บาดอารมณ์รัตติกาลนัก ตวาดถามว่ารู้ใช่ไหมว่าตนเป็นใคร ตะวันฉายมองกวนๆด้วยสายตาว่างเปล่าถามว่าเป็นใครหรือ
“เพิ่งกลับมาจากดาวอังคารเหรอยะ ถึงไม่รู้จักดาราดังอย่างฉัน” รัตติกาลหางตาใส่เหมือนเห็นเขาเป็นตัวประหลาด แล้วก็โกรธจี๊ดขึ้นมาอีกเมื่อเขาบอกว่าไม่ได้ใส่ใจอะไรเรื่องนี้ มันไร้สาระ
รัตติกาลหาเรื่องด่าเขาแม้กระทั่งเสื้อที่เขาใส่ที่เขียนไว้ว่า “เซ็กซ์ปลอดภัยปกป้องโลก” ว่าสมองคงคิดแต่เรื่องนี้เลยกล้าใส่เดินไปเดินมาแบบนี้ เลยถูกตะวันฉายอบรมอย่างเจ็บแสบว่า
“ผมสนับสนุนเรื่องพวกนี้แล้วมันผิดตรงไหน ถ้าคุณมีเซ็กซ์ไม่ระวัง ไม่ป้องกันตัวโรคเอดส์ก็ถามหา ยิ่งหน้าตา
ดีๆอย่างคุณย่ิงต้องระวังไม่งั้นได้พาคนตายตามอีกเป็นเบือ”
รัตติกาลเหวอไปเลย อึ้งไปนานกว่าจะด่าออกมาได้ว่าไอ้โรคจิต ประกาศว่าตนยังเวอร์จิ้นอยู่หลุดปากไปแล้วรีบหยุดกึก ตะวันฉายหรี่ตามองกวนๆทำเป็นหูฝาดฟังไม่ชัดถามว่าอะไรนะไม่น่าเชื่อ ถามอย่างจงใจให้เธอพูดใหม่ว่า “คุณบอกว่าคุณเป็นอะไรนะ”
รัตติกาลตอบมั่วไปว่าตนเป็นดารา ดังด้วย ตะวันฉายได้ทีย้ำว่ายิ่งเป็นดารายิ่งไม่น่าเชื่อใหญ่เลย ทำเอารัตติกาลเถียงไม่ออก พาลด่าว่าโรคจิต หุบปากไปเลย ตะวันฉายเลยเปลี่ยนเรื่องบอกเธอว่า เธอนั่งที่ของเขาอยู่ รัตติกาลมองเขาแต่หัวจดเท้าด้วยสายตาที่ดูถูกว่าสารรูปแบบนี้หรือจะมานั่งชั้นเฟิร์สคลาส พอดีแอร์โฮสเตสเข้ามาดูบอร์ดดิ้งพาสของรัตติกาลแล้วผายมือเชิญนั่งในที่ถัดไป
ตะวันฉายอมยิ้มขำๆกับความวีน เหวี่ยงของรัตติกาลแต่สุดท้ายก็ต้องจ๋อยเพราะตัวเองเป็นฝ่ายผิด ส่วนรัตติกาล พอแอร์โฮสเตสบอกที่นั่งของเธอแล้ว เธอก็กระแทกตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิดบ่นอุบอิบ
“นี่มันวันดวงซวยอะไรของฉันเนี่ย...หือ!”
ส่วนพวกแอร์โฮสเตสคนอื่นๆที่อยู่แถวนั้น คนหนึ่งพูดอย่างรับไม่ได้ว่าไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือเจ้าหญิงของวงการตัวจริงเหวี่ยงจนน่าหมั่นไส้ อีกคนบอกว่า
“ก็นั่น รัตติกาล นางเอกที่กำลังฮอตไง ขึ้นเครื่องมาไม่ทันไร ชีก็โวยวายทะเลาะกับผู้โดยสารคนอื่น ซวยจริงๆต้องมาดูแลผู้โดยสารแบบนี้”
แต่ที่แอร์ทั้งสองพากันวิตกกว่านั้นคือ ข่าวพาดหัวจากหมอดูตาทิพย์ที่ว่า ดวงของรัตติกาลถึงคราวเคราะห์ ต่างวิตก กลัวเธอจะพาซวยกันยกลำ
ooooooo
เวลาเดียวกัน หมอดูตาทิพย์ที่ไปอัดรายการเสร็จ ก็ถูกนักข่าวรุมกันสัมภาษณ์ถามว่าดวงของรัตติกาลจะถึงเคราะห์จริงหรือ หมอดูย้อนถามว่าหมอเคยทำนายดวงดาราคนไหนผิดบ้าง นักข่าวอีกคนยิงคำถามว่า รัตติกาลให้ข่าวว่าหมอตาทิพย์อยากเกาะกระแสเธอดัง คราวนี้หมอตอบด้วยเสียงหัวเราะ
“หึๆๆๆ ฮ่าๆๆ ฮิๆๆ”
จากนั้นตอบว่า “หมอรู้...หมอดูดวงให้เซเลบดังๆมาหลายสิบปี ดังอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเกาะใครดังอีก ยังไงรัตติกาลก็ต้องตายแน่ๆเพราะดวงเธอถึงฆาต จะแก้กรรมก็ทำไม่ได้ ตายชัวร์ๆแบบหาศพไม่เจอด้วย”
นักข่าวจอมซอกแซกถามอีกว่าแล้วเมื่อไหร่ พอจะระบุแบบเห็นจะจะได้ไหมหมอดูทำหน้าขลังตอบชัวะ “ไม่เกินวันเกิดปีนี้แน่ หมอเห็นเต็มตา!!!”
ooooooo
บนเครื่องบิน...เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้ว แทนที่เหตุการณ์จะสงบก็มีเรื่องโต้เถียงกันอีกจนได้ เมื่อตะวันฉายหยิบคู่มือแนะนำการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาเปิดดู เสียงพลิกกระดาษทำให้รัตติกาลรำคาญ ดึงที่ปิดตาออก บอกให้เงียบหน่อยตนอยากพักผ่อน ตะวันฉายแนะนำว่าให้เอาอะไรอุดหูเสียจะได้ไม่
หนวกหู
เธอถามอย่างหงุดหงิดว่าหนังสือแบบนี้จะดูไปทำไม ตะวันฉายบอกว่าเผื่อฉุกเฉินจะได้แก้สถานการณ์เอาตัวรอดได้ ส่วนคนไม่อ่านก็คงไม่รอด เขาพูดไม่ทันขาดคำดีก็ถูกตบผัวะที่ปาก รัตติกาลยิ้มเยาะอย่างสะใจแล้วดึงที่ปิดตาลงจะพักผ่อน
ทันใดนั้น เครื่องบินสั่นกระแทกปึงปัง รัตติกาลตกใจร้องลั่น “ว้ายยยยย...” เผลอโผไปซบตะวันฉาย พอเงยหน้าขึ้น เห็นเขาหัวเราะหึๆเพราะทุกอย่างเป็นปกติ เขาบอกเธอว่าแค่เครื่องบินตกหลุมอากาศก็ร้องว้ายแล้ว เธอแก้เกี้ยวด้วยการคว้าคู่มือไปอ่าน เขาถามกวนๆว่ากลัวตายหรือ
รัตติกาลหางตาขวับใส่มองแบบ “ฝากไว้ก่อน” แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้เอาหน้ารอดไปคราวหนึ่ง
ระหว่างทางทั้งคู่ยังมีเรื่องโต้เถียงกันตลอดเวลา กระทั่งเรื่องรัตติกาลทานสลัดเหลือมากมายก็ถูกตะวันฉายอบรม
ว่ารู้ไหมว่ากว่าที่ผักต้นหนึ่งจะโตจนขนาดนี้ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรไปเท่าไร กินทิ้งกินขว้างแบบนี้โลกมันถึงได้ร้อนอย่างทุกวันนี้ไง
“ไอ้โรคจิตตัวพ่อทำเป็นรักโลกชอบยุ่งเรื่องคนอื่นแบบนี้ได้ตายก่อนน้ำท่วมโลกแน่”
“ถึงผมต้องตายก่อนน้ำท่วมโลก แต่ยังไงก็ยังตายช้ากว่าพวกดวงถึงฆาตอย่างคุณแน่”
เป็นเรื่องทันที รัตติกาลหาว่าเขาแช่ง ตะวันฉาย
พยักเพยิดให้เธอมองไปที่ผู้โดยสารสามีภรรยาที่นั่งใกล้ๆกัน ทั้งสองกำลังวิพากษ์วิจารณ์คำทำนายของหมอดูตาทิพย์ว่าทำนายอะไรไม่เคยพลาด ทั้งยังวิตกว่าบินมากับคนดวงถึงฆาตแบบนี้จับพลัดจับผลูจะพลอยซวยไปด้วย
พอฟังจับความได้ รัตติกาลแหวใส่สองสามีภรรยาทันทีว่าให้เคารพสิทธิส่วนบุคคลด้วย ด่าว่า “นินทาเผาขนแบบนี้เขาเรียกว่าปากตลาด”
ขณะเรื่องกำลังจะบานปลายนั่นเอง เครื่องบินก็มีสัญญาณไฟเตือนให้รัดเข็มขัด แอร์โฮสเตสเข้ามาบอกให้ทุกคนกลับที่นั่งและรัดเข็มขัดด้วย เพราะกัปตันแจ้งว่าเรากำลังบินเข้าเขตพายุ
สองสามีภรรยาที่อ่านคำทำนายของหมอดูตาทิพย์มองหน้ากัน ฝ่ายภรรยาพูดเสียงดังว่า
“เห็นไหมคุณ...ดวงยัยดารานั่นพาเราซวยแน่”
ทันใดนั้นเครื่องบินเริ่มสั่น สองสามีภรรยาพนมมือ สวดมนต์ภาวนา รัตติกาลจิกเท้าแน่น นั่งตัวเกร็ง ตะวันฉายเหลือบมองยิ้มๆ เธอรีบทำเชิดวางท่าว่าไม่แยแส แต่ที่แท้ใจสั่น ตึกตัก...ตึกตัก...
ooooooo
ที่คฤหาสน์จันทรา เป็นคฤหาสน์เก่าแก่ทรงยุโรปอายุร่วมร้อยปี ตั้งอยู่กลางป่าที่รกทึบในดงพญาไฟ ดูวังเวง
ที่นี่ “หลวงบวรสงคราม” ชายหนุ่มหน้าตาเคร่งขรึมในชุดทหารยศร้อยเอกเมื่อสมัยพุทธศักราช 2453 ยืนอยู่ในมุมมืดมองภาพวาดบนผนัง พึมพำเสียงทุ้มน่าเกรงขาม
“ท่านหญิงของข้า ใกล้เวลาที่ท่านหญิงจะกลับมาหาข้าเสียที ข้ารอเวลานี้มานานเหลือเกิน”
ครู่หนึ่ง หลวงบวรสงครามก้าวออกจากมุมมืด ใบหน้าที่หล่อเหลาเมื่อต้องแสงจันทร์ที่สาดเข้ามากลับกลายเป็นใบหน้าของผีตายซากที่โครงกระดูกบนหน้ามีเนื้อหนังติดรุ่งริ่งดูน่าสยอง
หลวงบวรสงคราม คือนายทหารยศร้อยเอกเมื่อ 100 ปีก่อน มีคนรับใช้ใกล้ชิดคอยรับใช้หลายคน หนึ่งในนั้นคือกระทิง ขุนทหารคู่ใจ ผู้บ้าพลัง บ๊อง และหูตึง เพราะเคยโดนแรงระเบิดกระแทกที่หัว
กระทง ข้ารับใช้ส่วนตัวของหลวงบวรสงครามที่หลงรักเจ้านายหัวปักหัวปํา ประคองถาดแก้วไวน์สูงที่มีเลือดสีแดงเข้มอยู่ในนั้นเข้ามา โดยมีกระทิงเดินตามมาด้วย แต่พอหลวงบวรฯยกแก้วจะดื่มก็ชะงักเมื่อได้กลิ่นเลือดในแก้ว มองอย่างไม่พอใจทำท่าจะปาแก้วทิ้ง กระทงรีบคว้าไว้หันมาทางกระทิงถามว่าเอาเลือดอะไรมาให้คุณหลวง
กระทิงยกถุงเลือดให้ดูอ้างว่าวันนี้หาเหยื่อหลงป่าเข้ามาไม่ได้เลยเอาเลือดบริจาคมาแทน คุณหลวงโกรธจัด ทำให้เขี้ยวค่อยๆงอกยาวออกมา กระทงตกใจรู้ว่าคุณหลวงกำลังไม่พอใจรีบขอโทษ
“ขอโทษเจ้าค่ะคุณหลวง ต่อไปนี้ ดิฉันจะให้พวกมันไปเอาเลือดมนุษย์สดๆมาให้เจ้าค่ะ และจะห้ามเอาเลือดบริจาคมาให้เจ้าค่ะ” พูดแล้วกระทงรีบลากกระทิงออกไป
คุณหลวงจ้องจิกตามไปนัยน์ตาแดงก่ำเขี้ยวงอกออกมายาวทำให้ดูยิ่งน่ากลัว...
เมื่อออกมาข้างนอก กระทงพากระทิงไปหาอีสีดวงและไอ้ริดสมุนของกระทงและกระทิง สั่งให้รีบไปหาเลือดมนุษย์มาให้คุณหลวงเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นจะถูกคุณหลวงลงโทษ ตบหัวกระทิงที่ยืนมึนอยู่ให้ตามไปช่วยหาเลือดมนุษย์มาให้คุณหลวงด้วย
ทั้งหมดที่อยู่ในคฤหาสน์จันทรานี้ คือมนุษย์เมื่อ 100 ปีก่อน ที่เวียนว่ายรอคอยวันแห่งความหวัง
ooooooo
พายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างแรง ทำให้เครื่องบินสั่นสะเทือนไปทั้งลำ รัตติกาลนั่งตัวเกร็งเริ่มนับ...ลูกแกะตัวที่หนึ่ง...ลูกแกะตัวที่สอง...นับไปจนเกือบถึงตัวที่สิบ ตะวันฉายมองงงๆ พยายามเรียกให้รู้สึกตัวก็ไม่ได้ยิน เลยตะโกนกรอกหู
“คุณณณณณณ”
รัตติกาลสะดุ้งโหยงตะคอกถามว่ามาตะโกนใส่หูตนทำไม ตะวันฉายถามว่ากลัวตายจนสติแตกเลยหรือ รัตติกาลไม่ยอมรับอ้างว่าตนอยากพักผ่อนนอนหลับสบายสักตื่น เดี๋ยวกัปตันก็พาเราบินผ่านพายุได้
ทันใดนั้นเอง เครื่องบินสั่นและกระแทกอย่างแรง รัตติกาลร้องลั่นหันไปซบอกตะวันฉายไม่รู้ตัว พอรู้สึกตัวก็ผละออกหันหน้าหนีแล้วเริ่มนับลูกแกะต่อ ทำท่าผยองอย่างไม่ยอมเสียฟอร์ม
ผัวเมียที่นั่งที่ใกล้กัน ต่างตกใจหน้าซีดปากสั่น ฝ่ายเมียกลัวจนสติแตกหันไปด่ารัตติกาลว่า
“ฉันไม่น่าจะต้องมาซวยแบบนี้เลย เพราะเธอคนเดียว...ดวงเธอกำลังจะทำให้พวกเราตายทั้งลำ”
เสียงด่าดังลั่นจนผู้โดยสารพากันหันมองด้วยสายตาที่กล่าวโทษว่าเธอเป็นตัวซวย รัตติกาลหน้าเสีย รีบหลับตานับลูกแกะไม่หยุด นับไปจนเกือบถึงตัวที่ห้าร้อย ตะวันฉายทนไม่ไหวบอกว่าหันหน้ามาคุยกับตนดีกว่าบางทีอาจจะทำให้เธอหายกลัวได้ แต่รัตติกาลไม่สนใจหลับตานับลูกแกะต่อ
ส่วนคู่โดยสารผัวเมียนั่งเกร็งหน้าซีดปากสั่น เมียพร่ำถามอย่างรับไม่ได้ว่าเราจะต้องตายจริงๆแล้วหรือ ฝ่ายผัวปลอบใจว่าให้ทำใจเสียเพราะเราทำประกันชีวิตไว้ ถ้าเราตายลูกเราเป็นมหาเศรษฐีแน่ๆ
“เหรอ...งั้นฉันขอสารภาพว่าพวกเขาไม่ใช่ลูกคุณ” ตาผัวตกใจร้องเสียงหลงถามว่าว่ายังไงนะ ยัยเมียเลยทำหน้าจ๋อยสารภาพว่า “ฉันขอโทษ ก็คุณไม่ค่อยชอบทำการบ้านกับฉัน ถ้าไม่ได้คุณประกิตฉันคงต้องเฉาแน่ๆ”
“ไอ้ประกิต...ทนายเราน่ะเหรอ”
ยัยเมียร้องไห้ฮือๆ รับว่าใช่ ตาผัวเลยรับสารภาพบ้างว่า ที่ตนไม่ชอบทำการบ้านกับเธอเพราะว่าตนก็เป็นเมียคุณประกิตเหมือนกัน ยัยเมียมองหน้าตาผัวเหวอๆคิดไม่ถึงว่าใช้ผู้ชายคนเดียวกับผัวมาตั้งนาน...
ส่วนแอร์โฮสเตสสองคน คนหนึ่งบอกว่าตนยังไม่อยากตายเพราะพรุ่งนี้จะถึงวันแต่งงานกับกัปตันอยู่แล้ว เขาเพิ่งเอ่ยปากขอฉันเมื่อเช้านี้เอง แอร์อีกคนแผดเสียงใส่ว่าไม่จริงเพราะกัปตันเป็นผัวตน ถามว่ามาอ่อยผัวตนใช่ไหม
“เปล่านะ เขาบอกว่าเธอมันแอร์กี่ เขาอยากได้แอร์ใหม่อย่างฉันมากกว่า”
เมียกัปตันกระโจนเข้าบีบคอเพื่อนแอร์ที่คิดมาแย่งผัวตน พอดีเครื่องสั่นโคลงเคลงจนทุกคนสะดุ้ง แต่ลมเพชรหึงถือคติว่าเสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร ทำให้แอร์กี่ยังคงบีบคอเพื่อนแอร์จนหน้าเขียว
รัตติกาลหลับตาปี๋นับลูกแกะรัวเร็วจี๋พริบตาเดียวก็นับถึง 499 แล้วก็หลุดตะโกนว่าฉันยังไม่อยากตาย หันไปซบอกตะวันฉายภาวนาขอให้พ่อช่วยด้วย ตะวันฉายกอดเธอไว้ปลอบใจว่าไม่ต้องกลัว อยู่ใกล้ตนรับรองว่าปลอดภัยแน่ แต่รัตติกาลก็ยังตัวสั่นเทิ้มอยู่กับอกเขา ตะวันฉายเลยบอกเตือนสติว่า
“ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกที่หมอดูตาทิพย์ทำนายดวงเอาไว้”
รัตติกาลเงยหน้ามองเขาอย่างสงสัย ตะวันฉายเลยเล่าถึงอดีตเมื่อ 25 ปีก่อนตอนที่ตนกำลังจะเกิดให้ฟังว่า
ภัทราคุณแม่ของเขาได้ไปให้หมอดูตาทิพย์ทำนายขณะที่ท้องแก่ใกล้คลอด ภัทราเล่าให้หมอดูตาทิพย์ฟังว่า ตนเจ็บท้องเหลือเกินไม่รู้จะอั้นไว้ตามที่หมอดูตาทิพย์บอกได้นานแค่ไหน
“ต้องไหว เด็กคนนี้เป็นเด็กพิเศษ คุณหญิงต้องให้เขาเกิดตามเวลาที่ฟ้าส่งเขามาเท่านั้น ตามลัคนาราศีที่เด็กคนนี้จะเกิด สวรรค์ส่งเขามาเพื่อให้คุณบิดามารดา ดวงของเขาจะส่งเสริมตัวเองและส่งเสริมบุคคลใกล้ชิดให้พบแต่โชคลาภ เป็นอภิมหาชาตบุตรแน่นอน หมอเห็นเต็มตา...”
ภัทราเจ็บท้องคลอดจนบิดตัวไปมา แต่ก็กัดฟันเม้มปากแน่น อั้นไว้เพื่อให้ “เกิดตามเวลาที่ฟ้าส่งเขามาเท่านั้น” ตามที่หมอดูตาทิพย์บอกไว้
และเมื่อเขาอายุได้ 3 ขวบก็ได้รับบาดเจ็บเพราะถูกรถสิบล้อชนหมดสติไปหลายวัน
ภัทราต่อว่าหมอที่บอกว่าลูกตนดวงดีสวรรค์ส่งมาเกิดทำไมจึงยังได้รับบาดเจ็บจนไม่ได้สติหลายวันเช่นนี้ หมอดูติงว่า “โดนสิบล้อชนนะคุณหญิง ไม่ใช่สะดุดก้อนหินล้ม”
เห็นภัทราสีหน้าทุกข์หนัก หมอบอกว่ายังไงลูกชายคุณหญิงก็ต้องรอด เพราะนอกจากจะมีดวงมหาเฮงแล้วเด็กคนนี้ยังมีดวงมหาอุจอีกด้วย ดวงมหาอุจนี้ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ตกเครื่องบินไม่ตาย อายุยืนแม้แต่ผียังไม่กลัว หมอเห็นเต็มตา” ว่าแล้วหมอถอดแว่นดำออกเผยให้เห็นดวงตาขาวขุ่นที่บอดสนิทไม่เห็นตาดำเลย
พอตะวันฉายเล่าจบ รัตติกาลยิ่งโวยวายว่าถ้าเช่นนั้นตนก็ต้องตายเพราะหมอดูทำนายไว้ว่าดวงตนถึงฆาต
“มันก็ต้องเสี่ยงดู คนดวงดีกับคนดวงซวยมาเจอกัน ผลมันจะออกมายังไงเดี๋ยวก็รู้ กอดผมไว้แน่นๆแล้วกัน”
ระหว่างนั้นเครื่องบินสั่นอย่างแรง เสียงผู้โดยสารกรีดร้องกันสนั่น รัตติกาลกอดตะวันฉายไว้แน่น พร่ำบอก “ฉันยังไม่อยากตาย...ฉันยังไม่อยากตาย”
อึดใจต่อมา เสียงกัปตันก็ประกาศแจ้งว่า ขณะนี้เราได้บินผ่านเขตพายุมาอย่างปลอดภัยแล้ว บรรยากาศคลายเครียดในพริบตา กลายเป็นความกระอักกระอ่วนใจเข้าแทนที่ ผัวเมีย คู่นั้นมองหน้ากันไม่สนิทตา แอร์กี่คลายมือที่บีบคอแอร์สาวที่กำลังหน้าเขียวออก ส่วนรัตติกาลก็ยิ้มเรี่ยราดทำหน้าไม่ถูกที่กลัวจนกอดตะวันฉายไว้เต็มแขน สะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างรู้สึกเสียฟอร์ม ตะวันฉายเห็นแล้วยิ้มขำๆ
ooooooo
ที่สนามบิน...
หาญกล้า พ่อของรัตติกาล อดีตเคยเป็นเสนาธิการทหารฝ่ายวางแผนการรบ มารอรับลูกสาวที่สนามบินกับจ่าติ๊กทหารคนสนิท หาญกล้ากระวนกระวายใจเมื่อรอจนเมื่อยตุ้มเครื่องก็ไม่ลงสักที
แต่แล้วความกระวนกระวายก็หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อหันไปเห็นแอร์โฮสเตสสาวสวยเดินผ่านไป หาญกล้าจับแต่งเสื้อผ้าเช็กความหล่อแล้วเดินตามแอร์โฮสเตสสาวสวยไป ลืมเรื่องรอรับลูกไปชั่วขณะ
ที่สนามบินเดียวกัน ภัทรา แม่ของตะวันฉาย มารอรับหนูดี หรือพิไลพร เกิดคันจมูกจนทนไม่ได้จามฮัดเช้ย...ออกมาลั่น ซ้ำร้ายคือจามใส่หน้าบอยฮ่ะ เลขาฯส่วนตัวเข้าเต็มๆ บอยฮ่ะไม่ได้สนใจหน้าตัวเอง แต่รีบควักผ้าเช็ดหน้าให้คุณหญิงสั่งน้ำมูก คุณหญิงรับไปสั่งดังพรืด บ่นเสียงจมูกบี้เพราะเป็นหวัดว่า
“ขอบใจ ฉันล่ะรำคาญจริงๆ เมื่อไหร่มันจะหายเสียทีไอ้หวัดเนี่ย” บอยฮ่ะติงว่าก็คุณหญิงไม่ไปหาหมอ คุณหญิงบ่นต่อว่า “เป็นแค่หวัดไปให้หมอฟันค่ารักษาเป็นพันทำไม ซื้อยาหมอตี๋หน้าปากซอยมากินก็พอ แล้วนี่ได้เวลาทานยาฉันรึยัง”
บอยฮ่ะหยิบยาออกมาแล้วตกใจ เพราะลืมเอาน้ำมา รีบวิ่งไปซื้อน้ำ ได้ยินเสียงคุณหญิงจามติดๆกันอีกหลายครั้ง จนคนรอบข้างหันมองเป็นตาเดียวกัน คุณหญิงเดินเหนียมๆ เลี่ยงไปสั่งน้ำมูกใส่ผ้าเช็ดหน้าพรืด...พรืด
ooooooo
หาญกล้าจ้ำอ้าวตามแอร์โฮสเตสสาวไป จนเห็นสองสาวขึ้นแท็กซี่ ทั้งยังหันมาโบกมือยิ้มให้ หาญ-กล้าใจเต้นตึกตักคิดว่าสองสาวทอดสะพาน เห็นผ้าเช็ดหน้าขยุ้มๆตกอยู่ที่พื้นยิ่งดีใจนึกว่าสองสาวคงทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้แน่ๆ รีบคว้ามาคลี่ออกดู กลายเป็นขี้มูกเหนียวเขียวอื๋อก้อนเบ้อเริ่ม
หาญกล้าขว้างผ้าเช็ดหน้าลงพื้น ใช้เท้าเขี่ยไปไกลๆอย่างรังเกียจ พลันก็สะดุ้งโหยง
“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เสียงภัทราเขียวยิ่งกว่าขี้มูกแผดขึ้น เพราะเธอทำผ้าเช็ดหน้าหล่นเลยเดินย้อนกลับมาหา
หาญกล้าหันมอง พอสบตากันเต็มๆ เห็นหน้ากันจะจะต่างก็อุทานเหมือนถูกผีหลอก
“พี่หาญ!”
“น้องภัท!”
พริบตาเดียว ทั้งคู่ก็ด่าสาดใส่กันอย่างเผ็ดร้อน
หาญกล้าด่าคุณหญิงว่ายัยคุณหญิงหนังเหนียว คุณหญิงก็ด่าหาญกล้าว่าตาแก่ตัณหากลับ
ขณะภัทราด่าๆๆ นั่นเอง เกิดคันจมูกจามใส่หน้าหาญกล้าเข้าเต็มๆ พอตั้งหลักจะด่ากันต่อ จ่าติ๊กก็มาบอกหาญกล้าว่าเครื่องบินของรัตติกาลลงแล้ว ส่วนบอยฮ่ะวิ่งมาถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ บอกมาได้เลยตนจะจัดการให้
“ไม่ต้อง รีบไปจัดการธุระให้เสร็จเถอะ ไอ้พวกโรคจิตสันดานเจ้าชู้แบบนี้ สักวันกรรมต้องตามทันมันแน่”
ส่วนหาญกล้าเดินหงุดหงิดผละไป ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดหน้า เจอขี้มูกก้อนโตเข้าถึงกับทำท่าสยอง พาลโกรธภัทรา พูดอาฆาต
“เว้ยยยย...ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยแก่หนังเหนียว”
ooooooo
ลงจากเครื่อง ขณะมารอรับกระเป๋าเดินทางนั้น รัตติกาลมองหาตะวันฉายอย่างกังวลจนเห็นเขากำลังเข็นกระเป๋าตัว เองออกไป เธอผละจากตรงนั้นเดินอ้าวตามไป แมรี่ถามว่าจะไปไหน ก็พอดีกระเป๋าเวียนมาถึง เลยต้องรีบวิ่งตามกระเป๋าไป
รัตติกาลจํ้าพรวดๆ เข้าไปหาตะวันฉาย ร้องเรียก “นายอาร์ตตัวพ่อ” เลยถูกเขาหันมาร้องถาม “ยัยเซ็กซี่ตัวแม่ ยังไม่ไปอีกเหรอ” เท่านั้นไม่พอยังพูดกวนประสาทว่าอย่าบอกนะ ว่าติดใจตน
เลยเกิดการจิกแขวะกันตามประสา ตะวันฉายอวดอ้างว่าตนเป็นคนช่วยให้เธอไม่ตาย ส่วนรัตติกาลก็ลอยหน้าบอกว่าตนไม่เชื่อเรื่องดวง เถียงสู้ตะวันฉายไม่ได้ก็พุ่งเข้าไปกระทืบเท้าเขา ถูกตะวันฉายเอ็ดตะโรว่า โรคจิต หน้าตาสวยแต่อยู่ใกล้แล้วสยอง เลยเรียกว่า “แบบนี้มันสวยสยองนี่หว่า”
ที่แท้รัตติกาลตามมาขู่ห้ามเขาเอาเรื่องบนเครื่องบินไปปูดที่ไหน ขืนทำระวังจะโดนเชือด
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่พวกบ้าดารา แล้วผมก็ไม่ได้ กลัวคำขู่ของคุณด้วย คุณเองต่างหากที่ต้องระวังตัว กลับบ้านไปหัดทำบุญเยอะๆ เก้าวัดไม่พอก็ทำมันร้อยวัดเลย อ้อ...แล้วก็หานํ้ามนต์มาอาบกับบ้วนปากด้วยนะ เผื่อจะพ้นเคราะห์ไม่ต้องพึ่งดวงคนอื่น”
ขณะทั้งคู่กำลังโต้เถียงกันจนเอ็นคอขึ้นนั่นเอง แมรี่ ก็เข็นรถขนกระเป๋าเข้ามาบอกรัตติกาลว่าให้รีบไปเถิดเพราะ เห็นพวกนักข่าวมาดักรอกันเต็มเลย พลางทิ้งสายตาให้ตะวันฉายถามรัตติกาลว่าใครหรือหล่อจัง รัตติกาล
ฉวยโอกาสด่าส่งท้ายว่า พวกโรคจิต แล้วชวนแมรี่รีบไปกัน
“ยัยสวยสยองเอ๊ย...” ตะวันฉายพึมพำทำหน้าละเหี่ยแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง พลันก็ชะงักกึกถอยกรูด เมื่อเห็นหนูดี ลูกสาวนักการเมืองผู้มากอิทธิพลทำตัวแอ๊บแบ๊วตลอดเวลาที่คุณหญิง ภัทราหมายตาไว้เป็นสะใภ้ ตะวันฉายหลบแว้บอย่างชำนาญเป็นพิเศษ พึมพำกับตัวเอง
“ซวยแล้วเรา”
ooooooo
รัตติกาลเดินระเหิดระหงมาทางกลุ่มนักข่าว ถูกนักข่าวกลุ้มรุมกันยิงคำถามอุตลุดเรื่องเกิดอุบัติเหตุบน เครื่องบิน จนเครื่องเกือบจะตก นั่นอาจจะเป็นเพราะคำทำนายของหมอดูตาทิพย์หรือเปล่า
“ไม่ใช่อุบัติเหตุอะไรใหญ่โตหรอกค่ะ แค่เจอพายุธรรมดาแค่นั้นเอง หมอดูก็คู่กับหมอเดา เขาอยากดังเลยหาเรื่องทำนายมั่วๆมากกว่า รติขอตัวนะคะ”
รัตติกาลขอตัวแล้วเดินฝ่าวงล้อมของพวกนักข่าวไป แมรี่รีบมาดักพวกนักข่าวที่จะตามไป แหลกับพวกนักข่าวว่าตอนนี้รัตติกาลกำลังเหนื่อยเอาไว้มีข่าว เด็ดๆอะไร ตนจะส่งให้ แล้วรีบจํ้าอ้าวตามรัตติกาลไป ครู่เดียวก็เจอหาญกล้า
ยืนรออยู่ สองพ่อลูกยิ้มให้กันอย่างดีใจ รัตติกาลถลาจะเข้าไปกอดพ่อ ถูกแมรี่แทรกเข้าไปกอดก่อน ซุกเข้าไปในอกของหาญกล้าแนบแน่น
หาญกล้าพยายามแกะมือแมรี่ออก บอกจ่าติ๊กให้มาช่วยแกะออกอีกคนจึงสำเร็จ จากนั้นสองพ่อลูกก็โผเข้าหากัน ต่างรำพึงรำพันความคิดถึงกัน หาญกล้าถามถึงเรื่องอุบัติเหตุบนเครื่อง รัตติกาลตัดบทว่า
“รติไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้วค่ะพ่อ รติอยากกลับไปพักผ่อน”
หาญกล้าประคบประหงมรัตติกาลราวไข่ในหิน พาเดินผ่านหน้าคุณหญิงภัทรากับบอยฮ่ะ ต่างอดที่จะทำเชิดใส่กันไม่ได้ รัตติกาลเห็นอากัปกิริยาของทั้งสองถามพ่อว่าใครหรือ
“ไม่มีอะไรหรอกลูก พวกแก่แล้วลูกเต้าไม่สั่งสอน เที่ยวอิจฉาคนอื่นน่ะ ไปเถอะ”
หาญกล้าประคองรัตติกาลเดินผ่านไป ภัทราค้อนตาแทบกลับพึมพำอย่างหมั่นไส้ว่า “ลูกสาวเป็นดาราดังหน่อยเดียวทำเป็น...เชอะไอ้แก่” พอดีบอยฮ่ะสะกิดบอกว่าหนูดีมาแล้ว ภัทราเลยรีบเดินไปหา
ooooooo
พอหนูดีเห็นภัทราเท่านั้น ก็ร้องทักราวกับทักคนทั้งสนามบิน “อีป้า...” เสียงดังสำเนียงอีสานทำให้ทุกคนหันมอง เห็นหนูดีในชุดแฟชั่นไฮโซสวมกอด
ภัทราจุ๊บซ้ายจุ๊บขวา ทักทายเป็นภาษาฝรั่ง จนภัทราทำหน้างงๆ พอภัทราบอกว่าตนเป็นหวัดนิดหน่อย หนูดีก็อุทาน
“โอ...มายก๊อด...ยูซิค” พลางจับตามเนื้อตัวราวกับเป็นปรอทวัดไข้
“ขอบใจที่เป็นห่วงป้าจ้ะ ป้าทานยาอยู่เดี๋ยวก็หาย หนูดีโตเป็นสาวแล้วสวยจัง อยู่อังกฤษตลอดเวลาไม่ได้กลับมาอยู่เมืองไทยเลยตั้งแต่เล็กๆ คงคิดถึงเมืองไทยมากสินะจ๊ะ”
“คิดฮอดหลายเด้อค่ะอีป้า”
หนูดีตอบอย่างภูมิใจเสียงดังฟังชัด บอยฮ่ะกับภัทราสะดุ้งโหยง บอยฮ่ะบอกว่าภาษาไทยของหนูดีแปลก ดี ภัทราจึงถามหนูดีว่าใครสอนภาษาไทยให้หรือ หนูดีตอบเสียงใสแจ๋วว่า
“อีแหววกับอีน้อย หมอนวดกับแม่ครัวของหนูดีเองค่ะอีป้า สำเนียงไทยของหนูดีชัดหลายเด้อ”
ภัทราหน้าเสียกล้อมแกล้มเออออ ว่าจ้ะ แล้วหนูดีก็ถามถึงตะวันฉาย บอกว่า “คิดฮอดหลายอยากกอดจูบลูบเป้ามันให้หายคิดฮอด” พอภัทราบอกว่าตะวันฉายยังอยู่นิวยอร์ก หนูดีบ่นเสียดาย แต่ก็บ่เป็นหยัง “เอาไว้ไอ้ตะวันฉายกลับมาเราค่อยเซอร์ไพรส์มัน มันต้องดีใจหลายที่เห็นว่าที่เจ้าสาวมารออยู่แล้ว หนูดีจะได้เอามันเป็นผัวเสียที”
ภัทรากับบอยฮ่ะปาดเหงื่อทำหน้าพะอืดพะอม ตะวันฉายแอบฟังอยู่หน้าเครียดทันทีเมื่อนึกถึงอนาคตที่รอตนอยู่
ooooooo
ตะวันฉายมีเพื่อนสนิทคือพิชญ์ เป็นนักเขียนนิยายเร้นลับโดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องผีๆ ทั้งที่ตัวเองกลัวผีจนขี้ขึ้นสมอง พิชญ์อาศัยอยู่ที่วัด มีเณรเปี๊ยกวัย 13 ที่บวชเรียนมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เป็นเพื่อนสนิท
คืนนี้ พิชญ์ดูข่าวอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วขนพองสยองเกล้ากับข่าวนัก ธุรกิจหนุ่มเจ้าของโชว์รูมรถหรูซิ่งตายสยองที่โค้งร้อยศพหลัง มีข่าวพยายามขายขนมจีบรัตติกาลดาราสาวชื่อดัง ครั้นเลื่อนหน้าจอลงมาอีกก็เจอข่าวลูกชายนักการเมืองชื่อดัง ผูกคอตายปริศนา รัตติกาลดาราสาวชื่อดังแสดงความเสียใจ แต่ปฏิเสธว่ายังไม่ใช่เพื่อนคนสนิททั้งที่เคยควงคู่ไปดูหนัง
รอบดึกด้วยกัน
“นี่มันรายที่ 4 แล้วนี่หว่า แปลกเว้ย แต่ละศพตายไม่ธรรมดาเสียด้วย น่ากลัวทั้งนั้น” พิชญ์พึมพำทำหน้าสยอง พลันก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อมีแมวดำกระโจนแผล็วเข้ามาทางหน้าต่าง พิชญ์ร้องแทบไม่เป็นภาษา กระโดดไปนั่งคลุมโปงอยู่บนเตียง ท่องนะโมตัสสะ...เสียงสั่น
ทันใดนั้นผ้าห่มถูกกระชากออก พิชญ์ตัวสั่นเทิ้มหลับ ตาปี๋ บอกว่าอยากได้อะไรจะทำบุญไปให้ อย่ามาหลอกหลอนกันเลย เณรเปี๊ยกที่เอาแป้งพอกหน้าขาววอกดัดเสียงถามว่าจริงหรือ พอพิชญ์ยืนยันว่าจริง เณรเปี๊ยกก็ขอเล่นเกมคอมฯ ได้ไหม พิชญ์เอะใจที่ผีมาขอเล่นเกม พอลืมตาดูกลายเป็นเณรเปี๊ยก เลยลากคอเณรออกไปนอกกุฏิ ถามว่าแมวดำนั่นฝีมือเณร
ใช่ไหม
เณรบอกว่า แมวไปขโมยของกินในครัวก็ต้องไล่ ถามพิชญ์ว่าอยู่ในวัดยังกลัวผีเหรอ แล้วเคยเจอหรือเปล่า พิชญ์ บอกว่าไม่เคยเจอ เลยถูกเณรอบรมว่า เมื่อไม่เคยเห็นก็ไม่ควรไปกลัว พิชญ์ถามว่าแล้วเณรเคยเจอหรือ เณรบอกว่ายังไม่เคย พิชญ์บอกว่าถ้างั้นตนเจอเมื่อไรจะชวนไปดูด้วยกัน เณรรีบส่ายหน้าอ้างว่าไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวหลวงตาดุเอา ว่า แล้วรีบผละไป
ครู่เดียวตะวันฉายก็เดินเข้ามาถามอย่างรู้เรื่องดี
“เป็นนักเขียนนิยายผีอะไรของแกวะไอ้พิชญ์ กลัวผีจนขี้ขึ้นสมองแบบนี้”
“เฮ้ย...ไอ้ตะวัน...” พิชญ์ตกใจสุดขีดนึกว่าถูกผีหลอกที่จู่ๆคนอยู่นิวยอร์กก็โผล่หน้ามา
ตะวันฉายไม่พูดพล่ามทำเพลงส่งเงินให้จำนวนหนึ่งเป็นค่า โทรศัพท์มือถือ ค่าน้ำ ค่าไฟ พิชญ์ถามงงๆว่าทำไม จู่ๆก็เอาเงินมาให้
“ฉันไม่ได้ใจดีสงเคราะห์แกเปล่าๆเว้ย แต่ที่ช่วยเนี่ยเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ฉันจะมาอาศัยอยู่กับแกต่างหาก” แล้วชี้แจงเหตุผลว่า ยังไม่อยากกลับไปฟังแม่บ่น เพราะแม่ส่งเงินให้เรียนธุรกิจแต่ตนกลับไปเรียนกำกับหนัง เลยต้องมาฝึกวิทยายุทธสักพักแล้วพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าตนควรต้องทำในสิ่งที่ตัวเองรักเท่านั้น
ระหว่างนั้น ตะวันฉายเห็นรูปรัตติกาลในจอโน้ตบุ๊กของพิชญ์ เขาร้องลั่นบอกว่า อย่าบอกนะว่าชอบดาราคนนี้เหมือนกัน พิชญ์ถามว่า ทำไมชอบไม่ได้เซ็กซี่ตัวแม่ขนาดนี้
“หึ...สวยสยองน่ะสิ ฉันเจอตัวเป็นๆมาแล้ว ชาตินี้ขออย่าให้เจออีกเลยไม่งั้นซวยแน่ๆ”
“ซวยยังไงวะไอ้ตะวันฉาย เล่าให้ฟังหน่อยสิ ฉันกำลังสนใจเรื่องของเธออยู่เลย กะว่าจะเอามาเขียนเป็นนิยาย มีผู้ชายหลายรายที่เข้าใกล้รัตติกาลแล้ว สุดท้ายต้องตายสยองทุกคน”
ฟังพิชญ์แล้วตะวันฉายสนใจขึ้นมาทันที
ooooooo
ที่คฤหาสน์จันทราในป่าลึกดงพญาไฟ...หลวง-บวรสงครามนั่งดูทีวีเครื่องเก่าแต่ดึกดำบรรพ์อยู่ ภาพมีคลื่นแทรกดูไม่ได้เลย คุณหลวงหงุดหงิดตะโกนเรียกนังกระทงถามอย่างไม่พอใจว่าทีวีไม่ชัดแบบนี้จะดูข่าวดีของตนได้ยังไง นังกระทงเรียกไอ้ริดมาถามว่าไหนบอกว่าติดจานดาวเทียมแล้วไง ไอ้ริดบอกว่าเราอยู่ในที่อับสัญญาณแบบนี้ก็ต้องยอมทำใจ นังสีดวงบอกกระทิงให้ไปช่วยไอ้ริดจัดการที
กระทิงเข้าไปอย่างภาคภูมิใจ ไปถึงก็ตบๆทุบๆทีวีครู่เดียวภาพก็ชัดแจ๋วขึ้นมา คุณหลวงพอใจมากจ้องจอทีวีเขม็ง เป็นการให้สัมภาษณ์ของรัตติกาลเรื่องอุบัติเหตุบนเครื่องบินพอดี ดูแล้วขัดใจนักปิดเครื่องทันทีเมื่อรู้ว่ารัตติกาลรอดพ้นจากอุบัติเหตุนั้นมาได้หวุดหวิด คุณหลวงพึมพำอย่างแปลกใจมากกว่า
“เป็นไปไม่ได้ ท่านหญิงต้องกลับมาอยู่กับข้าที่นี่...ทำไม...ทำไม!!”
“บางทีอาจจะยังไม่ถึงเวลาของหม่อมเจ้ามาลาก็ได้เจ้าค่ะ” นังกระทงเอ่ย
“เป็นไปไม่ได้...ข้ารอเวลานี้มาถึงร้อยปี ท่านหญิงสัญญาว่าจะกลับมา...ท่านหญิงสัญญากับข้าไว้แล้ว” หลวง–บวรสงครามสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวเมื่อนึกถึงอดีต...
ooooooo
อดีตเมื่อพุทธศักราช 2453 ร้อยกว่าปีก่อน หลวงบวรสงครามได้วางแผนร่วมมือกับชาวต่างชาติให้เข้ามายึดแผ่นดินไทยเป็นเมืองขึ้นในยุคล่าอาณานิคม แต่แผนถูกยับยั้ง ทำให้หลวงบวรสงครามต้องพาพวกหลบหนี โดยชิงตัวหม่อมเจ้ามาลาที่คุณหลวงเตรียมจะแต่งงานไปด้วย แต่หม่อมเจ้ามาลาล่วงรู้ความจริงว่าหลวงบวรสงครามคิดคดทรยศชาติ แม้จะถูกชิงตัวไปแต่หม่อมเจ้ามาลาก็สิ้นรักคุณหลวงเสียแล้ว
เมื่อหลวงบวรสงครามหมายใช้กำลังเผด็จศึกหม่อมเจ้ามาลา เกิดการต่อสู้หม่อมเจ้ามาลาแย่งปืนจากคุณหลวง เกิดเสียงปืนลั่นขึ้นในขณะยื้อยุดกัน ปรากฏว่าคุณหลวงถูกยิง หม่อมเจ้ามาลาตกใจวิ่งหนีออกจากบ้าน คุณหลวงพยายามวิ่งตาม ผ่านกระทิง กระทง และริดกับสีดวง คุณหลวงร้อง
พลางตะเกียกตะกาย
“ข้าจะตามท่านหญิงของข้าไป...ท่านหญิง...ท่านหญิง...”
ooooooo
ที่กองถ่ายคืนนี้รัตติกาลกำลังถ่ายละครอยู่ ถ่ายจนหมดคิวแล้วเธอบอกแมรี่ว่าจะกลับไปพักผ่อน แมรี่ทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักนัดให้เธอไปดินเนอร์กับอิงค์ อ้างว่าคุณพ่อเธอก็โอเคด้วยแล้ว
แมรี่วางแผนให้รัตติกาลไปดินเนอร์กับอิงค์ที่กำลังดังเพื่อให้เป็นข่าวงานจะได้เข้าเป็นน้ำไหลไฟดับรับทรัพย์กันมือเป็นระวิง แต่หารู้ไม่ว่าอิงค์เป็นพวกแอบจิตที่ชอบดมกลิ่นสาว
ระหว่างดินเนอร์กันนั้น พัดชานักข่าวสาวสายอาชญากรรมเพื่อนสนิทของรัตติกาลโทร.เข้ามือถือ รัตติกาลลุกเลี่ยงไปรับสาย พอรู้ว่ารัตติกาลกำลังดินเนอร์อยู่กับอิงค์
ก็อิจฉาตาร้อนบอกว่าตนอาจจะออกจากงานนักข่าวไปเป็นดาราแข่งกับเธอ คุยพลางก็หันมาสนใจงานตรงหน้า
เป็นงานไปทำข่าวฆาตกรรม พัดชาไม่เห็นบาดแผลตามตัวศพ ส่วนช่วงล่างมีผ้าคลุมไว้ เธอถามหาบาดแผล พอตำรวจเปิดให้ดูเธอสะดุ้งโหยงอุทาน “แม่เจ้า...หายไปทั้งพวงเลย” เสียงลอดเข้าไปในโทรศัพท์ รัตติกาลถามว่าอะไรหายไปทั้งพวง พัดชาตัดบทว่าอย่ารู้เลย ตัดสายแล้วเดินไปถามตำรวจ
“หมวดคะ แล้วไอ้พวงที่หายไปเนี่ย ยังอยู่แถวนี้หรือว่าเป็นอาหารของเป็ดไปแล้วคะ”
ooooooo
ตะวันฉายกับพิชญ์ถือคติโบราณที่ว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น ดังนั้น เช้านี้ทั้งสองจึงเดินตามเณรเปี๊ยกต้อยๆ เป็นลูกศิษย์วัดไปที่ตลาด
แม้ตะวันฉายจะดวงดีแต่ถึงคราวโชคร้าย ไปเจอคุณนายภัทราผู้เป็นแม่ไปเก็บค่าเช่าแผงที่ตลาดพอดี เขาหลบแว้บแต่ไม่พ้นสายตาภัทรา เพื่อความแน่ใจภัทราจึงโทร.เข้ามือถือของลูกชาย เขาบอกว่าอยู่ที่นิวยอร์กกำลังคุยกับโปรเฟสเซอร์ปรึกษาการลงทุนในตลาดหุ้น ภัทราดีใจมากที่ลูกใส่ใจกับการเรียนและการงาน
ทันใดนั้นมีเสียงแม่ค้าแทรกเข้าไปในโทรศัพท์ ร้องขายปลาเผาเชิญชวนให้ซื้อปลาเผา แต่พอถาม ตะวันฉายบอกว่าแม่หูฝาดไปเอง ตนยังไม่ได้ยินอะไรเลย แล้วทำเป็นสัญญาณไม่ดีขอคุยแค่นี้ก่อน จากนั้นรีบชวนเณรเปี๊ยกกลับวัดก่อนที่จะซวยกว่านี้
ooooooo
ที่แท้ภัทราจับโกหกตะวันฉายได้แล้วแต่นิ่งไว้ให้ตายใจ ตะวันฉายเองก็เดาได้ว่าแม่รู้แล้ว บอกพิชญ์ว่าป่านนี้คงเต้นเป็นเจ้าเข้าแล้ว เขาเล่าให้พิชญ์ฟังถึงความเผด็จการของแม่ว่า ก่อนพ่อตาย พ่อพูดอย่างดีใจยิ้มอย่างมีความสุขที่มาถึงวันนี้ได้เสียที เพราะต่อจากนี้ “แม่ของลูกจะมาบังคับพ่อไม่ได้อีกแล้ว”
ตะวันฉายบอกพิชญ์ว่าตนจะไม่มีวันเป็นอย่างพ่อเด็ดขาดที่ได้อิสระก็แค่ตอนตาย ตนจะพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าตนทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งแม่ พิชญ์รับปากว่าจะช่วยเขาเรื่องงาน แต่เรื่องคู่หมั้นนั้นจนปัญญาจริงๆ ตะวันฉายบอกเพื่อนรักว่า “ไอ้เรื่องรับมือกับหนูดี ฉันมีคนช่วยแล้ว”
พระเอกขี่ม้าขาวที่มาช่วยตะวันฉาย คือตะวันรอนลูกพี่ลูกน้องของตะวันฉายผู้มีมาดเท่กวนๆเซอร์ๆ มีรอยยิ้มที่ละลายหัวใจสาวๆได้ฉมังนักนั่นเองและเขาก็สวมรอยเป็นตะวันฉายตบตาหนูดีได้สนิทเนียน
ส่วนตะวันฉายไปหาผู้กำกับปิ๊ดที่กองถ่ายตามคำแนะนำของพิชญ์ เพราะตัวพิชญ์เองต้องไปหาข้อมูลมาเขียนบท พูดอย่างมั่นใจว่าตะวันฉายต้องได้งานแน่
เมื่อไปหาผู้กำกับปิ๊ดแนะนำตัวเองแล้ว ตะวันฉายยืนลุ้นฟังผู้กำกับพูดเสียจนเหนื่อย เพราะผู้กำกับติดอ่างอย่างหนัก ผู้กำกับถามว่าเขาชอบงานอะไร
“เป็นผู้กำกับครับพี่” ตะวันฉายตอบไม่รีรอ
“ไม่...ไม่ว่าง...กะ...กู...กูทำอยู่”
ตะวันฉายขอเป็นผู้ช่วย ก็บอกว่าเต็ม ขอเป็นผู้จัดการกอง ก็ไม่ว่าง สุดท้ายตะวันฉายบอกว่า แล้วแต่จะให้ทำอะไรก็แล้วกัน ตนทำได้ทั้งนั้น
ปรากฏว่าผู้กำกับปิ๊ดให้ตะวันฉายไปเป็นเด็กเสิร์ฟน้ำในกองถ่าย เขาหัวเสียหนักเหมือนถูกเอาบัณฑิตมาลากรถ บอกผู้จัดการกองว่าตนจบนอกมา หนังสั้นก็ได้รับรางวัลตั้งเยอะแยะ ผู้จัดการกองปลอบใจว่าแบบเขานี้ มีอยู่เต็มกองเลย ถือเสียว่าค่อยๆไต่เต้าขึ้นไปก็แล้วกัน
ที่ซวยหนักกว่านั้นคือ มาเจอรัตติกาลที่มาถ่ายละครในกองนี้ด้วย เธอมองเขาอย่างเย้ยหยัน เรียกมาสั่งเครื่องดื่มให้ ชงกาแฟมาให้ พอตะวันฉายไปชงมาก็บ่นว่าขม ให้ไปชงมาใหม่ จนกว่าจะถูกปากตน
ขณะที่ตะวันฉายกำลังกล้ำกลืนกับการถูกรัตติกาลเหยียดหยันนั่นเอง ผู้จัดการกองก็มาบอกข่าวดีว่า
“เมื่อกี้พี่คุยกับพี่ปิ๊ด แกดูผลงานของน้องแล้วแกชอบมากเลย โปรเจกต์หน้าแกจะให้มาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ”
ตะวันฉายดีใจที่จะไม่ต้องมาทำด้านสวัสดิการอีก แต่ผู้จัดการกองบอกว่าต้องทำไปก่อน เพราะตอนนี้ขาดคนจริงๆ ย้ำว่า “ทำไปก่อนนะ ไต่เต้าไง”
รัตติกาลยังคงวางเขื่องข่มตะวันฉายฉวยโอกาสแบบได้ทีขี่แพะไล่ จนตะวันฉายบอกว่าให้เอาเวลาที่มาแกล้งตนไปท่องบทยกระดับการแสดงของตัวเองดีกว่า รัตติกาลถือว่าเขาบังอาจมาสอนตน เมื่อเขาบอกว่าเสียเงินเรียนมาก็ต้องใช้ทำประโยชน์ให้คนอื่นบ้าง เธอเลยลองดีให้เขามาซ้อมบทกับตนดูซิว่าจะเก่งแค่ไหน พูดแล้วยัดบทใส่มือตะวันฉายอย่างท้าทาย
ooooooo
ส่วนพิชญ์ก็นัดพัดชาไว้เพื่อจะขอข้อมูลไปเขียนบทหนังผีที่ทำอยู่ พัดชายินดีแต่ให้เขาตามไปดูการ
ทำงานของตน พาเดินไปถึงหน้าห้องนิติเวชก็หันมาบอกว่า
“ตามเข้ามาสิคะ ฉันกำลังมาดูผลการชันสูตรศพคดีที่กำลังตามอยู่ กลิ่นศพอาจจะแรงหน่อย แต่เดี๋ยวก็ชิน” พูดแล้วพัดชาเปิดประตูเดินเข้าไป พิชญ์ยืนเหวออยู่ตรงประตู กลืนน้ำลายเอื๊อกพนมมือจดหน้าผากปากคอสั่น
พิชญ์ถูกพัดชาใช้ให้ช่วยยกศพเพื่อถ่ายรูป ครั้งหนึ่งเสียจังหวะศพล้มทับจูบปากพิชญ์เข้าเต็มๆ ระหว่างนั้นพัดชาได้รับโทรศัพท์ เธอบอกว่าเดี๋ยวจะเข้าไปเอาข้อมูลที่ สน. แต่พอหันกลับมาดูพิชญ์อีกที ปรากฏว่านอนชักกระแด่วๆ ตาเหลือกค้างหมดสติไปแล้ว ทั้งที่ปากยังจุ๊บอยู่กับปากศพ
ooooooo
ตะวันฉายถูกรัตติกาลลองดีด้วยการให้เป็นคู่ซ้อมบทให้ตน เธอฉวยโอกาสตบหน้าเขาทั้งที่ไม่มีในบท พอถูกต่อว่าก็อ้างว่าตนอินกับเรื่องจนนอกบทไปเอง ตะวันฉายเอาบ้าง รัตติกาลเลยถูกตบหน้าเอาคืนด้วยข้ออ้างเดียวกัน รัตติกาลเลยเถียงไม่ขึ้น เอาเรื่องไม่ได้แต่ก็เอาคืนด้วยการเตะผ่าหมากจนตะวันฉายหน้าเขียวกุมเป้าทรุดลงไปกอง
ไม่เพียงเท่านั้น ตะวันฉายยังโมเมจับรัตติกาลเข้าไปจูบอย่างรุนแรง พอถูกด่าถูกต่อว่าเขาก็อ้างว่าเจอเซ็กซี่ตัวแม่อย่างเธอ เห็นแล้วก็อินจนทนไม่ได้
อิงค์เห็นรัตติกาลมีปากเสียงกระทั่งลงไม้ลงมือกับตะวันฉายก็ทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามา แต่พอถูกตะวันฉายชกถูกครึ่งปากครึ่งจมูกเลือดกำเดาไหลเท่านั้น ก็เป็นลม รัตติกาลจะเข้าไปเอาเรื่อง ถูกแมรี่ขอร้องว่าอย่าให้เป็นข่าวมากกว่านี้เลย เธอเลยพูดอาฆาตไว้ว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ” แล้วผละไป
นักข่าวกรูกันเข้ามาถ่ายรูปตะวันฉาย เขาพยายามยกมือปิดหน้าขอร้องอย่าถ่ายเพราะตนไม่ใช่ดารา แต่ก็ถูกถ่ายไปหลายแชะแล้ว
รัตติกาลกับแมรี่ช่วยกันประคองอิงค์ไปนอนพักในที่ร่ม รัตติกาลเอ่ยขอโทษอิงค์ที่เป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บตัว อิงค์ จับมือรัตติกาลกุมไว้บอกเธอตาซึ้งว่า
“น้องรติอย่าโทษตัวเองเลยครับ พี่ดีใจที่น้องรติเป็นห่วงพี่ น้องรติไม่เป็นอะไรพี่ก็ดีใจแล้ว พี่รักน้องรติครับ” พูดแล้วยกมือเธอขึ้นจูบจนรัตติกาลตกใจ
รัตติกาลนึกขึ้นได้บอกอิงค์ว่าคุณพ่อมีของฝากมาให้ หยิบออกมาเป็นพระเครื่องใส่กรอบมาอย่างดี แมรี่ลอยหน้าเข้ามาบอกว่า
“คุณพ่อกลัวว่าน้องอิงค์จะเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ที่ต้องตายอย่างไม่มีสาเหตุหลังจากคบกับน้องรติค่ะ” รัตติกาลหันมองตาขวาง แต่อิงค์บอกว่าไม่เป็นไร เรื่องนี้ตนพอได้ยินมาบ้างแล้ว
พอดีรัตติกาลถูกตามตัวไปเข้าฉาก อิงค์จึงขับรถกลับออกไปเจอตะวันฉายหิ้วข้าวกล่องมามากมายก็แกล้งเฉี่ยวจนข้าวกล่องหกเรี่ยราดเปรอะตัวตะวันฉายไปหมด
อิงค์ด่าตะวันฉายว่าเกะกะแล้วขับรถไปเลย หารู้ไม่ว่ากระทิงแอบเข้ามานั่งที่หลังรถจ้องอิงค์ตาแดงก่ำ ตะวันฉายเห็นแว้บๆ ไม่แน่ใจตัวเองจนต้องขยี้ตามองตามไปงงๆ
ooooooo
หาญกล้าได้ข่าวมีเรื่องยุ่งๆในกองถ่ายจากแมรี่ ก็รีบมาที่กองถ่ายถามว่าใครทำอะไรลูกตน มันอยู่่ไหน รัตติกาลพยายามจะห้ามพ่อก็พอดีผู้กำกับเรียกให้ไปซ้อมบล็อกกิ้งเธอเลยต้องรีบไป
ส่วนหาญกล้าเดินกร่างเข้ามาถามหาคนที่มีเรื่องกับลูกสาวตน พอเจอตะวันฉายถามว่าพี่เรียกมามีอะไรหรือ พอถูกเรียกพี่เท่านั้นหาญกล้าก็ยิ้มหน้าบาน แต่พอนึกขึ้นได้ก็ผลักอกตะวันฉายที่หาเรื่องลูกสาวตน
“อ้าว...ลุงเป็นพ่อยัยสวยสยองนั่นเหรอ” ตะวันฉายเปลี่ยนจากพี่เป็นลุง เลยได้เรื่อง หาญกล้าง้างหมัดจะชก ก็ชะงักกึกยืนตัวสั่นเทิ้มไปหมด ตะวันฉายตกใจถามว่าเป็นอะไรหรือ
“เปล่าเว้ยโทรศัพท์เข้า” พลางก็ควักกระเป๋าเอาโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
เป็นสายจากภัทราที่อ่านนิตยสารเจอข่าวหาญกล้าได้รับโล่พ่อที่แสนดี ทนไม่ได้โทร.มาด่า ถามว่าไม่อายปากบ้างหรือที่เที่ยวโม้กับใครต่อใครจนได้เป็นพ่อที่แสนดี หาญกล้าปรามว่ายุ่งกับเรื่องของตนมากไปแล้ว ภัทราสวนไปทันทีก่อนที่จะวางสายอย่างสะใจว่า
“ฉันไม่ได้อยากยุ่งหรอก แค่จะโทร.มาให้แกสำนึกเอาไว้ว่า ฉันรู้ไส้รู้พุงแกทุกอย่าง ไอ้ผู้ชายใจโลเลเห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นอย่างแก ชาตินี้ไม่มีวันได้ชื่อว่าเป็นพ่อผู้แสนดีหรอก”
พอวางสายแล้วยังยิ้มกริ่มพึมพำ “สะใจฉันจริงจริ๊ง!”
ส่วนหาญกล้าถูกด่าจนหูชา มึนไปอึดใจ พอเห็นตะวันฉายจะเลี่ยงไปก็เรียกไว้ไม่ยอมให้ไป ตะวันฉายสัญญาว่า ต่อไปตนจะอยู่ห่างๆลูกสาวของลุง แต่ลุงเองก็ต้องไปบอกลูกสาวให้ทำตัวดีๆด้วย
รัตติกาลย้อนกลับมาเห็นพ่อฮึ่มฮั่มจะเอาเรื่องตะวันฉายให้ได้ก็เข้ามาขอร้องให้พอ เพราะตนไม่อยากเป็นข่าวเสียหายอีก รับปากกับพ่อว่า
“รติจะหาทางสั่งสอนไอ้คนอวดเก่งอย่างหมอนั่นเอง ไม่ต้องห่วงค่ะ เลือดพ่อในตัวรติมันเข้มอยู่แล้วค่ะ” ปากพูดกับพ่อแต่ตาจ้องจิกตะวันฉายเอาเป็นเอาตาย
ooooooo
อิงค์ขับรถกลับเปิดเพลงฟังในรถและร้องตาม
อย่างสบายอารมณ์ แต่แล้วจู่ๆก็กลายเป็นเพลงไทยเดิม เขาคิดว่าคงเป็นเพราะคลื่นแทรก เลยกดปุ่มเปลี่ยนคลื่นและแผดเสียงร้องตาม ร้องเพี้ยนจนผีอย่างกระทิงก็ยังทนฟังไม่ได้ต้องเอามืออุดหูแน่น
กระทิงโผล่หน้าผีๆไปที่กระจกหลังร้อง “แฮ่...” ทำเอาอิงค์ผงะร้องแทบไม่เป็นภาษา กระทิงทำท่าจะบีบคออิงค์แต่ต้องหดมือแล้วหายวับไปทันที เมื่อเจอพระที่ห้อยคออิงค์อยู่
เมื่อกระทิงกลับไปบอกกระทงว่าตนไม่กล้าทำอะไรอิงค์ เพราะมีพระ กระทงด่าว่ามัวแต่ทำเซ่อๆซ่าๆอยู่ได้ แล้วตัดสินใจจะลงมือจัดการเอง เพื่อเจ้านายอันเป็นที่รัก
ooooooo
เพราะอยากโชว์ฝีมือการแสดง หลังจากถ่ายฉากที่รัตติกาลกรี๊ดใส่กล้องจนคอแทบแตกแล้ว เธอขอผู้กำกับเล่นอีกเทก พูดกระแทกใส่ตะวันฉายที่ยืนดูอยู่ว่า
“พวกปากเสียจะได้รู้ว่ารติได้รางวัลนักแสดงขวัญใจมหาชนมายังไง”
พี่ปิ๊ดอนุญาต รัตติกาลเล่นใหม่ด้วยลีลาที่เวอร์เสียจนทุกคนในกองถ่ายมองหน้ากันเหวอ แต่พี่ปิ๊ดกลับชม รัตติกาลยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งเชิดอวดตะวันฉายที่ดูอยู่อย่างสนใจ เขาทำปากขมุบขมิบว่า
“ทุเรศ”
นี่เอง เมื่อเขาเข้าไปล้างคราบสกปรกที่ถูกอาหารหกใส่ในห้องน้ำ เขาถอดเสื้อกองไว้แล้วเอาน้ำล้างตัว รัตติกาลกรีดกรายเข้ามา พอเจอหน้ากันก็ปั้นหน้ายักษ์ใส่กันทันที พูดประชดประชันโต้เถียงกัน รัตติกาลสู้ไม่ได้ก็คว้าไม้ดูดส้วมครอบปากตะวันฉายบอกว่าจะดูดของเสียออกจากปากเขา
ยันกันไปมาสุดท้ายรัตติกาลก้าวพลาดล้มทับตะวัน–ฉาย ปากต่อปากจุ๊บกันพอดี ต่างนิ่งไปเหมือนถูกไฟช็อต พอดีมีเสียงทีมงานชายสองสามคนเดินมาเข้าห้องน้ำ ตะวันฉาย รีบลุกขึ้นลากเธอเข้าไปในห้องส้วมเอามืออุดปากเธอไว้
ยืนเบียดกันอยู่ในห้องส้วมเล็กๆ รอจนทีมงานมาทำธุระเสร็จออกไป จึงพากันออกมา
“ไอ้บ้า...นี่นายคิดจะล่วงเกินฉันเหรอ” รัตติกาลเปิดฉากด่าทันที
“น้อยหน่อยคุณ ผมปกป้องศักดิ์ศรีผมต่างหาก ถ้ามีคนมาเห็นคุณกับผมในสภาพกึ่งเปลือยแบบนี้ ทุกคนต้องคิดว่านางเอกสาวเซ็กซี่ตัวแม่ แอบหนีงานมาพลอดรักกับทีมงานหนุ่มหล่อแน่ๆ” พูดจนรัตติกาลอึ้ง ตะวันฉายตบท้ายว่า “ผมไม่อยากตกเป็นข่าวกับคุณ เข้าใจไหม” พูดจบเขาก็ถูกตบเข้าฉาดใหญ่
“ฉันต่างหากที่ไม่อยากตกเป็นข่าวกับนาย ไอ้โรคจิต”
รัตติกาลเดินเชิดไปแล้ว ตะวันฉายยกมือคลำหน้าป้อยๆ ทั้งเจ็บเพราะถูกตบและถูกเอาไม้ดูดส้วมครอบ
ooooooo
หลังจากดินเนอร์กับหนูดีแล้ว ตะวันรอนพาเธอมาส่งบ้าน หนูดีดี๊ด๊าเว่าอีสานจ้อยๆ แต่พอจะแยกกันก็จุ๊บตะวันรอน ปากจุ๊บแต่มือตะปบก้น ทำเอาตะวันรอนจั๊กเดียมสะดุ้งโหยง
หนูดีทวงสัญญาของตะวันฉายที่บอกว่าจะแต่งงานกับตนเมื่อตอนเด็ก ตะวันรอนจำต้องเออออห่อหมกเอาตัวรอด แต่พอมาเจอกันที่วัดถามตะวันฉายว่าสัญญาจะแต่งงานกับหนูดีไว้หรือ
ตะวันฉายนิ่งคิด จำได้ว่าตอนเด็กๆหนูดีขี้แยเลยหลอกว่าอย่าร้องไห้โตขึ้นเราจะแต่งงานกัน หนูดีหยุดร้องไห้ทันที ตะวันฉายทำหน้าสยองบ่นว่าหลอกกันตอนเด็กดั๊นมาจำได้เอาตอนโต แล้วจะทำยังไง ทางเดียวคือให้ตะวันรอนรับสมอ้างไปเสีย เพราะตะวันรอนเองก็แอบชอบหนูดีมานาน จะได้สมใจนึก
เสียที แต่ด้วยความเป็นห่วงน้อง ตะวันฉายเตือนสติว่า ที่ชมว่ารัตติกาลสวยเซ็กซี่น่ะ ไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเลย เพราะ
“ไอ้ความสวยที่แกเห็นอยู่นั่น มันแค่เปลือก ตัวจริงของยัยนั่นสวยสยองเว้ย”
แล้วตะวันรอนก็ได้รู้ซึ้งถึงความจริงข้อนี้ เมื่อรัตติกาลเสนอผู้กำกับให้ตะวันฉายแสดงแทนพระเอกเพื่อถ่ายฉากของตนก่อน โดยพระเอกต้องนอนในโลงและนางเอกจุดเทียนมาเกาะขอบโลงร้องไห้ฮือๆ เธอบีบนํ้าตาเป็นเผาเต่า แต่ขณะเดียวกันก็เทน้ำตาเทียนร้อนๆลงที่เป้ากางเกงตะวันฉาย เขานอนสะดุ้ง
เฮือกๆ พอจะร้องก็ถูกขู่ว่ามืออาชีพห้ามร้องเด็ดขาด
พอกลับถึงวัดเล่าให้ตะวันรอนฟัง พลางเอามือลูบเป้าสงสารน้องชายที่ถูกน้ำตาเทียนลวก พูดอย่างเจ็บใจว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันเอาคืนแน่”
ooooooo
คืนนี้ พัดชาเลยต้องเป็นธุระพาพิชญ์ในสภาพหมดสติมาส่งวัด เจอเณรเปี๊ยกกำลังแอบฉันบะหมี่รอบดึกอยู่พอดี เลยขอให้มาช่วยเอาพิชญ์ลงจากรถ
ครู่หนึ่งตะวันฉายกลับมา เข้าไปเขย่าร่างพิชญ์จนเขารู้สึกตัว พอลืมตาก็โวยวายร้องขอความช่วยเหลือเพราะไปเห็นศพมา ทั้งสยอง หลอนจนตนหมดสติ ตะวันฉายเลยให้ เณรเปี๊ยกช่วยพ่นนํ้ามนต์ให้หน่อย เณรบอกว่าหลวงพ่อไม่เคยสอน แต่ก็ยอมทำเมื่อตะวันฉายขอให้ลองดู
เณรอมนํ้ามนต์ทำท่าจะพ่นใส่พิชญ์ ตะวันรอนถามว่าไม่สวดด้วยแล้วจะช่วยได้หรือ เณรเลยกลืนนํ้ามนต์แล้วลองใหม่ อมนํ้ามนต์เต็มปากสวดอู้อี้ในคอแล้วพ่นพรวดๆเข้าเต็มหน้าพิชญ์
“พอได้แล้วครับเณร ผมหายกลัวแล้วครับ แฉะไปทั้งหน้าแบบนี้ ผมเป็นหวัดตายพอดี” พิชญ์ยกมือป้องหน้า ตะวันฉายกับตะวันรอนกลั้นไม่อยู่ขำพรืดออกมา แล้วตะวันฉายก็ให้พิชญ์เล่าเรื่องที่เกิดกับเขาจนต้องให้หญิงสาวสวยมาส่งถึงวัด
ส่วนพัดชากลับไปเล่าให้รัตติกาลฟังเรื่องพิชญ์หนุ่มหล่องานดีแต่ขี้ขลาดตาขาวแค่เห็นศพก็ชักกระแด่วๆ เล่าแล้วสองสาวก็พากันหัวเราะขำ รัตติกาลดักคอเพื่อนว่าเล่าได้ออกรสขนาดนี้ต้องปิ๊งหนุ่มนั่นแน่เลย พัดชาบอกว่าสู้ของรัตติกาลไม่ได้หรอก เท่ซะไม่มี แล้วถามว่า
“ไหนหมอดูตาทิพย์บอกว่าแกจะดวงซวย แล้วนี่อะไร พี่อิงค์สุภาพบุรุษสุดหล่อมาบอกรักแกเนี่ยนะ”
“ก็บอกแล้วไง หมอดูคู่กับหมอเดา ชีวิตฉัน ฉันลิขิตด้วยตัวเอง ไม่มีใครมาขีดเส้นให้หรอก”
สิ้นเสียงรัตติกาล แก้วนํ้าที่วางอยู่ดีๆก็แตกเพล้ง สองสาวตกใจรีบชวนกันเข้าบ้าน
ที่แท้หลวงบวรสงครามมายืนดูยืนฟังสองสาวคุยกันด้วยความเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าท่านหญิงของตนมีชายหนุ่มเวียนมาจีบไม่ขาดระยะ หลวงบวรฯเฝ้าอยู่จนดึก มองรัตติกาลที่นอนหลับตาพริ้มอย่างหวงแหน พึมพำ
“ท่านหญิง...ท่านหญิงจะรักผู้อื่นมิได้ ท่านหญิงรักได้แต่กระผมเพียงผู้เดียว...”
ooooooo
หลวงบวรฯคิดถึงเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ที่ตัวเองถูกท่านหญิงยิงบาดเจ็บและวิ่งตามท่านหญิงออกไปถูกทหารฝ่ายรัฐบาลยิงสกัด กระทงขอร้องให้รีบหนี เวลานั้นหลวงบวรฯบอกทั้งที่บาดเจ็บสาหัสว่า
“ถ้าปราศจากท่านหญิงของข้า ข้าจะไม่หนีไปไหน ขอบใจ...พวกเอ็งคือข้าที่จงรักภักดี ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ทอดทิ้งพวกเอ็ง แต่ตอนนี้ข้าจะต้องพาท่านหญิงของข้า
กลับมา” แล้วหลวงบวรฯก็วิ่งตามไปอีก
จนไปทันกันที่นํ้าตก หลวงบวรฯอ้อนวอนท่านหญิงให้กลับไปที่เรือนหอของเรากันเถิด ท่านหญิงไม่ยอมกลับ เพราะเห็นว่าหลวงบวรฯทำผิดก็ต้องชดใช้ความผิดก่อน หลวงบวรฯ อ้างว่าตนทำเพื่อเราต่างหาก
“คุณหลวงอย่าเอาฉันมาอ้าง ความรักที่คุณหลวงมีให้ฉันมันน้อยกว่าความโลภที่คุณหลวงอยากครอบครองทุกอย่างเสียอีก” คุณหลวงถามว่าท่านหญิงไม่รักตนแล้วหรือ “เพราะว่าฉันรักคุณหลวงมากต่างหาก อย่างน้อยความตายของฉันจะได้ช่วยไถ่บาปให้กับคนที่ฉันรักบ้าง”
“อย่านะขอรับท่านหญิง” หลวงบวรฯปรี่เข้าไปจับตัวท่านหญิงมาลาเอาไว้
“คุณหลวง...ชาตินี้เราคงสิ้นบุญที่ทำมาด้วยกันแล้ว แต่ฉันสัญญาเมื่อชาติหน้ามาถึง ฉันจะกลับมาเป็นเจ้าสาวของคุณหลวงอีกครั้ง” พูดจบท่านหญิงก็แทงปิ่นปักผมลงกลางอกเลือดทะลักท่วมร่าง
หลวงบวรฯดึงปิ่นทิ้งนํ้า ปิ่นลอยไปกับนํ้า คุณหลวง กอดร่างท่านหญิงมาลาร้องไห้ครํ่าครวญ มิไยว่าจะถูกทหารระดมยิงใส่สักปานใด จนต้องกระสุนล้มตึงลง หลวงบวรฯก็ยังกอดร่างท่านหญิงมาลา พูดอย่างเคียดแค้นทั้งที่หายใจรวยริน
“ความรักที่ยิ่งใหญ่ของข้าจะไม่มีวันตาย ผีห่าซาตาน ณ ป่าจันทราแห่งนี้ จงเป็นพยานให้ข้า ไม่ว่ากี่ภพกี่ชาติขอให้ ท่านหญิงมาลากลับมาเป็นดวงใจของข้าตลอดกาล วิญญาณของข้าเป็นของพวกเจ้าแล้ว”
เมื่อกระทงวิ่งตามมาเจอหลวงบวรฯนอนตายเคียงคู่กับท่านหญิงมาลาก็เสียใจจ่อยิงตัวเองตายตามเพื่อจะได้ไปรับใช้คุณหลวงในภพหน้า
คิดถึงอดีตเมื่อร้อยปีก่อนแล้ว หลวงบวรสงครามในวันนี้มองร่างรัตติกาลที่นอนหลับตาพริ้มอยู่อย่างแสนรัก รำพันด้วยความคะนึงหา...
“ถึงกระผมจะต้องเจ็บปวดทรมานเพราะคำสัญญา...แต่เพื่อท่านหญิง กระผมทนได้ แม้ชาตินี้ท่านหญิงจะแอบมีใจให้ผู้อื่นบ้าง แต่นั่นก็เพราะท่านหญิงยังจำเรื่องราวของเราไม่ได้ พวกมันต่างหากที่บังอาจเข้าใกล้ท่านหญิงของกระผม”
ooooooo
ความลับของตะวันฉายแตกดังโพละ เมื่อภัทราเห็นรูปถ่ายตะวันฉายที่ชกต่อยกับอิงค์ต่อหน้ารัตติกาลลงหนังสือพิมพ์หรา ภัทราเรียกสมชายคนสวนที่บ้านที่กายเป็นชายแต่ใจเป็นแต๋วให้ไปบ้านหาญกล้าด้วยกัน ถูกจ่าติ๊กกันท่าไม่ให้เข้าบ้าน ภัทราให้สมชายหลอกล่อยั่วยวนจ่าติ๊กจับมัดกับเก้าอี้แล้วตัวเองก็ลุยเข้าไป
เป็นเวลาที่หาญกล้ากำลังให้แมรี่นวดเค้นอย่างใกล้ชิด แต่หาญกล้าก็ไม่มีนํ้ายาจะทำอะไรได้ แต่ขณะกำลังนวดกันเพลินๆนั้นเอง ภัทราโผล่พรวดเข้ามา หาญกล้าตกใจแต่ยังทำปากดีถามว่า
“คุณหญิงยังอาลัยอาวรณ์ผมอยู่ใช่ไหม” เลยถูกภัทราเอารูปในหนังสือพิมพ์ให้ดู หาญกล้ายิ่งโมโห หาว่าภัทรามาด่าลูกสาวตนถึงบ้านแบบนี้จะให้คนมาลากไปทิ้งถังขยะเดี๋ยวนี้
“คนของแกเสร็จคนของฉันไปแล้ว ส่วนแกก็ต้องเสร็จฉันเหมือนกัน” พูดจบภัทราชักปืนออกมาจ่อ
หาญกล้าขอร้องอย่าเอาปืนมาเล่นกันแบบนี้ ทั้งยังบอกว่าลำพังเรื่องลูกสาวตนคงไม่ทำให้เธอโมโหได้ขนาดนี้ ินี่คงเป็นเพราะหึงตนที่กำลังมีกิ๊กใหม่ใช่ไหม
“หาว่าฉันหึงแกกับไอ้ข้าวนอกนาเนี่ยนะ จะบอกให้นะหาญกล้า ฉันเลิกรักแกไปตั้งแต่แกทิ้งฉันไปแต่งงานกับนังหน้าหนอนชาเขียวนั่นแล้ว ที่ฉันมานี่ เพื่อปกป้องลูกชาย ฉันจากลูกสาวแก เพราะฉะนั้นแกต้องสั่งห้ามลูกสาวแกเข้าใกล้ลูกชายฉัน ไม่อย่างนั้นฉันยิงจริงๆด้วย”
หาญกล้ารีบรับปาก แต่ภัทราก็ยังสอดนิ้วเหนี่ยวไก หาญกล้าหลับตาปี๋ แต่สิ่งที่ออกจากกระบอกปืนกลับกลายเป็นนํ้าพุ่งเข้าใส่หน้าเต็มๆ ที่แท้มันคือปืนฉีดนํ้านั่นเอง
ooooooo
ตะวันฉายยังคงทำงานที่กองถ่าย เขาแสดงฝีมือจนพี่ปิ๊ดยอมรับ โดยเฉพาะการถ่ายภาพนิ่งของรัตติกาลออกมาสวยเซ็กซี่จนพี่ปิ๊ดชมว่า แม้จะปากเสียไปหน่อยแต่ฝีมือมันดีว่ะ
มีปัญหาวุ่นๆอีกจนได้ เมื่อหมอดูตาทิพย์ได้รับเชิญ ให้เล่นหนังที่กำลังถ่ายทำอยู่ รัตติกาลขัดใจมากเพราะถูกหมอดูทำนายว่าชะตาถึงฆาต หาว่าหมอดูกำลังหาผลประโยชน์จากความดังของตน จะเข้าไปขอถอนตัวไม่เล่นหนังเรื่องนี้ ตะวันฉายเตือนสติว่า งานแบบนี้มันไม่ได้ดังเพราะเธอคนเดียวหรอกนะ จะ
ทำอะไรให้เห็นแก่ทุกคนในกองถ่ายบ้าง เพราะพวกเขาเอาใจเธอทุกอย่างเพื่อจะได้ทำงานได้สบายๆ
หมอดูตาทิพย์รู้ว่ารัตติกาลไม่พอใจที่ตนมาร่วมงานด้วย เรียกไปคุยกันส่วนตัวและให้ตะวันฉายเข้าไปร่วมคุยด้วย
แม้รัตติกาลจะฮึ่มฮั่มใส่ตะวันฉาย แต่แล้วก็ต้องนิ่งฟังเมื่อหมอดูตาทิพย์พูดถึงดวงชะตาของรัตติกาล ทั้งเรื่องอุบัติเหตุบนเครื่องบินและผู้ชายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเธอทุกคนที่ตายไปอย่างน่าสงสัย
รัตติกาลโกรธขู่จะฟ้องหมอตาทิพย์ ตะวันฉายเตือนสติให้ฟังไว้ก็ดี ดีกว่าจะปล่อยให้เสียหาย เมื่อรัตติกาลสงบลง หมอดูยืนยันว่าตนเห็นกับตาและยังเห็นทางช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ด้วย สุดท้ายฟันธงว่า
ดวงดีของตะวันฉายและดวงซวยของรัตติกาลเป็นดวงเนื้อคู่กันโดยแท้ ดีกับซวยมาเจอกันมันคือรสชาติที่กลมกล่อมขาดกันและกันไม่ได้ ทั้งยังฟันธงว่าดวงเนื้อคู่ของทั้งสองคนถึงขั้นต้องแต่งงานกัน รัตติกาลถึงจะพ้นเคราะห์
คำทำนายของหมอดูตาทิพย์ถูกทั้งสองปฏิเสธ ทั้งยังบ่นว่าเป็นเรื่องบ้าที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา
“ผมพูดความจริง คุณจะประมาทคำเตือนของผมไม่ได้ ผมพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ดูดวงให้คุณอีกรึเปล่า” หมอดูพูดเป็นปริศนาก่อนเดินออกไป
ไม่ทันข้ามวัน ก็มีข่าวร้ายว่าหมอดูตาทิพย์ตายแล้ว ตำรวจไปเก็บหลักฐานไม่พบสิ่งผิดปกติ เพราะหมอดูตาทิพย์นั่งตายอยู่คาโถส้วมในลักษณะตาเบิกโพลงเหมือนตกใจจนช็อก
ระหว่างนั้น หลวงบวรสงครามมาสังเกตการณ์อยู่ด้วย พึมพำเหี้ยมก่อนหายตัวไปว่า
“แกมันรู้มากเกินไป จึงไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป...หึๆๆ”
ooooooo
ตะวันฉายเล่าคำทำนายของหมอดูตาทิพย์ให้พิชญ์ฟัง พิชญ์บอกว่าถ้าเป็นจริงอย่างนั้นก็นับว่าตะวันฉายเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุด
แต่พอเดินออกมาในบริเวณวัด ก็ตกใจหยุดกึกเมื่อเห็นภัทรากำลังคุยอยู่กับเณรเปี๊ยกเอาเป็นเอาตาย ภัทรา
มาสืบว่าตะวันฉายมาอยู่กับพิชญ์ที่วัดหรือเปล่า เณรนึกออกว่าตะวันฉายมาอยู่ด้วย ขณะกำลังจะบอกภัทรานั่นเอง พิชญ์ก็พุ่งออกมาเอามืออุดปากเณรไว้แน่น ขู่ว่าได้เวลาทำวัตรเย็นแล้ว เดี๋ยวโดนหลวงพี่ตามแน่ๆ ให้รีบไปเสีย แล้วหันมายกมือไหว้สวัสดีคุณหญิงแม่
พิชญ์ถูกภัทราดึงหูลากเข้าหาตัวให้บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าลูกชายตนอยู่ไหน พิชญ์ปากแข็งยอมสาบานว่าไม่รู้จริงๆ ถ้าตะวันฉายอยู่ที่นี่จริงขอให้ตนถูกหวยหรือไม่ก็หางานทำไม่ได้
“ก็ได้ ฉันจะยอมเชื่อ แต่ฉันจะส่งคนมาจับตาดู
เธอ ถ้าเธอโกหกฉัน ร่วมมือกับตะวันฉายหลอกฉันอยู่ละก็...ฉันจะส่งเธอไปขังคุกขี้ไก่”
พอภัทรากลับไป ตะวันฉายก็หน้าเครียดเมื่อรู้ว่าถูกแม่ตามล่าอยู่
ส่วนเณรเปี๊ยกก็หว่านล้อมให้ตะวันฉายยอมบอกคุณหญิงแม่เสียเพราะโกหกบุพการีนั้นบาปหนัก ตะวันฉาย เองก็อยากแก้ปัญหาให้จบๆไป แต่ก็ยังไม่รู้จะแก้อย่างไร
“เฮ้ย...ฉันรู้แล้ว ที่หมอดูตาทิพย์บอกแกไง ถ้าแก
ได้แต่งงานกับคุณรัตติกาลจริงๆ อย่างที่หมอดูว่า ฉันว่านะ แม่แกไม่กล้าขัดดวงแกแน่ๆ”
“บ้าแล้วไอ้ฟู...ให้ฉันแต่งงานกับยัยสวยสยองนั่นน่ะ ชีวิตฉันได้สยอง 24 ชั่วโมงแน่”
“แล้วมันมีทางออกที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ” พิชญ์ถามเสียงอ่อย
ooooooo
หนูดีนัดตะวันรอนจะไปดินเนอร์กัน ตะวันรอนถือช่อดอกไม้จะมารับหนูดีก็เจอเข้ากับบอยฮ่ะที่ภัทราส่งมาอยู่เป็นเพื่อนหนูดีเข้าอย่างจัง ตะวันรอนโกหกว่าตนมาเยี่ยมเพื่อนแต่สงสัยจะมาผิดที่แล้วหาทางชิ่งไป
ระหว่างนั้นตะวันฉายดูข่าวทีวีรายงานเรื่องการตายของหมอดูตาทิพย์ เขาคิดถึงคำพูดที่เป็นนัยของหมอดูที่ว่าไม่รู้จะมีโอกาสดูดวงให้เขาอีกหรือเปล่า เขาบอกพิชญ์ว่าก่อนตายหมอพูดราวกับรู้ตัวว่าต้องตาย พิชญ์ยิ่งเชื่อว่าหมอดูดูแม่นจริงๆ ยุตะวันฉายให้รีบแต่งงานกับรัตติกาลเสีย เพราะนี่เป็นทางออกทางเดียวของเขา
ขณะกำลังคิดหนักนั่นเอง ตะวันรอนก็โทร.เข้ามือถือตะวันฉายบอกว่าเจอบอยฮ่ะที่คอนโดฯหนูดี ตะวันฉายขอร้องให้บอกหนูดีให้ช่วยปิดเรื่องตนมาเมืองไทย แล้วอย่าให้แม่รู้เด็ดขาด ตอนนี้ตนมีเรื่องให้ปวดหัวมากมายยังแก้ไม่ตก
ตะวันรอนรีบโทร.เข้ามือถือของหนูดี ขอร้องอย่าบอกภัทราเรื่องตะวันฉายกลับเมืองไทยแล้ว เพราะต้องการพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าตนสามารถเลี้ยงดูหนูดีได้ด้วยลำแข้งตนเอง หนูดีหลงเชื่อรับปากมั่นเหมาะ จากนั้นหันมาหว่านล้อมบอยฮ่ะให้กลับไปเสีย ฝากบอกคุณหญิงแม่ด้วยว่าตนอยู่ดูแลตัวเองได้ บอยฮ่ะสงสัยถามว่าเมื่อกี้คุยกับใคร หนูดีบอกว่าคุยกับพ่อ ถ้าไม่มีอะไรก็ให้รีบกลับไปเสียเพราะตน
นัดดินเนอร์กับพ่อไว้ บอยฮ่ะเลยกลับ
ooooooo
ตะวันฉายตัดสินใจไปหารัตติกาลในงานเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังที่เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ พยายามจะคุยกับเธอ แต่รัตติกาลไม่ยอมคุยด้วยท่าเดียว จนตะวันฉายต้องบอกว่าอยากคุยเพราะข้องใจที่หมอดูคุยกับเรา วันนี้เลยอยากมาคุยกับเธอ รัตติกาลบอกว่าตนไม่สนใจกับคำทำนายไร้สาระแบบนั้นแล้วเดินหนีไปซะงั้น
ตะวันฉายเซ็งมาก แต่เพราะต้องแก้ปัญหาให้ได้ยังไงก็ต้องตามไปคุย
อิงค์ไปหารัตติกาลตามแผนของแมรี่จอมจุ้น เพื่อเบนความสนใจของนักข่าวเรื่องหมอดูตาทิพย์ ที่ทำนายดวงถึงฆาตของรัตติกาลไว้
อีสีดวงกับกระทงมาจัดการอิงค์ที่เข้ามาพัวพันกับรัตติกาลตามคำสั่งของหลวงบวรฯ มาเจออิงค์ที่แมรี่ให้ยืนรอตนจะไปตามรัตติกาลที่ห้องน้ำให้ อีสีดวงกับกระทงในคราบของสาวพริตตี้ยั่วยวนอิงค์จนหน้ามืดเดินตามทั้งสองไป
ตะวันฉายตามตื๊อจะคุยกับรัตติกาลจนเธอเดินเข้าห้องน้ำ เขาเลยยืนมึนอยู่ตรงนั้น แมรี่เดินตามหาจนเจอรัตติกาลอยู่ในห้องน้ำ บอกว่าอิงค์รออยู่แล้วรีบพาไปพบ แต่ปรากฏว่าอิงค์หายไปแล้ว ถามคนแถวนั้นบอกว่า เห็นเดินออกไปกับพริตตี้สองคน รัตติกาลฟังแล้วหงุดหงิด ส่วนแมรี่เซ็งจนบอกไม่ถูก
อิงค์พาอีสีดวงกับกระทงเข้าโรงแรมหมายจะเขมือบขม้ำเสียให้หายกลัดมัน แต่ไม่ทันที่อิงค์จะลงมือทำอะไร
ก็ถูกสองสาวหลอกให้ถอดสร้อยพระออกแล้วแสยะยิ้มเขี้ยวงอกยาวออกมา รุมกันขย้ำฝังเขี้ยวลงไปจนอิงค์ร้องเหมือนควายถูกเชือด
หลวงบวรฯพอใจผลงานของกระทงกับอีสีดวงมาก แต่ยังไม่วางใจเพราะรู้เรื่องตะวันฉายกับรัตติกาล กระทิงอาสารับใช้เต็มที่ หลวงบวรฯมอบหมายให้กระทิงกับไอ้ริดไปจัดการตะวันฉาย กระทงไม่เชื่อฝีมือกระทิง แต่พอท้วงติง หลวงบวรสงครามตัดบทว่า
“ข้ามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องใช้เอ็งกับนังสีดวงไปจัดการ”
ooooooo
ระหว่างที่ภัทราพาหนูดีไปทานอาหารกลางวัน พูดปลอบใจให้รออีกสักพักตะวันฉายกลับมาเธอก็จะไม่เหงาอีกแล้วนั้น บอยฮ่ะที่ภัทราใช้ให้ไปสืบเรื่องตะวันฉายก็โทร.เข้ามารายงานว่า
“ผมสะกดรอยตามนายพิชญ์หัวฟูตามที่คุณหญิงสั่ง เลยโป๊ะเชะเจอฮ่ะ”
คุณหญิงภัทราตาลุก บอกหนูดีว่ามีธุระด่วนต้องไปจัดการ หนูดีอยากได้อะไรเรียกใช้บอยฮ่ะได้ตามสบาย พูดแล้วขอตัวลุกไป แต่พอออกไปถึงหน้าร้านก็เจอหาญกล้าเข้าอย่างจัง หาญกล้าเจ็บใจที่ถูกเอาปืนฉีดน้ำมาหยามน้ำหน้าเลยตามมาจะเอาเรื่อง ภัทราสวนไปทันทีว่าลูกสาวเขามาล่อลวงลูกชายตน ทำแค่นั้นยังน้อยไปด้วยซ้ำ
ทั้งคู่โต้เถียงกันอีกตามเคย ภัทราโกรธจัดยกมือจะตบ หาญกล้าจับไว้ยื่นหน้าเข้ามาถาม
“อย่านะคุณหญิง จำไม่ได้เหรอ ตอนสาวๆเอ๊าะๆคุณหญิงตบผมทีไรเป็นต้องโดนผมจูบทุกที”
ภัทราชะงักไปกับหน้าเหี้ยมๆของหาญกล้า ถามเสียงอ่อยว่าแล้วจะเอายังไงกับตน
ooooooo
ที่กองถ่าย พริ้งที่เล่นเป็นนางร้ายในละครที่รัตติกาลเล่นเป็นนางเอก เห่อเหิมทะเยอทะยานเล่นแง่กับทีมงานไม่ยอมใส่ชุดที่จัดมาให้เพราะสวยสู้รัตติกาลไม่ได้ แมรี่หมั่นไส้พูดเบาๆแต่จงใจให้พริ้งได้ยินว่า “เพิ่งจะดังไม่เท่าไหร่ ทำเป็นลั่นล้าดี๊ด๊าอยากเทียบรัศมีรติ”
พริ้งได้ยินหันเอาเรื่องทันทีเถียงกันไม่กี่คำพริ้งก็เล่นบทนางร้ายนอกจอตบจนแมรี่หน้าสะบัดถลาไปชนเจินคู่หูของพริ้ง ถูกเจินผลักไปหาพริ้งอีก เลยถูกพริ้งตบอีกฉาดจนหน้าชาสมองมึนยืนงง พริ้งเลยตบทั้งสองข้างพร้อมกัน คราวนี้แมรี่หมุนคว้างไปทั้งตัว จากนั้นพริ้งประกาศ
“ถ้าวันนี้พริ้งไม่สวยกว่ารติ พริ้งไม่ถ่าย” พูดแล้วเดินเชิดออกไปกับเจิน
พอแมรี่ได้สติก็แจ้นไปฟ้องรัตติกาล รัตติกาลกำลังปวดหัวเรื่องของตัวเองไม่ไปเอาเรื่องกับพริ้งตามคำยุยงของแมรี่ บอกว่าช่วงนี้ไม่อยากสร้างศัตรู ว่าแล้วขอไปเข้าฉาก แมรี่วิ่งทะเล่อทะล่าตามไปชนตัวประกอบสองคนที่ยืนรออยู่ กลับด่าเขาว่ามายืนเกะกะ เลยถูกมองตาขวาง
“ด่าแล้วยังมาจ้องหน้าอีก เดี๋ยวแม่ก็บอกผู้ช่วยให้ไล่ออกจากกองซะนี่ พวกตัวประกอบ” แมรี่ด่าแล้วเดินเชิดตามรัตติกาลไป
ที่แท้ตัวประกอบทั้งสองคืออีสีดวงกับกระทงนั่นเอง อีสีดวงบอกว่าเดี๋ยวจัดการรัตติกาลเสร็จค่อยจัดการนังดำนี่ พอดีทีมงานมาเรียกไปแต่งหน้า ทั้งสองจึงรีบไป
พริ้งนั่งให้ช่างแต่งหน้าอยู่ก่อนแล้วบอกช่างว่าวันนี้ตนต้องสวยกว่ารัตติกาล ช่างรับคำอย่างเอาใจ
ระหว่างเข้าไปให้ช่างแต่งหน้านั้น ทีมงานคนหนึ่งเอาเครื่องประดับเข้ามา พริ้งเห็นปิ่นปักผมหยิบขึ้นมาดูชมว่าสวยจัง ถามว่าของเก่าหรือของทำใหม่ ทีมงานบอกว่าเป็นของเก่าแท้ๆ เพิ่งยืมมาจากร้านขายของโบราณ
กระทงหูผึ่งเหล่มองปิ่นปักผมแล้วตะลึงอึ้ง จำได้ว่าเป็นปิ่นปักผมของหม่อมเจ้ามาลา เมื่อทีมงานเอาปิ่นปักผมเดินผ่านกระทงกับอีสีดวงไป ทั้งสองต่างขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัวปิ่นโบราณนั้น...
ooooooo
เพราะกลัวถูกแม่จับได้ว่ากลับเมืองไทยแล้ว ตะวันฉายตัดสินใจเทกระเป๋าซื้อบ้านต่อจากรุ่นพี่ที่ไปตั้งหลักปักฐานที่เมืองนอก พาพิชญ์ไปดู พิชญ์แซวว่าเตรียมไว้เป็นเรือนหอแหงๆ เพราะหมอดูยืนยันว่าเขากับรัตติกาลเป็นเนื้อคู่กัน
สิ้นเสียงพิชญ์ ประตูก็ปิดกระแทกเข้ามาอย่างแรง พิชญ์กระโดดขี่หลังตะวันฉายถามเสียงสั่นว่าทำไมจู่ๆประตูถึงปิดเองได้ ก่อนซื้อถามเจ้าของบ้านรึเปล่าว่าบ้านหลังนี้มีประวัติอะไรไหม
“ไม่มีเว้ย ไอ้ตาขาว ไปได้แล้ว ฉันต้องรีบไปทำงาน” ตะวันฉายบอกให้พิชญ์ลงจากหลังแล้วเดินไป พิชญ์เดินเหลียวซ้ายแลขวาหวาดๆแล้วเดินตามตะวันฉายไป
ที่กระจกเงาในบ้าน กระทิงกับไอ้ริดยืนแสยะยิ้มมองตามสองหนุ่มไปอย่างสะใจ
เมื่อตะวันฉายขับรถกลับก็ถูกกระทิงกับไอ้ริดนั่งรถไปด้วย ทำให้รถหนักจนเร่งอย่างไรก็ไม่ขึ้น ซ้ำยังโผล่หน้าไปหลอกตะวันฉายจนตกใจหักพวงมาลัยออกข้างทาง หัวกระแทกพวงมาลัยแต่ดีที่แค่มึนๆ
ลงจากรถมาดูก็ตกใจที่รถเกือบชนเสาไฟฟ้า แต่พอจะกลับขึ้นรถก็ตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นกระทิงกับไอ้ริดในชุดทหารโบราณยืนจ้องหน้าเหี้ยมอยู่ แต่ทั้งสองเข้าใกล้ตะวันฉายไม่ได้เพราะพอตะวันฉายยกมือขึ้นปัดป้อง ตัวเขาก็เปล่งประกายเรืองรองจนมันทั้งสองปวดแสบปวดร้อนผงะถอยแล้วหายวับไป
พอลดมือลง ตะวันฉายก็ไม่เห็นอะไรอยู่ตรงนั้นแล้ว งงไปพักหนึ่งเลยคิดว่าตัวเองตาฝาด
ooooooo
ส่วนที่กองถ่าย รัตติกาลมองปิ่นปักผมตัวเองในกระจกแล้วก็รู้สึกแปลกๆกับปิ่นอันนี้ กระทงกับอีสีดวงจับตามองอยู่ปรารภกันว่าตอนที่คุณหลวงทิ้งปิ่นลงน้ำคงมีใครพบแล้วนำออกจากป่าจันทรา แต่มันไม่ควรถูกพบอีกครั้ง กระทงเร่งอีสีดวงให้รีบจัดการกับรัตติกาลตามคำสั่งคุณหลวงดีกว่า
“เดี๋ยวเจ้าค่ะคุณกระทง ดูคุณรัตติกาลสิเจ้าคะ เอาแต่มองปิ่นอันนั้นตลอดเวลา ดิฉันว่าบางทีปิ่นนั่นอาจจะทำให้คุณรัตติกาลระลึกชาติได้”
แต่ไม่ทันไรแมรี่ก็เข้ามาถามรัตติกาลว่าเรียบร้อยหรือยัง
“พี่แมร์ ช่วยรตินึกหน่อยสิ ใส่ชุดนี้แล้วรติคุ้นๆยังไงไม่รู้ ทรงผมแบบนี้ แต่งหน้าแบบนี้ ชุดแบบนี้ รติต้องเคยแต่งตัวแบบนี้มาแล้วแน่ๆ”
“โธ่เอ๊ย...น้องรติขา ก็ปีที่แล้วงานโชว์ตัวสงกรานต์ถนนข้าวสารไงคะ” แมรี่พูดอย่างมั่นใจ รัตติกาลจำได้ แมรี่เลยเร่งให้รีบไปกัน
กระทงหันขวับมองอีสีดวงอย่างไม่พอใจที่ทำให้เสีย เวลาพลาดโอกาส อีสีดวงหน้าจ๋อยแก้ตัวว่า
“ก็...ดิฉันนึกว่าคุณรัตติกาลจะระลึกชาติได้เจ้าค่ะ”
ooooooo
กระทงกับอีสีดวงเปลี่ยนแผนใหม่ โดยอีสีดวงเข้าสิงเจิน และกระทงเข้าสิงพริ้ง เมื่อเริ่มถ่ายพริ้งที่ถูกกระทงเข้าสิงถามเจินที่ถูกอีสีดวงเข้าสิงว่าตอนนี้เล่นเรื่องอะไรอยู่ อีสีดวงเอาบทมาดูบอกว่าเล่นเรื่องสาปภูษา เป็นฉากเด็ดด้วยตนดูมาหลายรอบจำได้ขึ้นใจเลย
“ดี...ข้ารู้แล้วว่าจะจัดการด้วยวิธีไหน ฉากนี้แหละ ที่รัตติกาลจะต้องพบกับความตาย” พริ้งหันมองหน้าเจินยิ้มเหี้ยมให้กัน
ตะวันฉายเพิ่งมาถึง สวัสดิการบอกว่าเขาจะถ่ายกันแล้วและเมื่อครู่นี้รัตติกาลก็ถามหาเขาด้วย ตะวันฉายถามว่าถามหาทำไม สวัสดิการส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้แล้วเดินออกไป ตะวันฉายนิ่งคิดสงสัย
การถ่ายทำเริ่มแล้ว พี่ปิ๊ดบอกรัตติกาลว่าขอฉากนี้เทกเดียวเลย มีพลังเท่าไรปล่อยมาให้หมด แล้วหันไปเรียกพริ้งแต่ไม่ทันพูดอะไร พริ้งก็ตอบมาพร้อมสายตาน่ากลัวว่า“ข้ารู้ ไม่ต้องสั่งข้า...” ทำเอาพี่ปิ๊ดสะดุ้งรีบบอกโอเค แล้วสั่งแอ็กชั่น
ปรากฏว่ากระทงที่สิงพริ้งอยู่ และอีสีดวงที่สิงเจินอยู่ ต่างเล่นนอกบทกันอย่างรุนแรง พริ้งพยายามจะฆ่ารัตติกาล
ให้ได้ จนทุกคนในกองถ่ายตกใจมองกันเหวอ แต่พี่ปิ๊ดกลับชอบใจสั่งให้เล่นต่อบอกว่ามันดี
กระทงในร่างพริ้งบีบคอรัตติกาลจนหน้าเขียว พี่ปิ๊ดก็ยังหัวเราะพอใจ จนกระทั่งตะวันฉายวิ่งเข้ามา รัตติกาลพยายามร้องขอความช่วยเหลือ ตะวันฉายวิ่งเข้าไปในฉากทันที
พริบตานั้นทั้งกระทงและอีสีดวงในร่างพริ้งกับเจินต่างร้องกันโหยหวนเพราะแสงที่เปล่งจากตะวันฉาย ทั้งกระทงและอีสีดวงออกจากร่างพริ้งกับเจินทันที สองสาวล้มพับสลบเหมือดกับที่
ตะวันฉายเข้าไปประคองรัตติกาลที่ตกใจกลัวจนตัวสั่นกอดเขาไว้แน่น ตะวันฉายเองก็กอดเธอไว้อย่างเป็นห่วง
ooooooo
คุณหญิงภัทรากับหาญกล้าพากันลุยไปที่บ้านของตะวันฉาย ร้องเรียกค้นหาทั่วบ้านก็ไม่เจอตัว แต่ไปทะเลาะล้มทับกันที่ห้องนอนของตะวันฉายปากต่อปากจุ๊บกันทำเอาถ่านไฟเก่าเกือบคุ พอรู้ตัวต่างก็ผละจากกัน หาญกล้าลูบรอยลิปสติกที่ปากตัวเองไปดมๆแล้วบ่นอุบอิบว่า
“ยัยขี้เหนียวเอ้ย ยี่สิบกว่าปีไม่เปลี่ยนลิปสติกเลย กลิ่นเดิมรสเดิมเป๊ะ”
ทั้งภัทราและหาญกล้าต่างโทษว่าลูกของอีกฝ่ายมาจับลูกของตน เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมให้สองคนนี้คบกันเด็ดขาด ตามลุยไปถึงกองถ่ายหมายจะดึงลูกของตนออกจากลูกของอีกฝ่าย
ที่กองถ่ายกำลังวุ่นกันกับเหตุการณ์ที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดจากอะไร รัตติกาลถูกพริ้งบีบคอเกือบตายทั้งที่ในบทไม่มี แล้วจู่ๆพริ้งกับเจินก็ล้มหงายผลึ่งเมื่อตะวันฉายเข้ามาช่วยรัตติกาล
แต่พอรู้สึกตัวขึ้นมา พริ้งกับเจินก็เล่าขนหัวลุกว่าเมื่อกี้ตนเห็นผี แล้วทั้งสองก็ร้องไห้ฟูมฟายพร่ำร้องแต่ว่า“กลัวแล้ว...
กลัวแล้วอย่าเข้ามา”ปากร้องตะโกนตัวสั่นเทิ้ม ทั้งยังไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ด้วย
ครั้นพริ้งหันมาเห็นรัตติกาลก็ปรี่เข้ามาขอโทษ ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำร้ายเธอแต่ผีมันสิงมันสั่งให้ทำ มันสั่งให้ฆ่าเธอ พูดแล้วพริ้งก็ตาเหลือกเมื่อเห็นกระทงกับอีสีดวงยืนจ้องอยู่ข้างหลังรัตติกาล ทั้งพริ้งและเจินร้องเหมือนคนบ้า ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคนเพราะไม่มีใครเห็นอย่างสองคนนี้เห็น
กระทงกับอีสีดวงตวัดสายตามองรัตติกาลกับตะวันฉายอย่างดุร้ายอีกทีก่อนหายวับไป
ooooooo
กระทงกับอีสีดวงกลับถึงคฤหาสน์จันทรา เจอหลวงบวรสงครามกำลังเกรี้ยวกราดใส่บริวารอยู่โดยเฉพาะกระทิงกับไอ้ริดที่ไปทำงานไม่สำเร็จกลับมา
“กระผมกับไอ้ริดพยายามจะจัดการกับมันแล้วขอรับแต่ดวงมหาอุดของมันมีอานุภาพจริงๆ”กระทิงชี้แจงปากคอสั่น
หลวงบวรสงครามกระชากทั้งกระทิงและไอ้ริดไปบีบคออย่างโกรธจัดจนทั้งสองดิ้นพราดๆ
“คุณหลวง ปล่อยมันสองตัวเถอะเจ้าค่ะ ดิฉันมีของสำคัญนำกลับมาด้วย” กระทงรายงานแล้วเอาปิ่นปักผมของท่านหญิงมาลาชูให้ดู แทนที่จะดีใจ คุณหลวงกลับตกใจถามว่าไปเอามาจากไหน กระทงบอกว่าที่กองถ่ายของท่านหญิงมาลา คงมีคนเจอแล้วนำออกจากป่าจันทราตกทอดหลายมือจนมาอยู่ที่ร้านขายของโบราณ
“ท่านหญิงทำลายความรักที่ข้ามีต่อท่านหญิงด้วยปิ่น
อันนี้ เพราะฉะนั้นมันคือตัวแทนความจงเกลียดจงชังที่ท่านหญิงมีต่อข้า เอามันไปให้ไกลๆข้า”คุณหลวงหวาดกลัวลนลาน
สุดท้ายกระทงเสนอให้เอาไปเก็บในที่ปลอดภัยเพื่อไม่ให้นำภัยมาสู่คุณหลวงอีก
ooooooo
ที่กองถ่ายยังโกลาหลกันไม่หยุด รัตติกาลใจคอไม่ดียิ่งเมื่อคิดถึงพริ้งตอนที่ถูกกระทงสิงเงื้อปิ่นคำราม“ถึงเวลาตายของเธอแล้วรัตติกาล”ก็ทำเอาเธอขวัญผวา
พัดชาที่ไปทำข่าวและเจอศพของอิงค์ในโรงแรมที่ถูกฆาตกรรม โทร.มาบอกรัตติกาลว่าอิงค์ตายแล้ว ตายอย่างสยองมากตาถลนมือเกร็งหน้าซีด ไม่มีเลือดเลยสงสัยก่อนตายคงเจอเรื่องสยองสุดๆ
“พอได้แล้ว ไม่ต้องสาธยาย” รัตติกาลร้องห้ามอย่างทนฟังไม่ได้
“รติ...ที่หมอดูตาทิพย์ว่าแกกำลังโดนเจ้ากรรมนายเวรตามเอาชีวิตอยู่ ฉันว่าของอย่างนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่แล้วล่ะแก” พัดชาเตือนเพื่อนเสียงสั่นมาตามสาย
ฟังพัดชาแล้วรัตติกาลหน้าซีดเครียดจัดขนลุกซู่แต่ยังปฏิเสธเสียงสั่นว่าไม่จริง เป็นไปไม่ได้จนตะวันฉายต้องเข้าไปปลอบเธอจึงดีขึ้น บอกเขาว่าอิงค์ตายแล้ว ตายเพราะตน ใครอยู่ใกล้ตนต้องตายพูดแล้วร้องไห้ฮือๆ
ตะวันฉายสงสารดึงเธอเข้าไปกอดไว้แน่น ปลอบใจอย่างอ่อนโยน อบอุ่นว่า
“คุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น อยู่กับผมไว้ รับรองไม่มีใครทำอะไรคุณได้หรอก”
รัตติกาลสบตาเขานิ่ง รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างประหลาดเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา
ooooooo
ภัทรากับหาญกล้ามาถึงกองถ่ายเจอแมรี่ถามว่ารัตติกาลอยู่ไหน แมรี่พาเดินไปหารัตติกาล ระหว่างทางทั้งคู่ก็ยังจิกกัดกันไม่ยอมหยุด จนเมื่อมาถึงลานจอดรถเห็นตะวันฉายเปิดประตูรถให้รัตติกาลขึ้นนั่งแล้วขับออกไปอย่างเร็ว หาญกล้าบอกภัทราให้โทร.เรียกตะวันฉายกลับมาไม่อย่างนั้นตนจะแจ้งตำรวจ
“เสียใจ...ฉันไม่มีเบอร์ลูกฉัน แล้วก็อย่าคิดว่าฉันจะยอมให้แกเอาตำรวจเข้ามายุ่งด้วย เพราะเห็นๆอยู่ว่าลูกสาวแกลันล้าดี๊ด๊าตามลูกชายฉันไปเอง เชอะ!”ภัทราสะบัดหน้าใส่หาญกล้าแล้วเดินเชิดไป หาญกล้าเถียงไม่ออกยืนมองตามไปอย่างเจ็บใจ
เมื่อภัทรากลับถึงบ้านเจอบอยฮ่ะ ภัทราบอกว่าเจ็บใจที่ตะวันฉายถูกรัตติกาลปั่นหัวเสียจนบ้านช่องไม่ยอมกลับ บอยฮ่ะอาสาจะสาดน้ำกรดรัตติกาลให้เอาไหมเพราะขืนปล่อยไว้หนูดีระแคะระคายเข้าคุณหญิงจะแย่
“ฉันไม่มีวันรับลูกสาวของไอ้เฒ่าปากเสียมาเป็นลูกสะใภ้ฉันแน่ แต่ฉันจะปล่อยให้ลูกชายฉันเริงร่าไปกับนังนั่นก่อน ยังไงฝ่ายฉันก็ผู้ชาย ไม่มีเสียหายอะไรอยู่แล้ว แต่ลูกสาวมันสิจะต้องเสียหายมากกว่า หึๆๆๆ” ภัทรายิ้มร้ายกาจ จนบอยฮ่ะยอมรับว่าคุณหญิงนี่ร้ายตัวแม่จริงๆ
ooooooo
ตะวันฉายพารัตติกาลมาหาพิชญ์ขอให้เณรเปี๊ยกให้ช่วยรัตติกาลหน่อยเพราะเธอไม่ค่อยสบายใจ พิชญ์จึงพาตะวันฉายเข้าไปในโบสถ์หาเณรเปี๊ยกที่กำลังสวดมนต์อยู่ ส่วนรัตติกาลรออยู่ข้างนอกกับพัดชาที่มาอยู่เป็นเพื่อน
ระหว่างนั้น รัตติกาลเล่าถึงความน่ากลัวในสิ่งที่ตนเห็นให้พัดชาฟัง พัดชาถามว่าแล้วตะวันฉายจะช่วยเธอได้จริงหรือ รัตติกาลบอกความรู้สึกว่า ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขาตนรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
พอดีตะวันฉายกับพิชญ์ออกมาพาสองสาวเข้าไปในโบสถ์ เห็นเณรเปี๊ยกกำลังจุดธูปบูชาพระพนมมือสวดมนต์ดูขรึม ขลัง พัดชาถามพิชญ์ว่าเณรตัวกะเปี๊ยกนี่จะช่วยได้จริงหรือ พิชญ์รับรองว่าเณรเป็นศิษย์ก้นกุฏิเบอร์หนึ่งของหลวงตา เรียนวิชาจากหลวงตามาหลายปี
ตะวันฉายตัดบทว่าให้เณรบอกเรื่องที่ไปปรึกษาหลวงตามาดีกว่า เณรเลยเล่าเป็นฉากๆว่า
“ก็อย่างที่โยมพี่คนสวยกลัวและกังวลนั่นแหละจ้ะ เณรเอาดวงชะตาของโยมพี่ให้หลวงตาดู หลวงตาบอกว่าโยมพี่คนสวยจะต้องแต่งงานกับโยมพี่ตะวันฉาย เคราะห์หามยามร้ายก็จะพอบรรเทาจากเจ้ากรรมนายเวรได้จ้ะ”
รัตติกาลขัดขึ้นทันทีว่าเณรอย่าล้อเล่น เณรยืนยันว่าที่พูดนี่พูดตามหลวงตาทุกคำเลยนะ รัตติกาลไม่เชื่อจะไปถามหลวงตาเอง ตะวันฉายถามว่าเป็นผู้หญิงจะไปหาหลวงตาถึงเตียงได้ยังไง ยืนยันว่า
“หลวงตาพูดมาแบบนั้นจริงๆ หมอดูตาทิพย์ก็ยืนยัน แล้วที่คุณตามผมมาก็เพราะคุณเองก็เจอมากับตัวไม่ใช่หรือ”
รัตติกาลเถียงไม่ออกถามว่าไม่มีทางอื่นเลยหรือ จะให้สร้างโบสถ์ สร้างห้องนํ้า สร้างศาลาถวาย ตนยอมทำให้หมด แต่ถ้าให้แต่งงานกับตะวันฉายนี่...ขอผ่าน
“สร้างบุญสร้างกุศลเป็นเรื่องดีจ้ะ ถวายจักรยานให้เณรด้วยกุศลยิ่งแรง แต่กรรมที่โยมพี่กำลังเจอเป็นกรรมเก่าที่ต้องชดใช้ ยังไงโยมก็หนีไม่พ้นจ้ะ”
เมื่อออกจากโบสถ์ตะวันฉายบอกพิชญ์ว่าตนไม่อยากลงเอยกับผู้หญิงที่อยู่ใกล้แล้วมีแต่เรื่องสยองแบบนี้ แต่พิชญ์ ยํ้าว่าชั่วโมงนี้มีแต่รัตติกาลเท่านั้นที่เป็นทางออกทางเดียวของเรา
รัตติกาลบอกพัดชาว่าตนไม่เอาด้วยหรอก พัดชาก็บ่นว่าแบบนี้มัดมือชกกันชัดๆ ดังนั้น เมื่อตะวันฉายเดินเข้ามาถามว่าตกลงจะเอายังไง พัดชาตอบไปทันทีว่า
“ฉันกับเพื่อนตกลงกันแล้วว่าจะหาทางจัดการปัญหานี้เอง”
ooooooo
เณรเปี๊ยกเจอดีจนได้ เมื่อออกไปเห็นกระทงยืนอยู่ข้างรถของรัตติกาล ขณะสองสาวเดินไปที่รถ กระทงขู่เณรว่าเป็นเด็กเป็นเล็กอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน เณรกลืนนํ้าลายเอื๊อกรีบบอกว่าไม่ยุ่งแล้วพลางก็
หันหลังวิ่งจีวรปลิวกลับมาหาพิชญ์กับตะวันฉายที่ยังคุยกันอยู่ บอกว่าตนถูกผีหลอก ตอนนี้ผีตามรัตติกาลไปแล้ว
ตะวันฉายเป็นห่วงรัตติกาลขึ้นมา รีบไปโรงแรมที่รัตติกาลเป็นพิธีกรงานปาร์ตี้ทันที
หาญกล้ากำลังหว่านล้อมลูกสาวไม่ให้ยุ่งกับตะวัน–
ฉาย เธอจึงเล่าให้ฟังว่า อิงค์ตายไปแล้วและหมอดูก็ทำนายว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับตนไม่มีใครรอดสักราย แต่หาญกล้าไม่เชื่อ
“รติก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันค่ะพ่อ แต่รติเห็นจริงๆ
ผู้หญิงคนนั้นต้องการให้รติตาย”
แมรี่ติงว่าไปกันใหญ่แล้วโทษว่าพริ้งร่วมมือกับตะวันฉายแต่งเรื่องหลอกให้เธอหลงเชื่อมากกว่า หาญกล้าผสมโรงด่าตะวันฉายว่าเจ้าเล่ห์นิสัยถอดแบบแม่มาไม่มีผิด ยืนยันว่าโลกนี้ไม่มีผี แมรี่ดูนาฬิกาแล้วเร่งให้รัตติกาลรีบแต่งตัวเพราะจวนได้เวลาเปิดงานแล้ว รัตติกาลจึงขอให้พ่อกับแมรี่ลงไปก่อนตนขอตัวทำงาน
หาญกล้าออกจากห้องพักเดินไปที่หน้าลิฟต์เจอตะวันฉายออกจากลิฟต์พอดี ปรี่จะเข้าเล่นงานเดินดุ่ยๆเข้าหาไม่ฟังตะวันฉายที่พยายามจะชี้แจง ทางเดียวที่จะรอดตัวคือหนี ตะวันฉายวิ่งอ้าวไป หาญกล้าวิ่งตุ้บๆตั้บๆตามไป แต่ไม่ทัน ตะวันฉายหายไปแล้ว
อึดใจเดียวก็มีพนักงานของโรงแรมเข็นรถผ่านมา หาญกล้าเรียกไว้ถามว่าเห็นผู้ชายสูงๆวิ่งผ่านทางนี้บ้างรึเปล่า ชายคนนั้นตอบว่าไม่เห็น หาญกล้าไม่ติดใจ ขอบใจแล้วไล่ให้ไปได้แล้ว
ที่แท้เขาคือตะวันฉาย พอพ้นจากหาญกล้ามาก็แอบถอนใจโล่งอกที่มุมตึก อึดใจก็รีบวิ่งไปที่ห้องรัตติกาล
ooooooo
แมรี่เดินร้องเพลงหงิงๆ ออกจากห้องรัตติกาล จนเกือบถึงลิฟต์ก็เจอกระทงในชุดโบราณยืนหน้าซีดจนเขียวอยู่ แมรี่ถูกกระทงแยกเขี้ยวใส่ตกใจจนหมดสติอยู่หน้าลิฟต์ ครู่หนึ่งก้องที่เป็นออร์กะไนซ์จะมาตามรัตติกาล เจอแมรี่นอนหมดสติอยู่หน้าลิฟต์ก็ตกใจ พริบตาเดียวก้องก็ถูกกระทงแยกเขี้ยวใส่จนสลบไปอีกคน กระทงมองเหยื่อทั้งสองที่นอนก่ายกันที่พื้นอย่างสะใจ
ส่วนรัตติกาลอยู่ในห้องกำลังแต่งหน้าอยู่ พอลุกจะเดินออกจากห้องก็ตกใจผงะเมื่อเห็นหลวงบวรฯในชุดทหารโบราณยืนจ้องอยู่ พอถามว่าเป็นใคร เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง ก็ได้รับคำตอบที่ชวนขนหัวลุกว่า
“ท่านหญิง กระผมจะมารับตัวท่านหญิง”
รัตติกาลตกใจสุดขีดไล่ให้ออกจากห้องกลับถูกเดินเข้าหา เธอถอยไปจนหยุดที่กระจกบานใหญ่ พอเหลือบมองจึงเห็นว่าไม่มีเงาของหลวงบวรฯในกระจกเงา เธอยิ่งตกใจร้องขอความช่วยเหลือ หูแว่วเสียงหลวงบวรฯบอกก่อนเธอจะหมดสติไปว่า
“ได้เวลาที่ท่านหญิงจะต้องกลับไปเรือนหอของเราแล้วขอรับ”
หลวงบวรฯประคองเธอไปวางไว้บนเตียง เอ่ยขออภัยที่ทำให้ตกใจ พร่ำบอกว่า
“แต่กระผมจำเป็นต้องทำ เพราะท่านหญิงคือรักเดียวที่กระผมเฝ้ารอมานานแสนนาน และนี่ถึงเวลาแล้วที่กระผมจะได้ยุติความทรมานเสียที” พูดพลางยื่นข้อมือที่มีเลือดของตัวเองไปจ่อที่ปากรัตติกาลให้เธอดื่ม เฝ้ามองรัตติกาลอย่างแสนเสียดาย
เวลาเดียวกันตะวันฉายวิ่งมาถึงหน้าลิฟต์เจอแมรี่หมดสตินอนก่ายอยู่กับก้องก็ตกใจแต่เป็นห่วงรัตติกาลจึงรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้อง เจอเธอนอนหมดสติอยู่บนเตียง พอได้สติเห็นตะวันฉายเธอโผเข้ากอดอ้อนวอน
“ตะวันฉาย...ช่วยฉันด้วย...ฮือๆ” ตะวันฉายกอดเธอไว้บอกว่าไม่ต้องกลัวตนมาช่วยแล้ว “อยู่กับฉันนะ อย่าให้ฉันอยู่คนเดียว” รัตติกาลกอดเขาไว้แน่น
ตะวันฉายกอดเธอไว้แน่นบอกว่า “ผมสัญญา” ต่างมองหน้ากันในอ้อมกอดของกันและกันแล้วตะวันฉายก็ประคองเธอออกจากห้อง พาไปอยู่ที่บ้านของเขา
แม้รัตติกาลจะตะขิดตะขวงใจแต่ความสุภาพของตะวันฉายทำให้เธอคลายกังวล เขาบอกให้เธอไปอาบน้ำก่อน ระหว่างนั้นภัทรากับบอยฮ่ะมาซุ่มดู เห็นรัตติกาลในชุดเตรียมไปอาบน้ำก็เชื่อว่า สองคนต้องมีอะไรกันแน่ๆ ภัทราคำรามอย่างเจ็บใจว่า
“นังรัตติกาล ฝันไปเถอะว่าแกจะอ่อยลูกชายฉันได้ แม้แต่ขาอ่อนลูกชายฉันแกก็ไม่ได้เห็น” แล้วสั่งบอยฮ่ะให้ไปบอกสมชายกับนังคิตตี้ให้เตรียมแผนปฏิบัติการจัดฉากให้พร้อม พอบอยฮ่ะผละไป ภัทราพึมพำอย่างสะใจว่า “ไอ้แก่...คราวนี้
ลูกสาวแกเสร็จฉันแน่!”
ooooooo
ตะวันฉายรอจะอาบน้ำต่อจากรัตติกาล แต่เธอก็ไม่ออกมาสักทีครั้นไปตะโกนถามที่หน้าห้องน้ำก็ไม่มีเสียงตอบ เพราะรัตติกาลเปิดฝักบัวเสียงดังนอนแช่ ในอ่างหลับตาอย่างผ่อนคลาย
บอยฮ่ะไปตามสมชายกับคิตตี้มา บอยฮ่ะสั่งการวางแผนให้ทั้งสองทำงานตามคำสั่งของภัทราให้คิตตี้คอยดูต้นทาง สมชายเอายานอนหลับให้บอยฮ่ะ พอรับยาบอยฮ่ะก็เทใส่เหยือกน้ำคนๆๆให้ละลาย คิตตี้วิ่งมาบอกว่าตะวันฉายลงมาแล้ว ทั้งสามรีบวิ่งหาที่ซ่อนตัว
“ป่านนี้ยังไม่เสร็จอีก หลับคาห้องน้ำเหรอไงเนี่ย” ตะวันฉายบ่นพลางเทน้ำจากเหยือกใส่แก้วดื่มรวดเดียวหมด จากนั้นเดินกลับขึ้นไป บอยฮ่ะโผล่มายิ้มอย่างสมใจที่แผนสำเร็จง้าย...ง่าย
ตะวันฉายขึ้นไปเร่งรัตติกาลอีก เห็นเงียบผิดปกติเลยผลักประตูเข้าไป พอดีรัตติกาลกำลังจะถอดชุดคลุมออก เธอร้องกรี๊ดๆๆแล้วพุ่งเข้าเอาสารพัดอย่างที่ใกล้มือขว้างปาใส่ ตะวันฉายวิ่งหนี เธอก็ไล่ตีจนถึงห้องนอน
รัตติกาลจับตะวันฉายขึงพืดบนเตียงดึงจมูกฉีกปากเขาวุ่นไปหมดจนตะวันฉายร้องลั่น เสียงคำรามและเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของทั้งสองดังไปถึงหูภัทรา สมชาย คิตตี้ และบอยฮ่ะ ทุกคนทำหน้าสยอง ภัทราตาลุกหาว่ารัตติกาลกำลังปล้ำลูกชายตน
ครู่หนึ่งเสียงก็เงียบไป สมชายทำหน้าเคลิ้มบอกว่ารัตติกาลคงจะหมดแรงไปแล้ว
แต่หารู้ไม่ว่าทั้งคู่ยังโรมรันพันตูกันอยู่ ครู่หนึ่งตะวัน–ฉายก็หลับผล็อยไปไม่ไหวติง รัตติกาลขู่ว่า ถ้าตนนับหนึ่งถึงสามไม่ลุกขึ้นมาจะตีซ้ำให้ตายเลย
หารู้ไม่ว่า ข้างหลังรัตติกาลนั้นบอยฮ่ะแอบย่องเข้ามาในมือถือผ้าชุบยานอนหลับ พอเธอนับได้แค่สอง ก็โดนโปะยาสลบร่วงผล็อยไปอีกคน
จากนั้น การจัดฉากดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จับตะวัน–ฉายนอนอยู่กับรัตติกาลบนเตียงมีผ้าคลุมเผยให้เห็นไหล่เปลือยทั้งคู่ ภัทราจัดท่าให้สองคนนอนกอดกันแล้วถ่ายรูปเก็บไว้อย่างสะใจ
ooooooo
รุ่งขึ้น ภัทราพาพวกของตนไปที่บ้านตะวันฉาย พอเจอหาญกล้ากับแมรี่ ก็ปรี่เข้าไปเอารูปยื่นพรวดไปตรงหน้าให้ดู หาญกล้าเถียงทันทีว่าไม่จริงต้องเป็นรูปตัดต่อแน่ๆ ทั้งยังตะคอกภัทรา อย่ามาว่าลูกสาวตนเสียๆหายๆ ลูกสาวตนไม่มีวันทำเรื่องเสียหายแบบนี้แน่นอน
“โฮะๆๆสงสัยแกจะไม่รู้จักลูกสาวของตัวเองเสียแล้วไอ้เฒ่า เขาเรียกว่ากรรมตามทัน ตอนหนุ่มๆแกอยากทำร้ายจิตใจผู้หญิงดีนัก ตอนนี้แกเลยต้องมาอกแตกเพราะลูกสาวบ้าง” ภัทราเยาะเย้ยแต่หาญกล้าก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ภัทราเลยท้า “ถ้าเห็นจากรูปแล้วยังไม่เชื่อ ก็คงต้องให้ไปดูของจริง”
รัตติกาลกับตะวันฉายยังนอนก่ายกอดกันอยู่บนเตียง ทั้งสองต่างฝัน รัตติกาลฝันเรื่องเครื่องบินตก ร้องขอความช่วยเหลือ จนตัวเองสะดุ้งตื่น ส่วนตะวันฉายละเมอจะจับ รัตติกาลไปแก้เผ็ดที่แกล้งตน รัตติกาลตกใจ คว้าหมอนฟาดใส่ไม่ยั้ง จนตะวันฉายตื่น ยกมือปัดป้องร้องว่า นี่มันเรื่องอะไรกัน
แต่พอก้มดูตัวเองที่ใต้ผ้าห่มเห็นล่อนจ้อนก็ยิ่งตกใจ แต่กลับหาว่ารัตติกาลปล้ำตน
“ไอ้...ไอ้เลว” รัตติกาลด่าลุกพรวดขึ้นจะทำร้ายตะวันฉาย แต่ตัวเองกลับสะดุดผ้าห่มล้มทับเขาเต็มตัว ต่างมองกันตะลึงอึ้ง
วินาทีนั้นเอง หาญกล้า ภัทรา และพวกก็โผล่พรวดเข้ามาเห็นเต็มตา พอรัตติกาลเห็นพ่อก็โผเข้ากอดพ่อขอความช่วยเหลือ แต่พอหาญกล้าจะเล่นงานตะวันฉาย ภัทราก็สะอึกออกมาขวาง
“ถ้าแกแตะต้องลูกชายฉันแม้แต่ปลายเล็บละก้อ...แกกับฉันได้เห็นดีกันแน่ไอ้เฒ่า”
หาญกล้ายังฮึ่มๆจะเอาเรื่อง ตะวันฉายชี้แจงว่าทุกคนเข้าใจผิด ภัทรากลัวเสียแผนรีบตวาดลูกชายให้หุบปากเสียแล้วหันไปรุกฆาตหาญกล้า
“ถ้าแกกล้าทำให้ลูกฉันเจ็บ แกจะต้องเจ็บปวดกว่าเป็นร้อยเท่า รูปที่ฉันมีจะถูกส่งไปให้นักข่าว แล้วคนที่เสียหายที่สุดคือลูกสาวแก ไม่ใช่ลูกชายฉัน”
หาญกล้าเห็นทางหายนะอยู่ตรงหน้าก็นิ่งงัน จ้องภัทราราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ จนรัตติกาลบอกพ่อว่าอยากกลับบ้าน หาญกล้ายังชี้หน้าภัทราพูดอาฆาตว่า จะไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆแน่ แล้วโอบรัตติกาลพาออกไป กระนั้นรัตติกาลก็ยังหันมองตะวันฉายด้วยแววตาเศร้าจนเขาสงสาร
“ไปใส่เสื้อผ้า” ภัทราดึงหูตะวันฉายลากขึ้นมา “แกกับแม่มีเรื่องต้องเคลียร์!”
ooooooo
พอกลับถึงบ้าน ตะวันฉายตัดพ้อแม่ว่า นึกไม่ถึงว่าแม่จะทำเรื่องขนาดนี้ได้ เพราะรัตติกาลเป็นผู้หญิงไม่สงสารเธอบ้างหรือ ภัทราสวนไปทันทีอย่างเสียใจ เจ็บใจว่า
“ไม่!! ฉันสงสารตัวเองมากกว่า ลูกชายคนเดียวที่ฉันทะนุถนอมเลี้ยงมา ต้องมากลายเป็นลูกอกตัญญูเพราะผู้หญิงคนเดียว”
ตะวันฉายเถียงว่าตนไม่เคยคิดอกตัญญูกับแม่ โดนเอ็ดกลับมาว่าแล้วโกหกแม่หนีกลับมาทำไม
ตะวันฉายชี้แจงว่า ตนไม่อยากถูกแม่บังคับให้แต่งงานกับหนูดีและไม่อยากทำงานที่ตนไม่ชอบ
“ที่แม่ต้องบังคับเพราะแม่รักแก...” ภัทราเริ่มร้องไห้สะอื้น “แต่แกกลับมองไม่เห็น หันไปสนุกสนานร่าเริงทำร้ายเหยียบย่ำหัวใจแม่ด้วยการไปคบลูกสาวไอ้คนที่มันชั่วมันเลว นี่แหละแกกำลังอกตัญญู”
พูดแล้วก็ร้องไห้โฮๆ ตะวันฉายมองแม่อย่างหนักใจ พยายามเรียกเพื่อจะชี้แจง
“ไม่ต้องมายุ่งกับแม่...ใช่สิ แกก็ฟังแต่พ่อแกคนเดียว หาว่าแม่เป็นพวกชอบเผด็จการ บังคับพ่อแกจนชิงตายไปก่อน ฉันมันนังมารร้าย ไม่อยากรักฉันก็ไม่ต้องมารักฉันอีก”
ภัทราร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กถูกขัดใจแล้ววิ่งออกไป ตะวันฉายได้แต่มองอย่างหนักใจ
ooooooo