ตอนที่ 9
อีกมุมหนึ่งที่เคาน์เตอร์ต้อนรับของบังกะโลที่พัก ตำรวจสองนายซึ่งจางเหาเจอที่ร้านขายของเอารูปถ่ายของจางเหามาสอบถามเจ้าของบังกะโลว่าเคยเห็นบ้างไหม เจ้าของถึงกับอึ้ง...
ฝ่ายหลิวกลับเข้าห้องจะล้มตัวลงนอนบนเตียง เจอแมงมุมอยู่ข้างหมอนร้องลั่นด้วยความตกใจ จางเหาได้ยินเสียงร้องรีบเข้าไปดู เธอโดดผลุงเดียวกอดเขาไว้ ละล่ำละลักว่ามีแมงมุมอยู่ตรงหมอน เขาแอบยิ้มชอบใจกับมุมอ่อนไหวของเธอ โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าตำรวจกำลังมาที่บังกะโลที่พักของตัวเอง พร้อมกับโทร.แจ้งปราบว่าเจอตัวจางเหาแล้ว มาเปิดห้องพักอยู่ที่บังกะโลแห่งนี้
จางเหาไล่แมงมุมไปแล้ว แต่หลิวยังกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาต้องสะกิดเตือนว่ามันไปแล้ว เธอได้สติรีบคลายมือออกอย่างเขินๆ จางเหาเดินเลี่ยงออกมาหน้าบังกะโลเห็นตำรวจเดินมาไกลๆ รีบถอยกลับเข้าห้อง หลิวเห็นท่าทางแปลกๆของเขาชะเง้อคอมองตาม พอเห็น ตำรวจเท่านั้น เธอตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงลั่น จางเหา โดดตะครุบปากไว้แทบไม่ทัน รีบปิดประตูห้องลากเธอมาที่เตียง
หลิวฤทธิ์มากทั้งดิ้นทั้งกัดมือ จางเหาเจ็บมากจำต้องคลายมือออก เธอสบช่องวิ่งหนีออกจากบังกะโลพลางตะโกนขอความช่วยเหลือ จางเหาวิ่งตามมาปิดปากเธอไว้แล้วลากไปหลบหลังพุ่มไม้ ตำรวจได้ยินเสียงแว่วๆ พยายามกวาดตามองหาฝ่าความมืดยามค่ำแต่ไม่เจอใคร หลิวจะดิ้นหนีอีก เขาจึงตัดสินใจบอกเธอว่าเก๊าเจอคนที่มีรอยสักเหมือนฆาตกรที่ฆ่าน้องของเขาแล้ว และคนคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นผิง
“เป็นไปไม่ได้ ฉันว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ”
“ผมถึงได้จับคุณมาเพื่อให้คุณพิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง”
ooooooo
แผนพิสูจน์ว่าผิงเกี่ยวข้องกับฆาตกรรอยสักของจางเหา คือให้หลิวโทร.หาเธอ แกล้งทำเหมือนตัวเองเพิ่งหนีจากถูกจางเหาจับตัวมาได้ ผิงหลอกถามว่าอยู่ที่ไหนจะได้ส่งคนไปช่วย หลิวนัดแนะสถานที่กับเธอตามที่จางเหากำหนดไว้ให้ ทั้งที่ไม่ปักใจเชื่อว่าผิงจะเป็นคนทรยศ...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน เต็งล้อเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าป้ายวิญญาณของตี๋ซุ้ง บอกเหตุผลที่ไม่ฆ่าจางเหาในวันที่ ตี๋ซุ้งให้ไปกวาดล้างก๊วนตี๋ซา เพราะรู้ดีว่าคนที่จะฆ่าตี๋ซุ้งได้มีเพียงจางเหาเท่านั้น และที่เขาส่งตนไปกวาดล้างบ้านตี๋ซาไม่ใช่เพราะกลัวเจ้าของบ้านแต่กลัวจางเหาต่างหาก จังหวะนั้นผิงเข้ามารายงานว่านายน้อยติดต่อมา บอกว่าตอนนี้หนีจากจางเหามาได้ก็เลยโทร.มาหาเธอเป็นคนแรก จะให้เธอส่งคนไปเก็บนายน้อยเลยไหม
“อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไร จนกว่าอั๊วจะสั่ง”
เต็งล้ออุตส่าห์ห้ามทำอะไรตอนนี้เพราะเคลือบแคลงสงสัยอะไรบางอย่าง แต่ผิงกลับฝ่าฝืนคำสั่ง โทร.แจ้งมือสังหารให้ไปเก็บหลิวตามที่อยู่ที่เจ้าตัวให้ไว้โดยไม่รู้ว่านี่เป็นแผนลวงให้ผิงเปิดเผยตัว...
แม้จะยอมทำตามแผนการของจางเหา แต่หลิวก็ออกตัวว่าไม่ได้เชื่อตามที่เขาพูดเกี่ยวกับผิง เพียงแต่เธออยากรู้ว่าผิงจะเป็นพวกเดียวกับฆาตกรรอยสักจริงหรือเปล่า จางเหาเข้าใจดีว่าเธอทำใจลำบากที่รู้ว่าคนใกล้ตัวทรยศ แต่เก๊าเป็นคนบอกตนเองว่าผิงมีรอยสักแบบเดียวกับฆาตกรฆ่าเพ่ย และที่เก๊านัดให้ตนไปพบก่อนตายเพราะรู้ว่าผิงเริ่มสงสัยในตัวเขา ผิงอาจจะไม่ได้ลงมือฆ่าเก๊า แต่ก็ส่งข่าวให้ฆาตกรนั่นมาจัดการ
“คุณคงไม่อยากจะเชื่อ แต่พรุ่งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ทุกอย่างให้คุณเห็นเอง”
คำพูดของจางเหาทำให้หลิวคิดคล้อยตาม รู้สึกเหนื่อยใจอยากจะทิ้งทุกอย่างหนีไปให้ไกลๆจากผู้คน ขอให้เขาช่วยพาไปได้ไหม จางเหาใจอ่อนยวบแต่ต้องทำใจแข็งปฏิเสธว่าทำอย่างที่เธอต้องการไม่ได้
“เพราะผมต้องจัดการคนที่ฆ่าน้องสาวผมก่อน”
หลิวแอบเศร้าทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เส้นทางของเขาและเธอเหมือนเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้
ooooooo
เป็นอย่างที่จางเหาว่าไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ผิงส่งมือสังหารมายังสถานที่นัดพบกับหลิว จับตัวเธอเอาไปใส่รถพาไปที่เปลี่ยวหวังจะฆ่าหมกป่า แต่จางเหาตามมาช่วยไว้ทัน ฆ่ามือสังหารตายเรียบ...
แม้จะรู้ด้วยตัวเองแล้วว่าผิงคือคนทรยศ แต่หลิวยังคงทำใจยอมรับไม่ได้ จางเหาเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของเธอเข้ามาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอเพิ่งตระหนักคราวนี้เองว่าการที่ถูกคนใกล้ตัวที่เราไว้ใจมากหักหลัง มันเจ็บยิ่งกว่าถูกคมมีดของศัตรูกรีดหัวใจเสียอีก จางเหา อยากรู้ว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป
“ฉันก็ยังไม่รู้ แต่ฉันเหนื่อยกับเรื่องพวกนี้เต็มที ไม่รู้ว่าจะอดทนกับมันได้อีกนานแค่ไหน” แววตาอ่อนล้าของหลิวทำให้จางเหาเผลอตัวอาสาจะพาเธอหนีไปจากเรื่องวุ่นๆ หลิวชะงักหันมอง เขารีบปรับสีหน้าเป็นปกติ
“ก็...เหมือนที่คุณพูดไว้เมื่อวานไง”
“ฉันอยากรู้ว่าผิงร่วมมือกับใคร แต่ฉันอยากขอร้องคุณอย่างหนึ่ง ถ้าฉันช่วยคุณหาฆาตกรรอยสักตัวจริงเจอ ฉันอยากให้ความแค้นของเราจบลง”
จางเหาตอบตกลงทันทีแทบจะไม่ต้องคิดให้เสียเวลา...
เพื่อตัดปัญหาไม่ให้ตี๋เล็กขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าสมาคมธรรมกุลแทนหลิว เหมยตัดสินใจเรียกรุจีมาคุยกันตามลำพัง ขอร้องให้เธอพาตี๋เล็กไปอยู่เมืองนอกอย่างคนปกติ และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก รุจีทำตามที่ท่านขอไม่ได้เนื่องจากอยากลองเป็นเมียมาเฟียดูสักครั้ง คนอื่นจะได้ไม่กล้ามาออกคำสั่งกับเธออีกแล้วขอตัวไปหาตี๋เล็ก เหมยมองตามหนักใจหันหลังจะกลับเรือนเล็ก แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเต็งล้อยืนมองอยู่
“อั๊วรู้ว่าอาซ้อรักนายเล็กถึงได้พยายามทำทุกทาง ให้นายเล็กไปจากที่นี่ แต่อั๊วคงให้อาซ้อทำอย่างนั้นไม่ได้”
“เฮียมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันอย่างนี้”
เต็งล้อขออภัยเหมยด้วย เขาแค่อยากให้นายเล็กได้ทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขา พูดไปพูดมาเขาก็วกกลับมาพูดเรื่องเดิมอีก เหมยยังคงยืนกราน ตี๋เล็กไม่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าธรรมกุล และถ้าเขายังดึงดันจะทำอย่างนั้น เธอจะเป็นคนบอกความจริงกับตี๋เล็กเองแล้วเดินกลับเรือนเล็ก...
ในเมื่อยืนยันหนักแน่นไปแล้วว่าจะไม่ทำตามที่เหมยต้องการ รุจีไม่หยุดแค่นั้น กลับเอาเรื่องที่ท่านขอให้เธอกับตี๋เล็กย้ายไปอยู่เมืองนอกไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกไปฟ้องตี๋เล็กแถมเสี้ยมให้แม่ลูกหมางใจกัน ว่าที่แม่ของเขาทำแบบนั้นเพราะรักหลิวมากกว่าเขา เลยไม่อยากให้เขาขึ้นครองทุกอย่างแทน ตี๋เล็กนิสัยใจร้อนและหูเบาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วถูกลูกยุเข้าไปก็หลงเชื่อจะตามไปต่อว่าแม่ที่เรือนเล็ก แต่เต็งล้อขวางไว้
“ช่วงนี้อาซ้อไม่ค่อยแข็งแรง ถ้านายเล็กไม่มีเรื่องสำคัญ อั๊วอยากให้อาซ้อพักผ่อนจะดีกว่า”
ตี๋เล็กอ่อนลงทันทีเมื่อรู้เรื่องนี้ รุจีไม่วายยุแยงอีก ตอนที่พูดกับตนเมื่อครู่นี้ยังเห็นดีๆอยู่เลย หรือว่าไม่อยากคุยเพราะตี๋เล็กไม่ใช่ลูกคนโปรดกันแน่ เต็งล้อพยายามอธิบายว่าเหมยไม่ได้เป็นอย่างที่รุจีว่า ตี๋เล็กอึดอัดใจมากไม่รู้จะทำอย่างไร เดินหัวเสียกลับตึกใหญ่โดยมีรุจีเดินตามเต็งล้อหนักใจที่เขาเห็นรุจีดีกว่าคนในบ้าน
ooooooo
รุจียังไม่ยอมรามือ เป่าหูตี๋เล็กให้หมางใจแม่ตัวเองอีก เต็งล้อต้องตามมาขอร้องเขาอย่าเพิ่งวู่วาม ที่เหมยพูดออกมาแบบนั้นต้องมีเหตุผล อย่าให้เสียงคนนอกมีผลมากกว่าคนในครอบครัว รุจีไม่พอใจหันไปจะเอาเรื่อง แต่เด็กรับใช้เข้ามารายงานเสียก่อนว่านายน้อยกลับมาแล้ว
อีกมุมหนึ่งหน้าบ้าน ผิงเข้าไปหาหลิวทำทีว่าเป็นห่วงเป็นใย หลิวรู้เท่าทันแกล้งเล่นไปตามน้ำ จังหวะนั้น ตี๋เล็กวิ่งเข้ามากอดพี่สาวดีใจที่กลับมาอย่างปลอดภัย
รุจีไม่วายปากเสียอีก
“คุณกลับมาปลอดภัยก็ดีแล้ว ตี๋เล็กจะได้ไม่ต้องโดนข้อกล่าวหาฆ่าพี่ตัวเองเพื่อแย่งตำแหน่ง”
“พูดอะไรของเธอ กลับไปก่อนไป ฉันจะให้คนไปส่ง” ไม่ไล่แต่ปากตี๋เล็กลากแขนรุจีออกไป เต็งล้อตีเนียนเข้ามาถามหลิวว่าหนีจากจางเหาได้อย่างไร เธอขอผัดไว้ก่อน แล้วจะเล่าให้ฟังทีหลัง จากนั้นเธอหันไปขอบใจผิงที่ส่งคนไปช่วย ผิงแอบมองเต็งล้ออย่างรู้สึกผิด ก่อนจะอ้อมแอ้มว่าไม่เป็นไร เต็งล้อเห็นท่าไม่ดีบอกให้นายน้อยขึ้นไปพักผ่อนก่อน กลับมาเหนื่อยๆแล้วพยักหน้าให้ผิงตามไปดูแล...
ครั้นดูแลหลิวเรียบร้อย ผิงมาที่ห้องพักของเต็งล้อ ขอโทษที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเขา ห้ามส่งคนไปเก็บนายน้อย เต็งล้อถามเสียงเครียดแล้วคนของเธอว่าอย่างไรบ้าง ผิงยังติดต่อพวกมือสังหารไม่ได้ ที่สำคัญทำไมนายน้อยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เต็งล้อตั้งข้อสันนิษฐานไว้สองประการ
“หนึ่ง นายน้อยกลับมาก่อนที่จะเจอคนของลื้อ สอง...คนของลื้อโดนเก็บไปแล้ว”
ผิงตกใจถ้าเป็นข้อหลังก็แสดงว่านายน้อยรู้ว่าเธอเป็นคนส่งมือสังหารไป แล้วนี่เธอจะทำอย่างไรดี...
โทษครั้งนี้ของผิงคือตายสถานเดียว แต่จะให้เต็งล้อลงมือฆ่าเอง ก็อาจจะถูกมองได้ว่าเป็นการฆ่าตัดตอนไม่ให้สาวมาถึงตัวเอง เขาจึงใช้วิธีบังคับให้เธอแขวนคอตายกับขื่อภายในห้องนอนเธอเอง และให้เขียนจดหมายลาตายทิ้งไว้โดยเต็งล้ออยู่ด้วยจนแน่ใจว่าเธอหมดลมหายใจแล้วถึงได้หลบออกจากห้อง...
ทางฝ่ายหลิวอาบน้ำเสร็จสวมเสื้อคลุมมานั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองตัวเองที่สะท้อนในกระจกเงา ฉุกคิดถึงตอนที่คุยกับจางเหาหลังจากเขาช่วยให้พ้นเงื้อมมือพวกนักฆ่า เขากำชับว่ากลับถึงบ้านเมื่อไหร่ เธอต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเสี่ยงมากเกินไปถ้าจะทำให้พวกมันรู้ว่าเธอรู้ตัวแล้ว
“ทำไม คุณกลัวว่าฉันจะตายด้วยฝีมือคนอื่นสินะ ...ถ้าเรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วงหรอกเพราะฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใคร ไม่แน่พ่อฉันอาจจะตายเพราะฝีมือมันด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาหาตัวไอ้ฆาตกรรอยสักนั่นด้วยกัน”...
หลิวแต่งตัวเสร็จ ลงมาที่ห้องของผิง สังเกตเห็นประตูห้องปิดไม่สนิท ค่อยๆแง้มเข้าไป ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นเจ้าของห้องผูกคอตายกับขื่อ
ooooooo










