สมาชิก

หงส์เหนือมังกร

ตอนที่ 14


หลิวกำลังยืนทอดอารมณ์อยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านธรรมกุลตอนที่จางเหาย่องเข้ามาหา เธอดีใจที่เจอเขาแต่พอเห็นสายตาอาฆาตแค้นก็ต้องชะงัก ยังไม่ทันจะถามว่ามีเรื่องอะไร เขาตะคอกใส่เสียก่อนว่าอาติยะอยู่ไหน

“มันฆ่าแปะคู คุณรู้ที่อยู่ของมันรึเปล่า”

“เอ่อ คือ ฉันไม่ได้จะเข้าข้างใครนะ แต่ทำไมอาติยะถึงต้องฆ่าอาแปะคุณด้วย”

“เพราะมันคิดว่าเราสองคนรักกันไง” คำพูดของจางเหาทำให้หลิวรู้สึกเจ็บแปลบใจ นี่เขาไม่ได้รักเธอบ้างเลยหรือ ต้องถามเรื่องอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก แน่ใจได้อย่างไรว่าอาติยะเป็นคนฆ่า เขาหยิบเข็มกลัดของพวก 14K ให้ดูพร้อมกับเล่าว่าคนฆ่าแปะคูทำตกไว้ข้างศพ สั่งให้เธอบอกที่อยู่ของมันมา หลิวไม่รู้จริงๆว่าอยู่ไหนเพราะที่อยู่ของเค.วองเป็นความลับ จางเหาเห็นสายตาของเธอก็รู้ว่าเธอโกหกเพื่อปกป้องมัน

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องขอโทษคุณไว้ล่วงหน้าด้วย... ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้น จางเหาเดินจากไป หลิวเห็นสายตาที่มีแต่ความเคียดแค้นและไร้เยื่อใยต่อเธอก็ได้แต่มองตามเศร้าใจ ทั้งคู่ไม่ล่วงรู้เลยว่าเต็งล้อแอบฟังอยู่ ยิ้มพอใจที่แผนการยืมมือฆ่าคนของตัวเองสำเร็จไปอีกหนึ่งขั้น...

ประมุขธรรมกุลคาใจมาก โทร.ไปขอพบกับอาติยะเป็นการด่วน ด้วยความไว้ใจทำให้เขายอมบอกที่อยู่ซึ่งเป็นความลับให้เธอรู้ หลิวไม่รอช้ารีบขับรถไปที่นั่นโดยไม่รู้เลยว่าจางเหาแอบสะกดรอยตาม...

ในเวลาต่อมา ขณะที่อาติยะยืนครุ่นคิดถึงเรื่องหลิว ตรัยฌานอดถามเขาไม่ได้ว่าเธอจะมาพบเขาด้วยเรื่องใด เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอบอกแค่มีธุระด่วนจะคุยด้วย ตรัยฌานติงความจริงแล้วเขาไม่ควรจะบอกที่อยู่ของเราให้คนอื่นทราบ ถ้ารู้ถึงหูตำรวจเราอาจจะไม่ปลอดภัยได้ อาติยะสวนทันทีสำหรับตนแล้วหลิวไม่ใช่คนอื่น ระหว่างนั้นลูกน้องเข้ามารายงานหลิวมาถึงแล้ว ตรัยฌานสั่งการทันที

“ไปดูซิว่ามีใครแอบตามมารึเปล่า”

อาติยะเสียงเขียวว่าไม่ต้อง ตนบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าหลิวไม่ใช่คนอื่น แล้วขยับจะไปหาเธอ ตรัยฌาน จะตามแต่เขาห้ามไว้ อ้างจะคุยกับเธอตามลำพัง ตรัยฌานได้แต่มองตามเป็นห่วง ไม่นานนัก อาติยะมาพบกับหลิวที่โต๊ะสนามข้างบ้าน เธอขอโทษเขาด้วยที่มารบกวนเวลาแบบนี้

“หลิว ผมไม่อยากให้เราดูห่างเหินกันอย่างนี้เลย เราพูดจากันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เหรอ”

“เพราะว่าฉันยังรู้สึกเหมือนเราเป็นคนแปลกหน้ากันอยู่” คำตอบของหลิวทำเอาบรรยากาศตึงเครียด อาติยะจึงต้องเปลี่ยนเรื่องพูดว่ามีเรื่องสำคัญอะไรถึงต้องมาหาค่ำๆมืดๆแบบนี้ เธอถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่าเขาเป็นคนฆ่าอาแปะของจางเหาหรือเปล่า อาติยะถึงกับอึ้ง

ooooooo

ตรัยฌานยังไม่วางใจนัก ออกมาสั่งให้ลูกน้องวางกำลังเพิ่มเป็นสองเท่า และให้ตรวจเข้มทุกตารางนิ้วของบ้าน แล้วเดินไปสำรวจด้านหลังบ้าน ส่วนลูกน้องหันมาเฝ้ายามต่อ เห็นเงาใครบางคนแวบๆยังไม่ทันจะขยับก็ถูกจางเหาอัดสลบคาที่ เขาหยิบเอาปืนของลูกน้องติดมือไปด้วย แล้วย่องเข้าในตัวบ้าน

ขณะจางเหาเดินหาเป้าหมาย ตรัยฌานมาจากทางไหนไม่รู้ ลอบเข้ามาทางด้านหลังเอาปืนจ่อไว้...

ฝ่ายอาติยะปฏิเสธเสียงเข้มว่าไม่ได้เป็นคนฆ่าแปะคู ถึงจะไม่ค่อยพอใจนักที่จางเหามาอยู่ใกล้หลิวแต่ก็ไม่ใช่เป็นคนที่จะใช้วิธีสกปรกแบบนั้น เธอขอโทษที่พูดเหมือนดูแคลนเขา แต่จางเหาเจอเข็มกลัดสัญลักษณ์ 14K ซึ่งจะมีแต่เฉพาะผู้นำแต่ละประเทศเท่านั้นที่มีตกอยู่ข้างๆศพ อาติยะตัดพ้อก็เลยเหมารวมว่าเป็นตน หลิวพยักหน้ายอมรับว่าใช่ อาติยะไม่สนใจใครจะคิดอย่างไร แค่อยากรู้ว่าเธอสงสัยเขาด้วยหรือเปล่า

หลิวได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบ ระหว่างนั้นตรัยฌานเข้ามารายงานว่าจางเหาลอบเข้ามาในบ้าน หลิวรู้ทันทีว่าเขาแอบสะกดรอยตามตัวเองมา ทั้งเสียใจและโมโหที่เขาไม่ไว้ใจ ก้าวฉับๆไปหาโดยไม่รอเจ้าของบ้าน ครั้นเจอหน้าจางเหา หลิวต่อว่าที่เขาหลอกใช้ตนเอง เขาไม่สนใจที่ถูกต่อว่าหันไปจ้องหน้าอาติยะที่เพิ่งตามเข้ามาอย่างเอาเรื่อง ฝ่ายถูกจ้องปฏิเสธเช่นเดิมว่าไม่ได้เป็นคนฆ่าแปะคู จางเหาไม่เชื่อโยนเข็มกลัดชิ้นนั้นลงตรงหน้าอาติยะ

“ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร หา” พูดจบจางเหาพุ่งเข้าหาอาติยะ ตรัยฌานชักปืนจะยิงเขา หลิวร้องห้ามเสียงหลง ตรัยฌานชะงัก ก่อนจะเสียงกร้าวใส่จางเหาว่า เค.วองมีศักดิ์และศรีพอ ถ้าบอกว่าไม่ก็คือไม่ ป่วยการจะอธิบาย เพราะจางเหาฝังใจแล้วว่าอาติยะเป็นคนทำ แย่งปืนจากมือตรัยฌานหันใส่อาติยะ ลูกน้องที่รายล้อมอยู่ได้แต่ยกปืนเล็งจางเหา แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร หลิวพยายามอธิบายว่านี่อาจเป็นการเข้าใจผิดกัน

“ชีวิตของแปะ แกต้องชดใช้” จางเหากำลังจะเหนี่ยวไกปืน แต่ต้องหยุดกึกเมื่อหลิวเอาตัวเองขวางทางปืน

“พอได้แล้ว ถ้าจะยิงเขา คุณก็ต้องยิงฉันก่อน”

จางเหาเจ็บปวดใจที่เห็นหลิวเอาตัวปกป้องอาติยะ ตัดใจลดปืนลงแล้วเดินจากไป หลิวเองก็ปวดใจไม่แพ้เขาเช่นกัน อาติยะขอบคุณเธอมากที่ช่วยเอาไว้ เธอยินดีช่วย เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาตายเพราะตัวเองอีก

“ผมตีความว่า คุณยังรักผมอยู่ได้ใช่ไหม”

อาติยะหุบยิ้มแทบไม่ทันที่ไม่มีคำตอบจากปากหลิว...

ในเวลาเดียวกัน ปราบหอบงานกลับมาทำที่บ้าน หยิบแฟ้มการตายของผิงขึ้นมาตรวจดูอีกรอบ มีข้อสงสัยบางประการผุดขึ้นมา รีบคว้ามือถือโทร.หาจ่า อยากรู้ว่าก่อนที่ตี๋ซุ้งจะขอผิงตอนอายุ 11 ขวบมาเลี้ยง ในประวัติแจ้งว่าตอนเธออายุ 8 ขวบ มีคนมารับเธอไปเลี้ยงก่อนหน้าตี๋ซุ้งอีกที จ่าพอจะรู้ไหมว่าเป็นใคร จ่าเองก็ไม่ทราบ คนเลี้ยงก่อนหน้าอาจจะเลี้ยงไม่ไหวก็เลยเอามาคืน

“ผมอยากรู้ว่าใครเป็นคนที่รับเธอไปเลี้ยงก่อนที่จะมาอยู่บ้านธรรมกุล หาข้อมูลให้ผมด้วย”

ooooooo

เต็งล้อเห็นหลิวลงมาที่โถงบันไดด้านล่าง ปรี่เข้ามาถามว่าเมื่อคืนหายไปไหนมา เธอเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่จางเหาบุกไปหาอาติยะถึงที่พัก กล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าแปะคู เต็งล้อซักด้วยความสนใจว่าอาติยะปลอดภัยไหม

“ปลอดภัย ส่วนจางเหาหนีไปได้”

ที่ปรึกษาตระกูลธรรมกุลผิดหวังอย่างแรงที่ไม่มีใครตายแต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ ระหว่างนั้นสมุนเข้ามารายงานว่าปราบมาขอพบหลิว ครู่ต่อมาประมุขบ้านธรรมกุลออกมาพบกับปราบซึ่งถูกสมุนยืนคุมเชิงอยู่หน้าบ้าน เต็งล้อซึ่งตามหลิวมาด้วยถามเขาเสียงเครียดว่ามาหาแต่เช้ามีเรื่องอะไร ปราบออกตัวไม่มีอะไรร้ายแรง

“ผมแค่มีข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของสาวใช้ที่ชื่อผิงจะสอบถามเพิ่มเติม” ปราบเห็นเต็งล้อมีท่าทีสนใจเป็นพิเศษ แกล้งขอคุยกับหลิวเป็นการส่วนตัว เกรงจะเสียรูปคดีหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เธอไม่ขัดข้องผายมือเชิญเขาไปคุยกันข้างใน เต็งล้อตามมาแอบดูเป็นกังวล

ไม่นานนักหลิวพาปราบมาที่ห้องทำงานทันทีที่ประตูห้องปิด เขาเล่าเรื่องที่ตัวเองเช็กประวัติผิงว่า ก่อนหน้าที่ตี๋ซุ้งจะขอรับมาเลี้ยงที่นี่ เธอมีคนรับไปอุปการะก่อนหน้าแล้ว หลิวแปลกใจทำไมผิงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ปราบตั้งข้อสังเกตอาจเป็นเพราะเธออยากให้เป็นความลับ ตอนนี้เขาให้คนไปสืบดูแล้วว่าเป็นใคร

“แต่ยังมีเรื่องน่าสงสัยมากกว่าอีก จำคดีฆาตกรรมช่างสักที่จางเหาตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้ไหม”

หลิวได้แต่ส่ายหน้า เนื่องจากความทรงจำช่วงนั้นของเธอยังไม่กลับคืนมา รวมทั้งเรื่องผิงทำงานให้เต็งล้อและเรื่องที่เต็งล้อคือศัตรูใกล้ตัวที่พ่อเตือนไว้ในจดหมาย ปราบเล่าเพิ่มเติมว่า ช่างสักคนนั้นเคยอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เดียวกับผิงและจากการดูข้อมูลโทรศัพท์ของทั้งคู่ทำให้รู้ว่าพวกนั้นติดต่อกัน

“คุณกำลังสงสัยว่าจางเหาอาจไม่ใช่ฆาตกร”

พูดพลางหลิวแอบดีใจไปด้วยที่จางเหาอาจหลุดข้อหานี้ ปราบยังไม่คิดเลยไปถึงตรงนั้น แค่สงสัยว่าผิงมาเกี่ยวอะไรด้วยหรือเปล่าต่างหาก แล้วถามเธอว่าเจอจางเหาบ้างไหม หลิวนิ่งไปอึดใจก่อนจะพยักหน้ายอมรับ

“วันก่อนจางเหามาหาผมแล้วถามเรื่องเข็มกลัด 14K จางเหาต้องรู้ว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะทำให้เขาเจอกับเค.วองได้” ปราบมองคู่สนทนาอย่างรอคำตอบ เธอเล่าว่าจางเหาแอบตามไปตอนที่เธอไปหาอาติยะ หวังจะไปฆ่าเขา แต่เธอห้ามไว้เสียก่อน ปราบดักคอสงสัยเธอคงจะรักหัวหน้า 14K คนนี้มาก

“ฉันแค่ไม่อยากให้จางเหาฆ่าใครอีกแล้ว” สีหน้าและแววตาที่เป็นห่วงจางเหาของหลิวทำให้ปราบตระหนักในทันทีว่าเธอรักจางเหามากกว่าอาติยะ สองคนมัวแต่คุยกันไม่ทันสังเกตเห็นประตูถูกแง้ม เต็งล้อแอบฟัง

ทั้งคู่คุยกันตั้งแต่แรก มือถือของเต็งล้อสั่นมีสายเรียกเข้า เขารีบหลบออกไปรับสาย

ooooooo

ในเวลาต่อมา ขณะหลิวกลับเข้าบ้านหลังออกไปส่งปราบ เรื่องราวต่างๆที่ประดังเข้ามาทำให้เธอปวดหัวจี๊ดขึ้นมาถึงกับเดินเซ ฮัวมาทันเห็นรีบเข้าไปประคองถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอส่ายหน้าไม่เป็นไรฮัวมีอะไรหรือเปล่าถึงมาที่ตึกใหญ่ ฮัวรู้จากเด็กรับใช้ว่าเหมยไม่ยอมกินอะไรเลยตั้งแต่นายเล็กตาย

หลิวเป็นห่วงแม่มากรีบไปที่เรือนเล็ก เห็นแม่นอนหมดสติอยู่ในห้องพระ เข้าไปเขย่าแขนให้รู้สึกตัว ท่านตื่นขึ้นพร้อมกับไอออกมาอย่างหนัก หลิวเห็นท่าไม่ดีจะพาไปหาหมอ ท่านไม่ยอมไปอ้างไม่ได้เป็นอะไร แค่นั่งสวดมนต์นานจนเพลียก็เลยเผลอหลับ หลิวคะยั้นคะยอจะให้ไปโรงพยาบาลให้ได้ เพราะเด็กรับใช้รายงานว่าท่านไม่ยอมกินอะไรเลย เหมยยืนกรานไม่ยอมไปโรงพยาบาล

“ถ้าม้าไม่ยอมไปโรงพยาบาลก็ต้องกินข้าว โอเคไหมม้า”

เหมยจำใจยอมตามที่ลูกต้องการ หลิวดีใจขอตัวไปบอกให้เด็กอุ่นอาหารมาให้ ทันทีที่ลูกคล้อยหลัง เหมยไอออกมาอีก คราวนี้มีเลือดปนออกมาด้วย เจ้าตัวตกใจสีหน้าไม่สู้ดีนัก...

ระหว่างที่หลิวกำลังสั่งฮัวให้ไปบอกเด็กรับใช้หาอะไรบำรุงร่างกายไปให้เหมยที่ไม่ค่อยสบายกิน  เต็งล้อเข้ามารายงานว่าพวกเหงี่ยนปาล็อค เข้ามาหากินในเขตของเราและยังจัดการคนของเราด้วย หลิวไม่พอใจ นี่พวกมันไม่รู้หรือว่ากำลังทำผิดกฎของ 14K อยู่ เต็งล้อมั่นใจว่าพวกมันรู้ แต่คงอยากจะลองของกับเรามากกว่า นี่ไม่ได้มีแค่พวกเหงี่ยนปาล็อคจากเวียดนามเท่านั้นที่มาวุ่นวายกับเรา

“พวกแก๊งจากไต้หวันก็เข้าไปอาละวาดที่เยาวราชด้วย” เต็งล้อพูดไม่ทันขาดคำ อาติยะโทร.มาบอกหลิวว่ารู้เรื่องที่ธรรมกุลโดนก่อกวนแล้ว คิดว่าพวกนั้นอยากจะลองของ หลิวอยากรู้ว่าเขาจะให้เธอจัดการเองหรือเขาจะจัดการให้ อาติยะทำเป็นแปลกใจ นี่เธอไม่เข้าใจสิ่งที่พวกมันกำลังทำใช่ไหม เธอยอมรับว่าใช่

“พื้นที่ดูแลของธรรมกุลมีผลประโยชน์สูงมากที่พวกมันนัดกันมารุมคุณพร้อมๆกัน คงต้องการให้คุณเอาไม่อยู่ มีกฎของ 14K ข้อหนึ่ง ถ้าพื้นที่ไหนที่เกิดความขัดแย้งจนเกินควบคุม เค.วองจะต้องแบ่งพื้นที่นั้นให้กับคู่ขัดแย้งเท่าๆกัน”

“แล้วคุณช่วยอะไรไม่ได้หรือไง” หลิวใจคอไม่ดีเพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ อาติยะทำเป็นนิ่งคิดเพื่อยื้อให้เธอเป็นกังวล ก่อนจะบอกว่ามีทางเดียวที่จะทำให้พวกมันไม่กล้ายุ่งกับธรรมกุลคือเราสองคนต้องแต่งงานกัน ถ้าเราแต่งงานกันจะทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอคือคนของเขา ใครที่ยุ่งกับธรรมกุลหรือเธอ เขาจะมีอำนาจจัดการอย่างเด็ดขาด การแต่งงานของเราอาจเป็นทางเดียวที่ทำให้เธอและธรรมกุลรอดพ้นจากเรื่องนี้ หลิวขอคิดดูก่อน

“แต่ผมก็อยากให้คุณรีบตัดสินใจให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้คุณและตระกูลธรรมกุลคือเป้าของพวกมัน”

หลิววางสายด้วยความหนักใจ ขณะที่อาติยะยิ้มพอใจที่แผนบีบให้เธอแต่งงานดำเนินไปด้วยดี ตรัยฌานที่ยืนอยู่แถวนั้นด้วย ถามเขาว่าจะให้ทำอย่างไรต่อ เขาสั่งให้ไปบอกพวกนั้นให้ป่วนธรรมกุลให้หนักข้อขึ้นอีก...

ทางด้านปราบกำลังนั่งดูแฟ้มคดีการตายของช่างสักและผิงอยู่ในห้องพัก นึกถึงจางเหาขึ้นมาได้ โทร.นัดให้ออกมาเจอกันหน่อย จากนั้นไม่นาน จางเหามาพบกับปราบตามนัด สารวัตรหนุ่มแจ้งเรื่องที่พบข้อสังเกตใหม่ในคดีฆาตกรรมช่างสัก คือผิงเด็กรับใช้คนสนิทของหลิวรู้จักกับคนตาย จางเหาไม่รู้สึกยินดียินร้ายเพราะคิดแต่จะแก้แค้นให้แปะคู ได้แต่แดกดันในที่สุดปราบก็เชื่อตนสักที

“ฉันก็ว่าไปตามหลักฐาน ถ้าความจริงทุกอย่างปรากฏว่านายไม่ใช่ฆาตกร ฉันอยากจะขอร้องอะไรสักอย่าง อย่าฆ่าใครอีกเลยโดยเฉพาะอาติยะ ฉันรู้ว่านายไม่ใช่คนเลวร้าย ชีวิตนายมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ได้ ขอร้องล่ะ อย่าให้ต้องมาพังเพราะความแค้นเลย”

จางเหาไม่สนใจคำขอร้องของปราบเดินจากไปพร้อมกับความแค้นที่แน่นอกพร้อมจะระเบิดใส่อาติยะ...

ทางฝ่ายศัตรูคู่อาฆาตของจางเหารู้ดีว่าหลิวจะต้องตอบตกลงแต่งงานด้วยเนื่องจากไม่อยากให้ธรรมกุลต้องล่มสลายในมือตัวเอง สั่งให้ตรัยฌานเรียกประชุมสมาชิก 14K เป็นการด่วน หวังจะประกาศเรื่องการแต่งงานของตัวเองกับหลิวหวังให้เธอหนีไม่ออก และอีกอย่างเพื่อจะตรวจดูด้วยว่าเข็มกลัดสัญลักษณ์ของสมาชิกอยู่กันครบหรือเปล่า หากของใครหายไป แสดงว่าคนคนนั้นต้องมีเอี่ยวกับการตายของแปะคู

ooooooo

เป็นอย่างที่อาติยะคาดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน หลิวโทร.หาเขาแต่เช้า ตกลงรับข้อเสนอของเขา เธออุตส่าห์คิดทบทวนอยู่หลายตลบแต่ครั้นตอบรับจะแต่งงานด้วย กลับไม่มั่นใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ก็เลยแวะไปหาแม่เพื่อระบายเรื่องนี้ให้ฟัง หลิวเล่าได้แค่ว่าอาติยะคนรักของเธอกลับมาหลังจากหายตัวไปนาน

“เขากลายเป็นหัวหน้าใหญ่ขององค์การ 14K เขามาขอหลิวแต่งงานแล้วหลิวก็ตอบตกลงไป แต่ทำไมหลิวถึงไม่รู้สึกดีใจเลย เหมือนอาร์ตี้ไม่ใช่คนเดิมที่หลิวรู้จัก ม้าว่าหลิวคิดถูกรึเปล่าที่จะแต่งงานกับเขา ทั้งๆที่ไม่ได้รักแล้ว” หลิวรอฟังความเห็นจากแม่ กลับพบแต่ความเงียบพอหันมองอีกทีท่านหมดสติไปแล้ว เธอพยายามเขย่าแขนให้รู้สึกตัว ท่านก็นอนนิ่งไม่ตอบสนอง ตัดสินใจโทร.ตามรถพยาบาล...

หลังหมอตรวจร่างกายเหมยอย่างละเอียด พบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย หมดโอกาสจะรักษาเนื่องจากมะเร็งลามไปทั่ว แนะนำให้ญาติทำใจไว้ หลิวฟังหมอสรุปอาการของแม่แล้วตกใจแทบล้มทั้งยืน...

กว่าเหมยจะรู้สึกตัวก็บ่ายมากแล้ว ลืมตาขึ้นมาเห็นสภาพตัวเองมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ระโยงระยางเต็มไปหมด ถามหลิวที่นั่งกุมมืออยู่ข้างเตียงว่าตนเป็นอะไรทำไมถึงมีเครื่องอะไรมากมายนัก หลิวจำต้องโกหก

“ม้าไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ที่เห็นเครื่องเยอะแยะเพราะหลิวสั่งหมอให้เอามา หลิวอยากให้ม้าหายเร็วๆ”

“ถ้าม้าไม่เป็นอะไร ก็ไม่เห็นต้องยุ่งยาก ไปบอกหมอว่าม้าจะกลับแล้ว” ไม่พูดเปล่าเหมยพยายามลุกจากเตียง หลิวห้ามก็ไม่ฟังดื้อดึงจะลุกให้ได้ สุดท้ายหน้ามืดจะเป็นลม ต้องล้มตัวลงนอนอย่างเดิม

“เห็นไหมม้า เพราะอย่างนี้ไง ม้าถึงต้องอยู่ที่โรงพยาบาลก่อน ถ้าอยากกลับเร็วๆ ม้าก็ต้องรีบหายนะ” หลิวพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้กลัวแม่จะจับได้ว่าโกหก รอจนท่านหลับไปแล้ว จึงออกมาร้องไห้นอกห้อง เต็งล้อที่เพิ่งรู้ข่าวตามมาดูอาการ เจอหลิวยืนตาแดงอยู่หน้าห้องถามว่าเหมยป่วยเป็นอะไร เธอตัดสินใจบอกความจริงว่าท่านเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย เธออยากใช้เวลาที่เหลืออยู่กับท่านให้มากที่สุด ฝากเขาดูเรื่องที่บ้านด้วย

“เรื่องนั้นนายน้อยวางใจได้” เต็งล้ออดชะเง้อมองเข้าไปในห้องพักฟื้นด้วยความเป็นห่วงไม่ได้...

ในเวลาต่อมา ขณะเต็งล้อกำลังจะกลับบ้านธรรมกุล เห็นอาติยะกับตรัยฌานกำลังจะเดินเข้ามาในโรงพยาบาล รีบหลบมุมแอบมองอย่างสนใจ...

หลิวโทร.นัดอาติยะให้มาพบที่นี่เพื่อจะขอเลื่อนงานแต่งงานเนื่องจากแม่ของเธอป่วยหนักกำลังจะตาย เขายอมให้เลื่อนการจัดงานได้แต่การแต่งงานของเราจะต้องมีขึ้นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หลิวของขึ้นทันที

“อาร์ตี้ นี่คุณไม่ได้ยินใช่ไหมว่าม้าของฉันกำลัง...” หลิวพูดยังไม่ทันจบอาติยะชิงพูดแทรกขึ้นเสียก่อนว่าเข้าใจความรู้สึกของเธอดี แต่ที่เขาต้องทำอย่างนี้ก็เพื่อเธอ หลิวไม่เข้าใจเขาหมายความว่าอย่างไร ทั้งคู่มัวแต่คุยกันไม่ทันเห็นเต็งล้อแอบมองอยู่

ooooooo

หงส์เหนือมังกร

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด