ตอนที่ 9
ไม่นานนัก ปราบกับตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ โดยเรียกเต็งล้อมาสอบปากคำเป็นคนแรกเนื่องจากเป็นคนสุดท้ายที่ได้เจอผู้ตาย เขาแต่งเรื่องว่าหลังจากผิงไปดูแลนายน้อยก็ลงมาเจอกับเขาที่หน้าบ้าน จากนั้นเขากลับไปที่ห้องทำงานของนายท่านและอยู่ที่นั่นตลอดเวลา
“อั๊วมารู้เรื่องว่าอาผิงอีตาย ก็ตอนที่มีคนมาบอกให้อั๊วแจ้งตำรวจ”
ปราบพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเหลือบไปเห็นหลิว มองงงๆว่ากลับมาจากการลักพาตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ จึงแยกตัวจากเต็งล้อเข้าไปแสดงความเสียใจที่เธอสูญเสียคนสนิท แล้วเชิญเธอไปสอบปากคำเป็นรายต่อไป เมื่อได้อยู่กันตามลำพังในห้องทำงานของเธอ แทนที่ปราบจะสอบถามเกี่ยวกับการตายของผิง กลับซักเรื่องที่เธอกลับมาจากถูกจางเหาลักพาตัวมาได้อย่างไร เธอปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกลักพาตัว แค่หลบไปพักผ่อน
สารวัตรหนุ่มไม่ปักใจเชื่อ แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีก ขอตัวกลับก่อนไว้จะส่งผลการชันสูตรมาให้ หลิวฝากเขาดูเรื่องนี้ด้วยเพราะเชื่อว่าผิงต้องไม่ได้ฆ่าตัวตายเองแน่ๆ แล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งส่งให้
“ฉันเจอจดหมายฉบับนี้ตอนที่เข้าไป หวังว่ามันคงจะพอช่วยอะไรคุณได้บ้าง”
กระดาษที่หลิวส่งให้ปราบเป็นจดหมายลาตายของผิง ซึ่งเขาอ่านแล้วก็อดสงสัยไม่ได้เช่นกัน...
หลังจากตำรวจกลับไปหมดแล้ว เต็งล้อมาหาหลิวที่ห้องทำงาน อ้างว่ารู้เรื่องที่ผิงส่งคนไปเก็บนายน้อยจากจดหมายลาตายที่ผิงเขียนทิ้งไว้ แล้วตัดพ้อทั้งที่เธอรู้มาตั้งแต่แรก ทำไมไม่บอกตน หลิวแค่อยากให้แน่ใจก่อนว่าทำไมผิงถึงได้ทรยศพวกเรา เต็งล้อรับปากจะหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ให้ได้...
ท่านชาติชายยังไม่ยอมรามือตามมาคาดคั้นธานินทร์ถึงห้องทำงานให้สารภาพว่าไปยุ่งกับหลักฐานเกี่ยวกับคดีของหลิวทำไม เขายืนกรานว่าไม่ได้ยุ่ง และจากนี้ไปหากท่านยังกล่าวหาเขาทั้งที่ไม่มีหลักฐาน เขาคงต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง ท่านชาติชายเจ็บใจที่ถูกท้าทาย หากมีหลักฐานเมื่อไหร่ท่านไม่เอาเขาไว้แน่ แล้วหันหลังจะไป แต่นึกอะไรขึ้นมาได้หันกลับมาอีกครั้ง
“อ้อ ดีใจด้วยนะครับ ที่คุณใกล้รุ่งกลับมาอย่างปลอดภัยหลังจากที่โดนลักพาตัว”
ธานินทร์ไม่เข้าใจมาบอกทำไมไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับตน จังหวะนั้นหลิวโทร.เข้ามือถือของเขา แต่ท่านชาติชายยังอยู่ในห้องทำให้เขาไม่กล้ารับสาย ท่านเห็นท่าทางมีพิรุธของเขา แปลกใจสงสัยว่าใครกันโทร.มา
“ผมมีธุระต้องคุยเป็นการส่วนตัว ถ้าท่านไม่มีอะไรแล้ว อย่าหาว่าผมไล่เลยนะ” พูดจบธานินทร์ลุกออกไปรับสายที่มุมปลอดคน ตำหนิหลิวว่าไม่ควรโทร.มา เธอขอโทษเขาด้วยแต่มีเรื่องร้อนใจอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับคนใกล้ตัวที่เขาต้องการจะบอก ธานินทร์เองก็อยากเจอเธอเช่นกัน จึงตกลงนัดแนะกันโดยไม่รู้ว่าท่านชาติชายจับตามองอยู่ ฝ่ายหลิววางสายแล้วก็รีบออกจากห้องจะไปหาธานินทร์ แต่ต้องชะงักที่เจอเต็งล้อขวางอยู่
“นายน้อยจะออกไปไหน”
หลิวโกหกว่าจะไปหาเพื่อน เต็งล้อแดกดันไม่รู้มาก่อนว่าเธอมีเพื่อนเป็นตำรวจ เธอชักสีหน้าทันที นี่เขาแอบฟังเธอหรือ เต็งล้ออ้างที่ต้องทำแบบนั้นเพราะเป็นห่วงและที่สำคัญเธอจะรู้ได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่แผนลวง
เจ้าแม่มาเฟียไม่เชื่อว่าตำรวจนายนั้นจะคิดร้ายในเมื่อเขาเป็นคนของพ่อ และอีกอย่างเขากำลังจะบอกความจริงกับเธอว่าใครฆ่าพ่อของเธอ เต็งล้อพยายามพูดโน้มน้าวให้หลิวเชื่อ ว่าตำรวจนั่นเองที่อาจจะเป็นคนฆ่าตี๋ซุ้งเนื่องจากท่านกำความลับไว้มาก แม้จะเป็นเจ้าแม่มาเฟียแต่หลิวยังอ่อนต่อโลกนักจึงหลงเชื่อตามที่เต็งล้อปั่นหัว ยอมบอกสถานที่นัดพบกับธานินทร์...
ปราบเองก็ถูกท่านชาติชายปั่นหัวเช่นกัน อ้างว่าแอบเห็นธานินทร์คุยโทรศัพท์กับใครบางคนที่คิดว่าน่าจะเป็นหลิว จึงอยากให้เขาตามดูธานินทร์ไว้ ปราบนิ่งเงียบสีหน้าครุ่นคิดหนัก
“ผมรู้ว่าสารวัตรลำบากใจ แต่ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ เราก็จะพิสูจน์ไม่ได้สักทีว่าผู้กำกับธานินทร์เป็นสายให้พวกมาเฟียจริงไหม” คำพูดของท่านชาติชายทำให้ปราบคิดคล้อยตาม ดังนั้น เมื่อธานินทร์ออกจากกองปราบปราม สารวัตรหนุ่มจึงแอบสะกดรอยตาม
ไม่นานนัก ธานินทร์มาถึงสถานที่ตามนัด แต่คนที่มาพบไม่ใช่หลิวกลายเป็นเต็งล้อ ธานินทร์ตกใจแต่พยายามทำสีหน้าเป็นปกติ ถามว่าหลิวไปไหน เต็งล้อยิ้มเจ้าเล่ห์
“นายน้อยเขาไม่มาแล้วล่ะ เพราะนายน้อยเขาเชื่อคำพูดอั๊วมากกว่า”
นอกจากจะกล่อมหลิวจนหลงเชื่อว่าธานินทร์ไว้ใจไม่ได้ เต็งล้อยังพยายามกล่อมธานินทร์ให้เปลี่ยนนายใหม่มาอยู่กับตนเองเพราะหลิวคงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ธานินทร์ไม่เอาด้วย เต็งล้อชักปืนขึ้นมาเล็งใส่ ธานินทร์ไม่ยอมน้อยหน้าชักปืนเล็งเขาเช่นกัน ก่อนจะมีใครเหนี่ยวไก มีเสียงปราบดังขึ้น
“หยุดนะ วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้”
ooooooo










